Chuwi HiPad Plus แท็บเล็ต Android 10 สเปคดี รูปลักษณ์สวยงามกับราคาไม่ถึงหมื่น มาดูกันว่าจะมีดีมากน้อยแค่ไหน แต่บอกได้เลยว่าคนที่หาแท็บเล็ตสำหรับเรียนอยู่ไม่ควรพลาด กับรีวิวแปลแบบหมดเปลือก

Chuwi HiPad Plus นั้นเป็นแท็บเล็ตระดับท๊อปรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Chuwi ผู้ผลิตแท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊คจากทางจีนที่ได้รับการอัปเกรดสเปคมาใหม่สานต่อความสำเร็จของแท็บเล็ตรุ่น HiPad ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้นั้นต้องบอกเลยว่าน่าสนใจเอามากๆ เพราะราคาของมันนั้น 10,000 บาทมีทอนแถมยังสามารถหาซื้อได้ผ่านทางแอปพลิเคชันช๊อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังที่ให้บริการในไทยอีกด้วยต่างหาก
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายๆ ท่านยังคงต้อง Work From Home รวมทั้งน้องๆ อีกหลายคนที่ยังคงต้องเรียนออนไลน์จากที่บ้านนั้น Chuwi HiPad Plus สามารถที่จะตอบโจทย์การใช้งานดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าสเปคจะไม่ได้เทพเหมือนแท็บเล็ตระดับสูงของแบรนด์ดัง ทว่าหากมองประสิทธิภาพเทียบกับราคาแล้วนั้นต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมากที่สุด งานนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับทุกท่านทางทีมงานจึงขอนำเอารีวิวตัวเครื่องมาแปลให้ทุกท่านได้ศึกษากัน จะเป็นเช่นไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย
- สเปคของ Chuwi HiPad Plus
- รูปลักษณ์ตัวเครื่อง Chuwi HiPad Plus
- หน้าจอของ Chuwi HiPad Plus
- ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง Chuwi HiPad Plus
- ความร้อนเมื่อใช้งาน Chuwi HiPad Plus
- คุณภาพของลำโพงบน Chuwi HiPad Plus
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Chuwi HiPad Plus
- สรุป Chuwi HiPad Plus
สเปคของ Chuwi HiPad Plus
Processor | Mediatek Kompanio 500 (MT8183) 8 แกนการประมวลผล ประกอบไปด้วย Cortex-A73 จำนวน 4 แกนและ Cortex-A53 อีกจำนวน 4 แกน ทุกแกนรันที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2 GHz |
Graphics adapter | Arm Mali-G72 MP3 |
Memory | 4096 MB, LPDDR4 |
Storage | 128 GB eMMC Flash และรองรับ microSD Card ความจุสูงสุด 128 GB |
Display | 11.00 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ความละเอียด 2176 x 1600 pixel โดยมีความหนาแน่นของจุดพิเซลอยู่ที่ 246 PPI พาแนลหน้าจอแบบ IPS LCD พร้อม refresh rate 60 Hz สัมผัสได้ 10 จุดพร้อมกันโดยหน้าจอเป็นแบบ capacitive หน้าจอเคลือบเงา glossy |
Connections | 1 USB 2.0 Card Reader: MicroSD Sensors: Accelerometer |
Camera | กล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 5 MP |
Networking | 802.11 a/b/g/n/ac (a/b/g/n = Wi-Fi 4/ac = Wi-Fi 5) Bluetooth 4.2 |
Size | 6.95 x 248.3 x 179.5 mm (height x width x depth) |
Weight | 505 g |
Battery | 7300 mAh Lithium-Polymer |
Speakers | จำนวน 2 ตัว แต่ละตัวมีกำลังเสียงสูงสุดอยู่ที่ 1 W |
Operating System | Android 10 |

