เคยไหมครับเวลาที่ต้องการเรียกแท็กซี่แล้วเจอแต่แท็กซี่ส่งรถ, เติมแก๊ส หรือบางรายก็บอกกันดื้อๆ เลยว่า “รถติด ไม่ไปอ่ะ” บางทีขึ้นรถแล้วก็ยังต้องเจอกับพี่แท็กซี่ชวนคุยเรื่องการเมือง ไม่ก็บ่นโน่นนี่นั่นไปตามประสา ส่วนตัวผมเชื่อนะครับว่าต้องมีคนที่รู้สึกว่า “แล้วชั้นเลือกอะไรได้ไหม” ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงได้แต่ก้มหน้าหลับตาทนขึ้นรถแท็กซี่ปกติไป แต่ตอนนี้มีทางเลือกเยอะกว่าที่คิดครับ นอกจากแอพพลิเคชันเรียก Taxi ที่เราเคยรีวิวไปแล้วอย่าง GrabTaxi มาวันนี้ผมก็จะมารีวิวอีกหนึ่งแอพพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ แต่เป็นรถแบบพรีเมียมอย่าง Uber
**หมายเหตุ ผู้เขียนไม่ได้เหมารวมทั้งหมดนะครับว่า Taxi ปกติจะไม่ดีทุกราย พี่คนขับ Taxi ดีๆ ก็มีเช่นกัน**
อันที่จริง Uber ได้เปิดให้บริการในบ้านเรามาหลายเดือนแล้วครับ โดยความพิเศษของ Uber คือจะใช้รถระดับเดียวกับรถที่ให้บริการในโรงแรม (ป้ายเขียวอักษรขาว) เพราะฉะนั้นรถ Uber ทั่วไปที่เราจะพบเห็นได้มากที่สุดก็จะเป็น Toyota Camry ส่วนมากก็จะเป็นรุ่น Hybrid ปี 2013 ครับ ใหม่ป้ายแดงกันเลยทีเดียว (รุ่นเก่าสุดที่เคยนั่งคือรุ่นโมเดล 2006) นอกจากนี้ทีเด็ดของ Uber ก็คือพี่คนขับจะไม่มีการงอแงแม้แต่น้อยครับ ไม่ว่าเราจะเรียกให้ไปส่งที่ไหนก็ตาม รถจะติด ฝนจะตก เอาเป็นว่าถ้ามีถนนให้วิ่ง ยังไง Uber ก็ไปส่งเราแน่นอนครับ ส่วนค่าบริการของ Uber จากที่ได้ลองนั่งก็พบว่าค่าบริการจะแพงกว่าแท็กซี่ปกติประมาณ 50% ได้ครับ ถือซะว่าเป็นการซื้อบริการและความสบายใจก็แล้วกันเนอะ
แต่ตอนนี้ทาง Uber จัดโปรโมชันต้อนรับหน้าฝนครับ ด้วยการลดราคาค่าบริการของ Uber ลง 45% ส่งผลให้ราคาค่าบริการของ Uber เมื่อเทียบกับแท็กซี่ปกติแล้ว จะแพงกว่าประมาณ 20 – 30 บาทเท่านั้นเอง โดยโปรโมชันดังกล่าวจะมีถึงแค่สิ้นเดือนกรกฎาคมเท่านั้นนะครับ
เข้าเรื่องของเราเลยก็แล้วกัน กับการรีวิว App Uber แต่ก่อนที่เราจะใช้บริการ Uber ได้ ต้องมี 2 สิ่งนี้ก่อนครับ
- สมาร์ทโฟน Android/iOS
- บัตรเครดิต หรือบัตรเครดิตเสมือนจริง (พวก K Web Shopping Card ของกสิกรก็ได้ครับ)
เหตุที่เราต้องมีบัตรเครดิตเพราะว่าทาง Uber จะไม่รับเงินสดครับ จะใช้การหักค่าบริการจากบัตรเครดิตเอา เพราะฉะนั้นขึ้น Uber ไม่ต้องพกเงินซักบาท (ค่าทางด่วนพี่คนขับก็จะควักจ่ายให้ก่อนด้วยครับ) ว่าแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนแรกกันก่อนเลย คือดาวโหลดแอพ Uber ใส่สมาร์ทโฟนของเรานั่นเอง
? ? ? ?
