ในทุกวันนี้เทรนการดูหนังแบบออนไลน์มีมากขึ้นเรื่อง ๆ แถมแอปสำหรับดูหนังก็มากขึ้นตามไปด้วย Netflix เองก็นับเป็นรายใหญ่ด้านการให้บริการดูหนังออนไลน์ อีกทั้งยังมีหนังและซีรี่ส์เพิ่มเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ด้วย ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่สำหรับคนยุคใหม่ให้สามารถดูหนัง/ซีรี่ส์ผ่านมือถือและแท๊บเล็ตได้ทุกที่ตลอดเวลาด้วยราคาเบา ๆ เพียง 99 บาท วันนี้เราเลยจะมาเทียบแพ็กเกจต่าง ๆ กันว่าจริง ๆ แล้วมันต่างกันขนาดไหน ตัวไหนคุ้มกว่า พร้อมด้วยวิธีสมัคร
เชื่อว่าคอหนัง/ซีรี่ส์ในประเทศไทยที่ชื่นชอบหนัง/ซีรี่ส์ต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกไม่วายต้องมีไอดีเอาไว้ดูกันทุกคน อีกทั้งในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะมีสมาร์ทโฟนกันอย่างน้อย 1 เครื่องติดตัว แถมเทรนการชมสื่อต่าง ๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟนก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแต่เดิมแล้วต้องจ่ายถึง 279 บาทต่อเดือนเลยถึงจะสามารถดูได้ ซึ่งหลาย ๆ คนดูแค่ผ่านมือถือหรือแท๊บเล็ตกันเท่านั้น ไม่ได้ดูผ่านคอมหรือทีวีเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องจ่ายอยู่ดีทำให้อาจถูกมองว่าแพงได้ Netflix จึงได้ออกแพ็กเกจใหม่ที่ช่วยให้คอหนังที่ดูผ่านมือถือและแท๊บเล็ตไม่ต้องจ่ายเงินแพงเกินไปในการเสพหนัง/ซีรี่ส์ ช่วยให้เข้าถึงคอหนังได้กว้างมากขึ้น
เปรียบเทียบแพ็กเกจ Netflix 99 บาท – 419 บาท
มือถือ | พื้นฐาน | มาตรฐาน | พรีเมียม | |
---|---|---|---|---|
ค่าบริการรายเดือน | 99 บาท | 279 บาท | 349 บาท | 419 บาท |
จำนวนหน้าจอที่สามารถรับชมได้พร้อมกัน | 1 | 1 | 2 | 4 |
จำนวนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่สามารถใช้ดาวน์โหลดเนื้อหา | 1 | 1 | 2 | 4 |
รับชมภาพยนตร์และรายการทีวีได้แบบไม่จำกัด | yes | yes | yes | yes |
รับชมในโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต | yes | yes | yes | yes |
รับชมในคอมหรือทีวี | no | yes | yes | yes |
รับชมได้ในรูปแบบ HD | no | no | yes | yes |
รับชมได้ในรูปแบบ Ultra HD | no | no | no | yes |
สำหรับคนที่งบไม่เยอะและดูผ่านมือถือหรือแท๊บเล็ตไม่มีการไปเปิดในแล็ปท็อปหรือทีวีเลยยังไงแพ็กเกจมือถือก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถึงแม้จะสูญเสียความคมชัดไป แต่ก็แลกมาด้วยราจ่ายที่ลดลง และไม่ต้องประสบพบเจอวงโหลดให้ขัดใจด้วย เว้นแต่หากเป็นคนที่ชอบดูผ่านคอมหรือทีวีแล้วเอาจริง ๆ ให้ข้ามพื้นฐานแล้วไปเลือกแพ็กเกจมาตราฐานเลยจะคุ้มกว่า เพราะจะได้ดูหนัง/ซีรี่ส์แบบ HD ได้ แต่หากคิดว่าจ่ายไม่ไหวแต่อยากดูแบบชัด ๆ แล้วแนะนำให้หาคนช่วยหาร ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว, ญาติ หรือแม้กระทั่งเพื่อน ซึ่งเมื่อได้คนช่วยหารแล้วรายจ่ายต่อเดือนก็จะน้อยกว่าแพ็กเกจแบบพื้นฐานเสียอีก