ในส่วนของสเปคนั้นหากดูๆ แล้วอาจจะไม่ได้สูงมากเท่าไรนัก ทว่าหากพิจารณากับเงินที่ต้องเสียไปแล้วนั้นบอกได้เลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน ตัวเครื่องมาพร้อมชิปเซ็ท MediaTek Kompanio 500 (MT8183) ซึ่งเป็นชิปเซ็ทในระดับกลางที่ไม่ค่อยได้เห็นการนำเอามาใช้งานจริงบนแท็บเล็ตมากเท่าไรนัก ตัวชิปนั้นใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 12 nm โดยจะมีแกนการประมวลผลทั้งหมด 8 แกนแยกเป็นแกนประสิทธิภาพ Cortex-A73 จำนวน 4 แกนและแกนประหยัดพลังงาน Cortex-A53 จำนวน 4 แกนโดยมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาเท่ากันทุกแกนอยู่ที่ 2.0 GHz
ชิปกราฟิกที่ใช้งานนั้นเป็น ARM Mali-G72 ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 800 MHz ที่รองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 2K ทำให้ Chuwi HiPad Plus เองนั้นมาพร้อมกับหน้าจอที่ความละเอียดระดับ 2K ทว่าตัวหน้าจอนั้นจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 16:10 ทำให้ในการใช้งานนั้นอาจจะมีช่วงที่ไม่คุ้นชินเท่าไรสำหรับผู้ใช้งานแท็บเล็ตที่มีอัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 หรือ 4:3 มาก่อน อย่างไรก็ดีข้อดีของการใช้หน้าจออัตราส่วน 16:10 นั้นก็คือจะทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android ในปัจจุบันมีความคุ้นชินในการใช้งานได้มากกว่า
จุดที่ต้องบอกว่าเป็นข้อด้อยเลยยั้ยก็คือการใช้แหล่งเก็บข้อมูลแบบ eMMC ซึ่งมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลค่อนข้างที่จะต่ำ กับให้หน่วยความจำมาแค่เพียง 4 GB นั้นก็ดูอาจจะน้อยไปหน่อยแล้วสำหรับการใช้งานในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ดีตัวเครื่องนั้นเปิดตัวมาพร้อม Android 10 แบบ Pure Android ซึ่งปัจจุบันนั้นทาง Chuwi ได้มีการปล่อยอัปเดทออกมาเป็น Android 11 ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นในการใช้งานน่าจะอยู่ได้อีก 2 ปี สบายๆ
รูปลักษณ์ตัวเครื่อง Chuwi HiPad Plus

Chuwi HiPad Plus นั้นมาพร้อมกับการใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุสำหรับเคส ตัวเครื่องนั้นเรียกได้เป็นแท็บเล็ตที่บางเอามากๆ เพราะมีความหนาอยู่ที่เพียง 6.9 mm เท่านั้น ทว่าด้วยขนาดจอใหญ่ถึง 11 นิ้วนั้นทำให้นำหนักของเครื่องมากขึ้นไปตามคืออยู่ที่ 505 g ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่สามารถที่จะถือใช้งานมือเดียวเป็นระยะเวลานานๆ ได้อย่างแน่นอน



กล้องหลังนั้นจะนูนขึ้นมาจากด้านหลังเครื่องพอประมาณ โดยตำแหน่งของกล้องนั้นหากวางเครื่องแบบแนวนอนตัวกล้องจะมีตำแหน่งอยู่ที่ทางด้านซ้ายบนของหลังเครื่อง ข้างๆ ของกล้องนั้นจะมี LED Flash สำหรับใช้ถ่ายภาพในที่มืด ทว่าหากพูดถึงเรื่องรูปที่ถ่ายออกมาแล้วนั้นคงต้องบอกว่าแค่ผ่านเฉยๆ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ทำงานทางด้านภาพเป็นหลัก นอกไปจากนั้นถึงแม้ว่าเซ็นเซอร์กล้องหลังจะมาพร้อมกับระบบ Auto Focus แต่ทว่าในการใช้งานจริงพบว่ากว่าจะจับโฟกัสได้นั้นค่อนข้างใช้เวลานานเลยทีเดียว(แน่นอนว่ากล้องหน้าก็เป็นเช่นกัน)

