รวมโทรศัพท์ Redmi ทุกรุ่นที่ยังมีขายอยู่ในตอนนี้ รุ่นไหนดีได้สเปคเทพในราคาประหยัดในปี 2021
หนึ่งในยี่ห้อ Smart Phone ที่คุ้นหูและน่าจะเป็นที่รู้จักของใครหลายคนที่ใช้งานระบบ Android หรือว่าได้ยินมาจากชื่ออุปกรณ์ต่างๆ แทบจะครบวงจรในโลกนี้ นั่นก็คือ Xiaomi ที่ทำทั้งอุปกรณ์อัจฉริยะ เอาไว้ใช้สอยแบบเรียบหรูในราคาประหยัดหลายๆ อย่าง รวมไปถึงมือถือสมาร์ทโฟน ก็ได้ทำรุ่นแยกย่อยออกมาอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Mi Phone, POCO และ Redmi ที่เจาะกลุ่มการตลาดที่ต่างกันออกไปตามแต่ละแบบ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความประหยัด ที่ได้มือถือสเปคแรงๆ ใช้งานได้อย่างหลากหลาย และคุ้มค่ากับราคาที่ส่วนใหญ่ไม่เกินหมื่น หรือมีราคาหลักหมื่นต้นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์ย่อยอย่าง Redmi ที่ยังคงมีมือถือรุ่นใหม่ๆ อัพเดทออกมาให้เราได้เห็นกันอยู่เสมอ รวมไปถึงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ออกมากับรุ่น Redmi Note 11 Series ที่ขายดีจัดเลยในประเทศจีน ส่วนของไทยนั้นคงต้องรอกันอีกสักพัก สำหรับคนที่อยากรู้ว่าในตอนนี้ Redmi มีรุ่นอะไรที่ยังวางขายอยู่บ้าง วันนี้ทาง Specphone จะมารวมโทรศัพท์ Redmi ทุกรุ่นที่ยังมีขายอยู่ในตอนนี้ว่ามีรุ่นไหนบ้าง และซื้อรุ่นไหนดีที่ได้สเปคเทพๆ ในราคาประหยัด
รวมโทรศัพท์ Redmi ทุกรุ่นที่ยังมีขายอยู่ในตอนนี้รุ่นไหนดี
สำหรับโทรศัพท์ Redmi ทุกรุ่นที่เราจะนำมาบอกกันในวันนี้ ข้อมูลทั้งหมดจะมาจากรุ่นที่ยังมีการวางขายจากหน้าเว็บของ XIAOMI OFFICIAL STORE โดยตรงเลย ที่จะมีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้คือ 6 รุ่น โดยราคาเริ่มต้นของทั้งหมดนั้นจะอยู่ที่ 3,699 บาทและสูงสุดเพียง 11,299 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงมาก ถ้าเทียบกับสเปคที่ได้รับในแต่ละรุ่นก็ต้องบอกว่าคุ้มมาก ยิ่งถ้าซื้อร่วมกับแพกเกจจาก AIS, True หรือ dtac ก็จะได้ลดค่าเครื่องลงไปอีก ที่ต้องติดสัญญาตามแต่ละบริษัทกำหนด แต่ก็ยังคุ้มมากอยู่ดี ไม่ว่าจะซื้อเครื่องเปล่าหรือว่าซื้อร่วมกับแพ็กเกจต่างๆ ส่วนโทรศัพท์ Redmi รุ่นที่ยังมีการวางขายอยู่ในตอนนี้จะมีรุ่นไหน และมีสเปคเป็นอย่างไรบ้างไปดูกันเลย
1. Redmi 9A: ราคา 3,699 บาท
เริ่มกันด้วยโทรศัพท์ Redmi รุ่นแรกกันก่อนเลยกับรุ่นเล็กน้องสุด ที่เปิดตัวออกมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่ในตอนนี้ก็ยังคงมีการวางขายอยู่ทั้งจาก Official หรือตามค่ายโอเปอร์เรเตอร์บางค่ายก็ยังมีอยู่เช่นกัน เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพงมาก กับสเปคที่สามารถใช้งานได้แบบทั่วไป จะถือว่าเป็นรุ่นเอาไว้ใช้งานแบบเริ่มต้นก็ว่าได้ ดีไซน์ตัวเครื่องด้านนอกจะเป็นพลาสติกทั้งหมด และฝาหลังเป็นแบบกันรอยนิ้วมือจับได้ถนัดๆ ส่วนหน้าจอจะเป็นจอแสดงผลแบบ IPS LCD ระดับ HD+ Immersive กว้าง 6.53 นิ้วขนาดใหญ่กำลังดี พร้อมกับมีแสงสีฟ้าต่ำด้วยการรับรองการป้องกันแสงสีฟ้า ช่วยถนอมสายตาถึงแม้ว่าจะใช้งานเป็นเวลานาน ก็ยังคงสบายตาอยู่นั่นเอง
