จัดว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่สำหรับวงการไอทีในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ว่าได้ เมื่อรัฐบาลจีนได้ประกาศแบนการส่งออกแร่โลหะสำคัญที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตชิปไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการตอบโต้จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Biden ที่กำลังจะหมดวาระในเร็ว ๆ นี้ ได้ออกกฎจำกัดและควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์กลุ่ม semiconductor และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิการวิจัยและพัฒนาด้านอาวุธ รวมถึงเทคโนโลยี AI
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศห้ามการจำหน่ายและแบนการส่งออกแร่สำคัญ ได้แก่ Gallium, Germanium, Antimony และธาตุสำคัญอื่น ๆ นอกจากนี้ยังประกาศควบคุมการส่งออกแกรไฟต์อย่างเข้มงวดขึ้นด้วย จากที่ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม จีนได้เคยประกาศลดการส่งออก Antimony ไปแล้วถึง 97% เมื่อเทียบกับปริมาณการส่งออกในเดือนกันยายน ซึ่งจุดประสงค์หลักของประกาศนี้ก็คือเพื่อสร้างผลกระทบกับการที่สหรัฐอเมริกาจะนำแร่ที่ใช้งานได้มากกว่า 1 วัตถุประสงค์ (dual-use items) คือใช้ได้เพื่อทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไปและเพื่อการทหาร ที่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และการนำไปใช้ในเชิงการทหารของสหรัฐอเมริกาโดยตรง
สำหรับแร่ Gallium และ Germanium มักจะถูกนำมาใช้กับอุตสาหกรรม semiconductor ที่จะนำไปสู่การผลิตชิป ส่วน Antimony จะนำไปใช้ในการผลิตสายไฟเบอร์ออปติก แผงโซลาร์เซลล์ รวมถึงนำไปใช้ในกระบวนการผลิตกระสุนปืนลูกซอง อาวุธนิวเคลียร์ แว่นมองกลางคืน รวมถึงแบตเตอรี่บางส่วนด้วย ซึ่งการที่จีนประกาศแบนการส่งออกครั้งนี้ จะส่งผลกับปริมาณแร่ดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบัน จีนคือประเทศที่ส่งออก Gallium ดิบถึง 48% จาก Gallium ทั้งหมดที่ผลิตได้ทั่วโลก ส่วนถ้าเป็น Gallium ที่ผ่านกระบวนการแล้ว ก็นับเป็นถึง 98.8% เลยทีเดียว ในขณะที่ Germanium ที่ผ่านกระบวนการแล้ว จะอยู่ที่ 59.2% จากทั้งโลก ส่วนการแบน Antimony ก็จะส่งผลทำให้ราคาสูงขึ้นแน่นอน เช่นในส่วนของ Antimony Trioxide ที่ราคาในตลาดสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 228% ตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว แม้จะยังไม่มีการแบนการส่งออกในลักษณะนี้เกิดขึ้นก็ตาม
ที่มา: Engadget, Yahoo Finance, CNN