สำหรับแพ็กเกจพรีเมียมนั้นส่วนที่ดีสี่สุดของแพ็กเกจนี้คือการที่สามารถดูหนัง/ซีรี่ส์ที่ความละเอียด 4K ได้ แต่ข้อจำกัดของแพ็กเกจนี้ก็มีเยอะตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่อุปกรณ์ที่เราใช้ดูรวมไปถึงความเร็วเน็ตที่เราใช้ด้วย หากองค์ประกอบไม่ครบก็นับว่าไม่คุ้มที่จะสมัครแพ็กเกจนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย ข้อดีของแพ็กเกจนี้ก็คือเหมาะกับกลุ่มคนใกล้ชิดที่อยากเปิดดูหนังพร้อมกัน แต่ไม่อยากดูเรื่องเดียวกัน เพราะเมื่อช่วยกันหารค่าใช้จ่ายแล้วจะตกเพียงคนละ 105 บาทเท่านั้น แพงกว่าแพ็กเกจมือถือเล็กน้อย แต่สามารถดูได้ถึงความละเอียด 4K เลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรก็มีสิ่งที่ต้องเตือนเล็กน้อย นั่นก็คือหากเอามาดูในมือถือแล้วต้องการดูแบบ HD หรือ HDR ก็จำเป็นจะต้องเป็นเครื่องที่ให้การรับรองแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังต้องเป็นมือถือที่รองรับ Widevine DRM L1 อีกด้วย โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ help
ขั้นตอนการสมัครสมาชิก (สำหรับบัญชีใหม่)
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือไปที่เว็บไซต์
- เลือกชุดมือถือราคา 99 บาทต่อเดือน
- กรอกบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อสร้างไอดี
ขั้นตอนการเปลี่ยนแพ็กเกจ (สำหรับคนที่มีบัญชีอยู่แล้ว)
- เข้าสู่ระบบ แล้วไปที่หน้า “บัญชี” ของคุณ
- ในส่วน “รายละเอียดแพ็คเกจ” ให้เลือก “เปลี่ยนแพ็คเกจ” (หากไม่เห็น “เปลี่ยนแพ็คเกจ” ให้ติดต่อเราเพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม)
- จากนั้นจะเห็นหน้าที่มีข้อมูลแผนให้บริการและราคาค่าบริการที่ใช้งานได้ เลือกแผนให้บริการที่ต้องการ แล้วเลือก “ดำเนินการต่อ” หรือ “อัปเดต”
- เลือก “ยืนยันการเปลี่ยนแปลง” หรือ “ยืนยัน” การเปลี่ยนแปลงของคุณจะมีผลในวันที่ที่ระบุไว้
*หากบัญชีของคุณถูกพักใช้งานอยู่ จะไม่สามารถเปลี่ยนแพ็คเกจได้จนกว่าบัญชีจะใช้งานได้
**การอัปเกรดแพ็คเกจจะมีผลทันที / การดาวน์เกรดแพ็คเกจจะมีผลในวันที่เรียกเก็บครั้งถัดไป และคุณจะถูกเรียกเก็บค่าบริการในราคาใหม่ในวันที่เรียกเก็บครั้งถัดไป
หาร Netflix
การหารเพื่อให้ราคาที่ต้องจ่ายถูกลงนั้นก็ไม่ได้ถือว่าแย่ เพราะช่วยกันแชร์ค่ารายเดือน ซึ่งการจะแชร์ค่ารายเดือนนั้นแพ็กเกจที่คุ้มที่สุดก็คือแพ็กเกจพรีเมี่ยม 4K ที่มีราคา 419 บาท สามารถดูได้พร้อมกันทั้งหมด 4 จอ ซึ่งหากหารค่าใช้จ่ายแล้วจะตกเหลือเพียงคนละ 105 บาทเท่านั้น คุ้มกว่าการซื้อแบบดูคนเดียวมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือการแชร์ค่ารายเดือนนั้นควรเป็นการแชร์ในครอบครัวหรือในกลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น
ซึ่งในปัจจุบันนี้ในโซเชียลต่าง ๆ อย่างเช่น Facebook, Twitter หรือแม่กระทั่ง IG ก็มีการประกาศหาคนแชร์ค่ารายเดือนในราคาไม่ถึง 100 บาท ซึ่งพวกนี้คนจ่ายจะเป็นใครจากไหนเราก็ไม่ทราบได้ อีกทั้งไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนกันถึงได้จ่ายในราคาถูกมาก ๆ ได้ ดังนั้นจึงไม่อยากแนะนำให้ไปร่วมแชร์กับกลุ่มพวกนี้ แต่หากจำเป็นจริง ๆ อย่างเช่นหาคนแชร์ไม่ได้และความสามารถในการจ่ายไม่ถึงจริง ๆ ก็ขอให้คนหาข้อมูลและดูประวัติคนแชร์ร่วมให้ดี ๆ ซึ่งสามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้ตามอินเตอร์เน็ตและช่องทางโซเชียลต่าง ๆ
วิธีหนึ่งที่จะได้แชร์ราคาถูกเท่าที่พอจะหาเจอก็คือการซื้อ Netflix Gift Card แบบ US ซึ่งเมื่อหารออกมาแล้วราคาจะถูกกว่า 100 บาท หากสามารถหาบัตรนี้ได้ก็ขอให้แชร์กับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนสนิทจะเป็นการดีที่สุด ส่วนวิธีหาบัตร Gift Card สามารถค้นหาผ่านทาง Google ได้เลย มีขายกันอยู่หลายเจ้ามาก