ด้วยความที่ตัวเครื่องมาพร้อมกับโมเด็มที่รองรับกับการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi และ Bluetooth เท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องจะมีเพียงแค่ถาดสำหรับใส่ microSD Card ซึ่งจะมีตำแหน่งอยู่ที่ทางขอบด้านซ้ายของตัวเครื่อง

ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีพอร์ต POGO ที่เอาไว้ใช้งานในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ดเป็นต้น

ในส่วนของพอร์ต USB Type-C นั้นก็มีข้อด้อยเช่นเดียวกัน โดยตัวเครื่องนั้นจะไม่มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ 3.5 mm Audio jack มาให้แถมตัวพอร์ต USB Type-C เองก็ไม่รองรับการใช้งานกับหูฟังแบบ Type-C ดังนั้นในการฟังเสียงท่านจะต้องฟังจากตัวเครื่องหรือต่อผ่าน Bluetooth เท่านั้น
นอกไปจากนั้นแล้วพอร์ต USB Type-C นั้นยังไม่รองรับการเชื่อมต่อจอแบบภายนอกได้ งานนี้เรียกว่าตัวพอร์ต USB Type-C นั้นมีเอามาไว้เพื่อใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่โดยเฉพาะเท่านั้น



หน้าจอของ Chuwi HiPad Plus

Chuwi HiPad Plus นั้นมีขนาดอยู่ที่ 11 นิ้วความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ระดับ 2K โดยใช้พาแนลเป็น IPS LCD ซึ่งสีสันที่แสดงออกมานั้นก็อยู่ในระดับที่รับได้ ตัวหน้าจอนั้นมีความสว่างเฉลี่ยอยู่ที่ 308.5 cd/m² ทำให้ไม่เหมาะเท่าไรนักหากจะนำไปใช้งานในสถานที่ที่มีแสงจ้ามาก(รวมทั้งนอกอาคารก็ไม่เหมาะ)


นอกไปจากนั้นแล้วหน้าจอของ Chuwi HiPad Plus ยังมี response time ทั้งในแบบ Black to White และ 50% Grey to 80% Grey ที่ค่อนข้างจะต่ำมาก(ตามตารางทางด้านบน) ซึ่งแน่นอนว่าด้วย response time ที่ต่ำเช่นนี้นั้นทำให้ Chuwi HiPad Plus ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการเล่นเกมที่มีการเปลี่ยนหน้าจอตลอดเวลา รวมทั้งการเล่นคลิปวีดีโอที่มีการเปลี่ยนภาพสลับไปมารวดเร็วนั้นในบางครั้งผู้ใช้อาจจะเห็นอาการ Ghost ของภาพหรือที่เรียกว่าภาพซ้อนขึ้นมาได้

ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง Chuwi HiPad Plus
ประสิทธิภาพของชิปเซ็ท

ชิปเซ็ท Mediatek Kompanio 500 (MT8183) นั้นในปัจจุบันนี้ค่อนข้างอยู่ในตำแหน่งระดับกลางไปจนถึงล่างดังนั้นในส่วนของประสิทธิภาพจึงไม่ได้สูงมากนัก จากการทดสอบพบว่าประสิทธิภาพการทำงานของตัวชิปเซ็ทซึ่งทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน PCMark จะเคียงกันกับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 662 ที่ถูกใช้งานบน Samsung Galaxy Tab A7 10.4 เวอร์ชันปี 2020
หมายเหตุ – ตัวชิป Mediatek Kompanio 500 (MT8183) นั้นจริงๆ ก็เปิดตัวออกมาตั้งแต่ช่วงปี 2018 แล้วด้วย
ประสิทธิภาพของชิปกราฟิก

