จบลงไปแล้วนะครับสำหรับงานเปิดตัว iPhone 12 ซึ่งในงานนี้ก็ได้มีการเปิดตัวลำโพงอัจฉริยะรุ่นใหม่อย่าง HomePod mini ด้วย โดยคอนเซ็ปท์หลัก ๆ ก็สมชื่อเลย คือมีขนาดที่เล็กกว่า HomePod รุ่นปกติ รวมถึงยังมีราคาที่ย่อมเยาลงมาด้วย โดยเปิดมาที่ $99 คิดเป็นเงินไทยก็ราว 3,000 บาทนิด ๆ
ข้อมูลที่น่าสนใจ และฟีเจอร์ของ HomePod mini
หลัก ๆ เลยก็คือการใช้เป็นลำโพงประจำห้องเพื่อใช้เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ของระบบสมาร์ตโฮมของ Apple ครับ แน่นอนว่าสามารถใช้ฟังเพลง ใช้สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri ได้ รวมถึงยังใช้เปรียบเสมือน hub ในการส่งข้อมูล ส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ของเราได้ด้วย โดยจุดที่น่าสนใจจากการเปิดตัวก็เช่น
ดีไซน์
ภายนอกหุ้มด้วยตาข่ายผ้าเพื่อให้เสียงสามารถผ่านได้ดี ส่วนด้านบนจะเป็นจุดที่รองรับการสั่งงานด้วยการสัมผัสได้
ระบบเสียงแบบ 360 องศารอบทิศทาง
ให้เสียงที่เต็มพลัง ในขนาดตัวที่สูงเพียงแค่ประมาณ 3.3 นิ้วเท่านั้น โดยมาพร้อมกับชิป Apple S5 ที่ใช้ในการประมวลผลต่าง ๆ รวมถึงด้านเสียงด้วย ซึ่งฟังก์ชันดังกล่าวจะใช้ชื่อระบบว่า Computational Audio ที่ช่วยให้ได้เสียงที่มีรายละเอียดมากขึ้น ทั้งโทนเสียงสูงและเสียงเบส ผ่านการขับทางไดรเวอร์แม่เหล็กแบบนีโอไดเมียม
นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับจูนเสียงให้เหมาะสมในทุกระดับความดังเสียงด้วย ส่วนการรับเสียงนั้น HomePod mini มีไมค์ในตัวด้วยกันถึง 4 จุด ทำให้สามารถรับคำสั่งเสียงได้จากทุกมุมห้อง
ด้านของสื่อบันเทิงที่สามารถสั่งเปิดจาก HomePod mini ได้ หลัก ๆ ก็จะเป็น Apple Music, Apple Podcasts, Pandora, TuneIn, Amazon เป็นต้น ไม่มี Spotify, Joox, Tidal นะครับ
การเชื่อมต่อกับ HomePod mini ด้วยกันเอง
ผู้ใช้สามารถวาง HomePod mini หลาย ๆ เครื่องในบ้านเดียวกันได้ โดยแต่ละตัวจะสามารถเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายภายในบ้าน ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ต่อเนื่องกันตลอดเวลา เช่น สามารถสั่งเปิดเพลงจากลำโพงในห้องนั่งเล่น จากนั้นเดินไปยังห้องครัว เพลงที่เปิดไว้ตอนแรกก็จะมาดังที่ลำโพงในห้องครัวเองเมื่อผู้ใช้เดินมาถึง หรือจะสั่งให้แต่ละห้องเล่นเพลงที่แตกต่างกันก็ได้
ส่วนถ้าต้องการพลังเสียงที่เต็มอิ่มยิ่งขึ้น ก็สามารถจับคู่ HomePod ทั้งสองเครื่องในห้องเดียวกัน เพื่อเปลี่ยนให้เป็นลำโพงสเตอริโอก็ได้ด้วย
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple
ผู้ใช้สามารถรับสาย iPhone ฟังเพลงจากเครื่อง Mac หรือจะส่งเสียงจาก Apple TV มายัง HomePod mini ได้อย่างง่ายดาย ส่วนถ้าต้องการย้ายเสียงจากลำโพงกลับมายัง iPhone ก็เพียงแค่ยื่นมือถือไปใกล้ ๆ ลำโพง จากนั้นก็จะเสมือนว่าเพลงได้ไหลจากลำโพงมาสู่มือถือ แล้วก็ฟังเพลงจากมือถือแทนได้ทันที
อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ HomePod mini สามารถซิงค์ข้อมูลที่จำเป็นไปยังอุปกรณ์อื่นที่ใช้ Apple ID เดียวกันได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้สอบถามข้อมูลสถานที่ปลายทางจาก Siri และเมื่อขึ้นรถ แผนที่ของสถานที่นั้นก็จะแสดงในระบบ Apple CarPlay ในรถด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน
การจดจำเสียงผู้ใช้งาน
Siri บน HomePod mini สามารถจำแนกเสียงสมาชิกในครอบครัวได้สูงสุด 6 คน ทำให้สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างกันให้กับแต่ละบุคคลได้ เช่น การแนะนำเพลงที่แตกต่างกัน รวมถึงการดึงข้อมูลจากแอปต่าง ๆ บน iPhone ของแต่ละคน เพื่อใช้ในการตอบได้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากที่สุด โดยตัวอย่างแอปที่สามารถดึงข้อมูลมาได้ก็เช่น Messages, Calendar, Reminders และ Contacts
ระบบ Intercom
ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวที่อาจจะอยู่คนละห้องกัน ผ่านการพูดกับ HomePod mini ได้ เช่น แม่ที่อยู่ในห้องครัว สามารถถามลูกที่อยู่ในห้องนอนได้ว่าอยากทานอะไรเป็นมื้อเช้า โดยไม่จำเป็นต้องเดินไปที่ห้อง ไปต้องโทรไปถาม ไม่ต้องตะโกนอีกต่อไป เพียงแค่ถามผ่านทาง HomePod mini ส่วนอีกฝ่ายก็สามารถโต้ตอบได้ในลักษณะเดียวกัน
นอกจากจะใช้งาน Intercom ระหว่าง HomePod mini ด้วยกันได้แล้ว ฟังก์ชันนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ได้ด้วย เช่น iPhone, iPad, AirPods, Apple Watch ไปจนถึง ระบบ Apple CarPlay ในรถยนต์
การป้องกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
Apple ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับ โดยประเด็นที่น่าสนใจก็เช่น
- HomePod mini จะไม่มีการเก็บข้อมูลเสียงเบื้องหลัง โดยจะเริ่มฟังเสียงหลังจากได้ยินคำว่า Hey Siri ที่ใช้เริ่มต้นคำสั่งเท่านั้น
- เมื่อถามข้อมูลกับทาง Siri ระบบจะทำการเรียกข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตน Apple ID ของผู้ใช้งาน
- การทำงานเกือบทั้งหมดของ HomePod mini จะจบอยู่ภายในเครื่อง ยกเว้นคำสั่งบางอย่าง เช่น การเรียกฟังข้อความ หรือบันทึกจากใน iPhone ซึ่งจะไม่มีการส่งข้อมูลกลับไปหา Apple
สำหรับราคา HomePod mini นั้นเปิดมาที่ $99 คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3,100 บาท มีให้เลือกด้วยกันสองสี คือสีเทา Space Gray และสีขาว เบื้องต้นจะเปิดจองในบางประเทศวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ และเริ่มจัดส่ง/วางจำหน่ายในวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีประเทศไทยนะครับ ส่วนอนาคตนั้นต้องรอดูกันอีกที
ข้อมูลสเปคอื่น ๆ ของ HomePod mini ที่น่าสนใจ
- น้ำหนัก 345 กรัม
- ไดรเวอร์เดี่ยวแบบ full-range
- รองรับ WiFi 802.11n และ Bluetooth 5.0
- มีชิป U1 ในตัว
- รองรับการทำงานร่วมกับ
- iPhone SE, iPhone 6s หรือรุ่นใหม่กว่าที่ใช้ iOS ล่าสุด
- iPod Touch 7th ที่ใช้ iOS ล่าสุด
- iPad Pro, iPad 5, iPad Air 2, iPad mini 4 หรือใหม่กว่า ที่ใช้ iPadOS ล่าสุด
- แถมอะแดปเตอร์ 20W ให้มาในกล่อง
สำหรับข้อมูลเต็ม ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ Apple ครับ