Black Shark 4S Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการทีเดียว 2 รุ่นกับรุ่นธรรมดาที่ใช้ Snapdragon 870 และรุ่น Pro ที่ใช้ Snapdragon 888+ มีให้เลือก 2 สี จะน่าสนใจมากแค่ไหนไปติดตามกัน

Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกมในซีรีย์ Black Shark รุ่นใหม่กับ Black Shark 4S Series มาพร้อมกันทีเดียวถึง 2 รุ่นกับ Black Shark 4S ที่ชูความแรงในราคาไม่แรงตามกับการใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 870 และ Black Shark 4S Pro ที่ชูความแรงด้วยชิปสุดแกร่งแห่งปีอย่าง Qualcomm Snapdragon 888+ โดยสเปคในหลายๆ ส่วนนั้นจะคล้ายๆ กันอันได้แก่

หน้าจอของตัวเครื่องที่ชูจุดเด่นกับการเลือกใช้หน้าจอขนาด 6.67 นิ้วที่มาพร้อมกับอัตราเร็วในการสัมผัสของหน้าจอ(touch sampling rate) ที่สูงถึง 720Hz ให้คุณได้เล่นเกมแบบว่องไว โดยหน้าจอนั้นจะใช้พาเนล E4 AMOLED ของทาง Samsung ที่รองรับความละเอียดที่ระดับ FHD+ โดยมี refresh rate สูงสุดอยู่ที่ 144 Hz

ระบบกล้องของ Black Shark 4S Series นั้นจะใช้ระบบกล้องแบบ 3 เลนส์โดยจะประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์หลักที่ในรุ่น Black Shark 4S นั้นเซ็นเซอร์หลักจะมีความละเอียดอยู่ที่ 48MP ส่วนในรุ่น Black Shark 4S Pro นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 64MP สำหรับอีก 2 เซ็นเซอร์นั้นจะเป็นเซ็นเซอร์เดียวกันและมีความละเอียดเท่ากันซึ่งประกอบไปด้วย
- เซ็นเซอร์ Ultrawide ความละเอียด 8MP
- เซ็นเซอร์ Macro ความละเอียด 5MP
ในส่วนของกล้องหน้านั้นตัวเครื่อง Black Shark 4S Series จะใช้ดีไซน์การออกแบบหน้าจอเหมือนกันคือเป็นแบบ punch-hole ที่จะเห็นรูปกล้องอยู่ตรงกลางของตัวเครื่องทางด้านบน สำหรับเซ็นเซอร์ของกล้องหน้านั้นจะใช้เซ็นเซอร์ตัวเดียวกันมีความละเอียดอยู่ที่ 20MP

จุดที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นเกมมากที่สุดเลยนั้นคงอยู่ที่ปุ่ม L และ R ที่เป็นปุ่มจริงๆ ไม่ต้องสัมผัสผ่านหน้าจออีกต่อไป โดยการออกแบบนั้นก็ถูกปรับแต่งมาเป็นอย่างดีคือเวลาที่ต้องการใช้งานนั้นก็เพียงแค่ทำการเลื่อนปุ่มให้โปล่ขึ้นมา เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็เลื่อนกลับซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้นั้นก็จะทำให้ตัวปุ่ม L และ R นั้นไม่เกะกะเวลาไม่ใช้งานนั่นเอง