สำหรับประสิทธิภาพทางด้านกราฟิกนั้นจากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าจะยังคงใกล้เคียงกับชิปกราฟิกบน Qualcomm Snapdragon 662 ที่ถูกใช้งานบน Samsung Galaxy Tab A7 10.4 เวอร์ชันปี 2020 เช่นเดียวกัน ซึ่งหากจะนำไปเล่นเกมนั้นสำหรับเกมเบาๆ ก็รองรับได้เป็นอย่างดี ทว่าหากจะเอาไปเล่นเกมที่ใช้กราฟิกหนักๆ แล้วนั้น Chuwi HiPad Plus ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
ประสิทธิภาพของหน่วยความจำบนเครื่อง

ในส่วนของแหล่งเก็บข้อมูลนั้นสำหรับ eMMC 128 GB บนตัวเครื่องนั้นสามารถที่จะทำความเร็วในการใช้งานออกมาได้ค่อนข้างดี โดยหากเทียบกับแท็บเล็ตที่ใช้งาน eMMC เป็นแหล่งเก็บข้อมูลหลักของตัวเครื่องแล้วนั้นพบว่าประสิทธิภาพความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลของ Chuwi HiPad Plus จะอยู่ในระดับกลางๆ
แต่พอมาเป็น microSD Card แล้วนั้นงานนี้ต้องบอกเลยว่า Chuwi HiPad Plus ดันตกม้าตายเพราะรองรับ microSD Card ความจุสูงสุดเพียง 128 GB เท่านั้นแถมรูปแลล Format ของ microSD Card ที่สามารถนำมาใช้งานได้กับตัวเครื่องนั้นจะได้เพียงแค่ FAT ซึ่งแน่นอนว่างานนี้มีปัญหากับผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์บน microSD Card ที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 GB อย่างแน่นอน
ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อเครือข่าย

ในการทดสอบการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi นั้นพบว่า Chuwi HiPad Plus สามารถที่จะทำความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลได้อยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น ทว่าตลอดการทดสอบนั้นพบว่าสัญญาณนิ่งดี
ความร้อนเมื่อใช้งาน Chuwi HiPad Plus


Chuwi HiPad Plus นั้นถือว่ามีการจัดการความร้อนที่ค่อนข้างดี แต่กระนั้นแล้วเรื่องความร้อนที่ไม่เกิดขึ้นมากนักก็เป็นเรื่องปกติของแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่อยู่แล้ว จากการวัดอุณหภูมิของตัวเครื่องในขณะที่เปิดเครื่องขึ้นมาเฉยๆ นั้นพบว่าทางด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีอุณหภูมิมากสุดอยู่ที่ 23.5 °C ซึ่งบริเวณดังกล่าวนั้นจะเป็นบริเวณที่มีภาคจ่ายไฟของตัวเครื่องและแผงวงจรหลักอยู่(ตรงบริเวณใกล้กับพอร์ต USB Type-C) เช่นเดียวกันกับทางด้านหลังของเครื่องที่จะมีอุณหภูมสูงสุดอยู่ที่ 23.6 °C ที่ตำแหน่งเดียวกัน


เมื่อทดสอบรันเครื่องแบบ Full load แล้วนั้นพบว่าตำแหน่งที่อุณหภูมิของเครื่องเพิ่มมากสุดจะยังคงอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน โดยทางด้านหน้านั้นจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาอยู่ที่ 31.5 °C ส่วนทางด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาอยู่ที่ 31.3 °C
คุณภาพของลำโพงบน Chuwi HiPad Plus

ลำโพงบน Chuwi HiPad Plus นั้นถึงแม้ว่าจะมีด้วยกัน 2 ตัว แต่เสียงที่ให้นั้นก็เป็นเสียงแบบ Mono เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นทว่าคุณภาพความดังเสียงบน Chuwi HiPad Plus ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างที่จะดังเอามากๆ ข้อเสียจริงๆ เลยนั้นคงอยู่ตรงที่ตัวลำโพงขับเสียง Bass ออกมาได้ไม่ดีมากเท่าไรนัก
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Chuwi HiPad Plus