หลังจากที่ดาวโหลดมาแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการสมัคร Account Uber ให้เราเข้าไปที่ App Uber ครับ จากนั้นกดที่ Regiester แล้วก็ทำการกรอกข้อมูลลงไป แล้วกด Next
จากนั้นก็มากรอกข้อมูลบัตรเครดิต เมื่อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตเสร็จแล้ว ให้สังเกตตรงมุมขวาบนของหน้าดังกล่าว จะมีคำว่า PROMO CODE ให้กดเข้าไป แล้วกรอก Code 7H5R0 ก็จะได้ครับเครดิตในบัญชี Uber ฟรี 300 บาท (นั่งฟรี 300 บาทนั่นเอง) แล้วก็กด Register เป็นอันเรียบร้อยครับ
แล้วก็มาเข้าสู่วิธีการเรียกใช้งาน Uber ในหน้าแอพพลิชัน Uber จะแสดงเป็นแผนที่ ระบุตำแหน่งของตัวผู้ใช้ โดยจะแสดงระยะเวลาที่รถ Uber จะมารับเรา (กรณีที่มีรถวิ่งอยู่แถวๆ นั้นนะครับ) ถ้าไม่มีรถ ก็จะขึ้นว่า No car is available วิธีการเรียกรถก็ให้กดที่ป้ายดังกล่าวเลยครับ จากนั้นก็จะขึ้นเป็นหน้าจอแสดง Rate ราคา ซึ่งจะมีบางช่วงที่รถขาดจริงๆ ก็จะมีการเพิ่มราคาชั่วคราวเป็น x1.25 เท่า x1.5 เท่า, x1.75 เท่า (เคยเจอแพงสุดก็คูณ 1.75 นี่แหละครับ) ถ้ามีรถ Uber อยู่แล้วก็จะทำการเรียกรถให้เรา
สำหรับหน้าจอการเรียกรถก็จะแสดงหน้าตาของพี่คนขับ, ประเภทและยี่ห้อรถ รวมถึงคะแนนของคนขับ Uber ด้วยครับ (ส่วนมากก็จะอยู่ที่ 4.7 ดาวขึ้นไปทั้งนั้น) ถ้าหากว่าสถานที่ๆ เราเรียกรถไปไม่ได้ซับซ้อนมากนัก พี่คนขับก็จะไม่พยายามโทรติดต่อเราครับ เพราะในรถ Uber เองจะมี iPad Mini ที่เปิดแผนที่อยู่ และแผนที่นั้นค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว แต่ถ้าที่ๆ เราเรียกรถ Uber ซับซ้อนมากจริงๆ คนขับก็จะติดต่อกลับมาเพื่อถามทาง
เมื่อรถมาถึงเราก็มีหน้าที่แค่ขึ้นไปนั่ง แล้วบอกกับพี่คนขับว่าต้องการจะไปที่ไหน จากนั้นก็แค่นั่งให้สบายเท่านั้นเองครับ เมื่อถึงที่หมายและผู้โดยสารลงจากรถปุ๊บ ก็ทำการตัดเงินจากบัตรเครดิตทันที
จากประสบการณ์ที่ได้ลองนั่ง Uber มาหลายครั้งพบว่ามาตรฐานจะค่อนข้างไปในทางเดียวกันหมดครับ คือพี่คนขับจะขับรถได้นิ่มมากๆ ไม่มีการขับกระชาก ไม่มีการบ่นรถติด พูดจาสุภาพมากๆ และไม่ชวนคุยเรื่องการเมืองแน่นอน สำหรับพื้นที่ให้บริการนั้น เท่าที่ลองสอบถามคนขับ Uber ดู ก็ถือว่าครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพชั้นในเกือบ 80% และมีรถ Uber ให้บริการไกลสุดสำหรับฝั่งปทุมธานีก็ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต, ที่จังหวัดนนทบุรีก็จะเป็นบริเวณเมืองทองธานีและศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และทางฝั่งสมุทรปราการ โดยเวลาที่ให้บริการนั้น สำหรับพื้นที่กรุงเทพชั้นในจะมีรถ Uber ให้บริการ 24 ชั่วโมง ส่วนพื้นที่กรุงเทพชั้นนอก และปริมณฑลจะมีรถ Uber ให้บริการถึงแค่ตีสองเท่านั้น