จุดสุดท้ายที่ทั้ง Black Shark 4S และ Black Shark 4S Pro ยังคงเหมือนกันก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาที่ 4,500 mAh เท่ากัน นอกไปจากนั้นแล้วตัวแบตเตอรี่นั้นยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วที่กำลังไฟฟ้าสูงสุด 120W เท่ากัน โดยตามที่ทาง Xiaomi บอกไว้นั้นพบว่าสามารถที่จะชาร์จจาก 0% ไปเป็น 50% ได้ในระยะเวลาเพียง 5 นาที และชาร์จให้เต็ม 100% ด้วยเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น นอกไปจากนั้นแล้วตัวแบตเตอรี่ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วอื่นๆ อย่าง Qualcomm Quick Charge (QC) และ USB Power Delivery (PD) อีกด้วย
ในส่วนของการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งไร้สายและมีสายนั้นจะประกอบไปด้วย dual-SIM, 5G, dual-band WiFi 6, Bluetooth 5.2, GNSS (GPS, A-GPS, GALILEO, GLONASS, BeiDou, QZSS), NFC, USB Type-C port, and a 3.5mm headphone jack โดยในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยนั้นตัวเครื่องจะใช้ระบบแสกนลายนิ้วมือเป็นหลักซึ่งจะมีตำแหน่งเซ็นเซอร์แสกนอยู่ที่ปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ทั้งนี้ Black Shark 4S series นั้นจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการณ์ Android 11 ที่ครอบทับด้วย JoyUI 12.8(ดัดแปลงจาก MIUI ของทาง Xiaomi เพื่อให้เหมาะสมกับการเล่นเกมมากขึ้น)
Black Shark 4S


มาแยกส่วนที่แตกต่างกันบ้างโดยกับรุ่น Black Shark 4S นั้นจะใช้หน่วยความจำแบบ LPDDR5 RAM ทว่ามีความเร็วอยู่ที่ 5500Mbps เท่านั้นซึ่งจะต่ำกว่ารุ่น Pro ส่วนแหล่งเก็บข้อมูลนั้นจะใช้เป็นแบบ UFS 3.1
Black Shark 4S จะมีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือ Black, White และ Gundam Limited Edition โดยราคาค่าตัวของแต่ละโมเดลนั้นจะแตกต่างกันไปตามขนาดหน่วยความจำและแหล่งเก็บข้อมูลดังนี้
- 8GB + 128GB ราคา ¥2,699 หรือประมาณ 14,000 บาท
- 12GB + 128GB ราคา ¥2,999 หรือประมาณ 15,700 บาท
- 12GB + 256GB ราคา ¥3,299 หรือประมาณ 17,000 บาท
Black Shark 4S Gundam Limited Edition



สำหรับ Gundam Limited Edition นั้นจะมีเพียงโมเดลเดียวเท่านั้นคือ 12GB + 256GB สำหรับราคาจะอยู่ที่ ¥3,499 หรือประมาณ 18,000 บาท ซึ่งนอกจากที่ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับลวดลาย Gundam แล้วนั้นผู้ซื้อจะยังได้รับของแถมอีก 3 ชิ้นซึ่งประกอบไปด้วย(สามารถซื้อแยกได้)
- หูฟัง Freedom Gundam ราคา ¥349 หรือประมาณ 1,800 บาท
- พัดลมระบายอากาศ Freedom Gundam ราคา ¥299 หรือประมาณ 1,550 บาท
- เคส Freemdom Gundam ราคา ¥99 หรือประมาณ 510 บาท
Black Shark 4S Pro



สำหรับ Black Shark 4S Pro นั้นจะใช้หน่วยความจำแบบ LPDDR5 RAM เช่นเดียวกันแต่ทว่ามีความเร็วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6400Mbps นอกไปจากนั้นแล้วแหล่งเก็บข้อมูลก็เป็นการใช้งานแบบผสมผสานระหว่าง UFS 3.1 และ SSD ซึ่งทำให้มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงกว่าปกติ ทั้งนี้ Black Shark 4S Pro มีวางจำหน่ายแค่ 2 สีเท่านั้นคือ Black และ White โดยราคาจะแยกตามโมเดลของหน่วยความจำและแหล่งเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้
- 12GB + 256GB ราคา ¥4,799 หรือประมาณ 24,760 บาท
- 16GB + 512GB ราคา ¥5,499 หรือประมาณ 28,370 บาท
ทั้งนี้ Black Shark 4S Series เริ่มเปิดให้ทำการ Pre-order อย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีน สำหรับในตลาดต่างประเทศนั้นคงต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นเมื่อไร
ที่มา : gizmochina