ส่วนที่สำคัญมากที่สุดคงหนีไม่พ้นอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ Chuwi HiPad Plus สามารถใช้งานท่องเว็บผ่าน Wi-Fi เป็นระยะเวลาต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 8.51 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับแท็บเล็ตที่มาพร้อมกับชิปเซ็ทรุ่นเก่า อย่างไรก็ตามแล้วนั้นข้อเสียของ Chuwi HiPad Plus ก็คือการที่ตัวเครื่องไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วใดๆ เลย โดยในชุดจำหน่ายจะมีที่ชาร์จที่จ่ายไฟได้สูงสุดที่ 5V2A แถมมาให้เท่านั้นทำให้เวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จตัวเครื่องนั้นค่อนข้างที่จะนานเอามากๆ (มากกว่า 2 ชั่วโมง)
สรุป Chuwi HiPad Plus

จุดเด่น
- มาพร้อมหน้าจอความละเอียด 2K
- วัสดุที่ใช้เป็นอลูมิเนียมทั้งตัวซึ่งงานประกอบดีและแน่นหนา
- ประสิทธิภาพต่อราคาจัดว่าดีเอามากๆ
- คู่แข่งในระดับเดียวกันมีราคาแพงกว่าเยอะ
- มาพร้อม Android 10 ซึ่งในปัจจุบันมีการปล่อยอัปเดท Android 11 ออกมาแล้ว
- ลำโพงเสียงดัง
- มีพอร์ตเชื่อมต่อ microSD Card
จุดด้อย
- กระจกครอบหน้าจอมีคุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อใช้มือลูปสัมผัสอาจจะพบอาการกระจกหน้าจอเบี้ยวในบางจุด
- Response Time ของหน้าจอแย่เอามากๆ เกิดปัญหาภาพซ้อน
- หน้าจอมีแสงสว่างน้อยไม่เหมาะกับการใช้งานนอกอาคารหรือในที่ๆ มีแสงจ้ามากๆ
- พอร์ต USB Type-C ใช้งานได้แค่ชาร์จไฟเท่านั้น
- น้ำหนักค่อนข้างมาก
- ไม่มีเซ็นเซอร์วัดความสว่าง(ซึ่งทำให้ไม่รองรับการปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ
- ไม่มีพอร์ตการเชื่อมต่อหูฟังหรือ 3.5 audio jack
- ไม่รองรับการใส่ SIM และไม่มี GPS
โดยสรุปแล้วนั้น Chuwi HiPad Plus ถือว่าทำออกมาได้ดีเอามากๆ หากพิจารณาว่าจะนำมาใช้งานเพื่อการเรียนออนไลน์หรือการใช้งานในการทำงานโดยเฉพาะเนื่องจากว่า Chuwi HiPad Plus นั้นรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด อย่างไรก็ดีด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างนั้นทำให้ Chuwi HiPad Plus เองไม่เหมาะเท่าไรหากจะเอาไปใช้งานในอื่นๆ นอกเหนือจากด้านเอกสารไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านกราฟิกที่หน้าจอรองรับการแสดงผลของสีแบบ RGB ที่ต่ำ หรือหากจะเอาไปใช้ด้านการถ่ายภาพแล้วด้วยนั้นตัวกล้องก็มีคุณภาพค่อนข้างจะแย่
ทั้งหมดทั้งมวลนี้นั้นใช่ว่า Chuwi HiPad Plus จะไม่ดีเลย ด้วยราคาจำหน่ายที่ 9,xxx บาท แถมมีวางจำหน่ายบแอปพลิเคชันช๊อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังที่ให้บริการในบ้านเรา อีกทั้งยังมีประกันตัวเครื่องมาให้อีก 1 ปี ต่างหากทำให้ Chuwi HiPad Plus นั้นเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้อง Work From Home รวมถึงน้องๆ ที่ต้องเรียนออนไลน์ในช่วงนี้แต่มีงบประมาณไม่มากเท่าไรนัก
ที่มา : notebookcheck