รุ่นนี้จะมีชิปประมวลผลเป็น Helio G25 พร้อมเทคโนโลยี HyperEngine ที่ทำให้การเล่นเกมนั่นไหลลื่นมากขึ้น แต่ก็อาจจะยังปรับกราฟิกสูงมากไม่ได้ด้วยข้อจำกัดของความจำและความจุด้วย รุ่นนี้จะมีกล้องหลังเป็นกล้องตัวเดียวที่ความละเอียด 13MP ที่มี AI ช่วยให้ถ่ายได้สีสันสวยงาม และดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 5MP กับ AI Beautify ที่ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ดูดียิ่งขึ้น และยังมีฟีเจอร์ Palm Shutter ที่สามารถถ่ายเซลฟี่ได้โดยไม่ต้องกดหน้าจอ เพียงแค่ใช้ฝ่ามือในการถ่ายเท่านั้น รุ่นนี้จะมีความจุแบตอยู่ที่ 5,000 mAh รองรับ Fast Charge 10W ใช้งานได้ยาวนานตลอดเต็มวัน และชาร์จกลับมาได้ไวยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นในราคาประหยัดที่คุ้มมากเช่นกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อได้ที่นี่
2. Redmi 9C: ราคา 4,499-4,999 บาท
โทรศัพท์ Redmi รุ่นต่อมานี้ยังคงเป็นรุ่นที่เปิดตัวออกมาปีที่แล้ว เหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไป หรือจะเน้นเล่นเกม ถ่ายรูปสวยๆ ก็ยังทำได้ ซึ่งรุ่นนี้จะมีให้เลือกสองสเปค แต่แนะนำว่าให้เพิ่มราคาอีกนิดซื้อรุ่นตัวท็อปไปเลยจะคุ้มกว่า จะได้ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น การดีไซน์ภายนอกของรุ่นนี้จะมีการเล่นสีสันให้ดูสวยงามมากขึ้น ฝาหลังยังมีการป้องกันลายนิ้วมือติด และมีสแกนปลดล็อคด้านหลังได้เลย หน้าจอแสดงผลจะเป็น IPS LCD ระดับ HD+ Immersive กว้าง 6.53 นิ้วพร้อมกับมีระบบป้องกันแสงสีฟ้า ช่วยถนอมสายตาเมื่อใช้งานเป็นเวลานานได้เหมือนกันกับตัว 9A เลยในเรื่องของหน้าจอแสดงผลทั้งหมด
ส่วนชิปประมวลผลนั้น รุ่นนี้จะใส่เป็นตัว Helio G35 พร้อมกับฟีเจอร์ HyperEngine ที่สามารถเล่นเกมได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นที่วางขายจะมีทั้งรุ่น RAM 3GB/ ROM 64GB และรุ่น RAM 4GB/ ROM 128GB ให้เลือก แต่ก็อย่างที่แนะนำไปว่าให้ซื้อรุ่นแรม 4GB ไปเลยคุ้มกว่าเยอะมาก กล้องหลังของรุ่นนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ที่เป็นกล้อง 3 ตัวความละเอียดเลนส์หลัก 13MP เลนส์มาโคร 2MP และชัดลึกอีก 2MP พร้อมแฟลช LED ที่ทำให้การถ่ายรูปไม่ว่าจะตอนไหนๆ ก็ถ่ายออกมาได้คมชัดสวยงามทุกรูปทั้งรูปวิวหรือบุคคล ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 5MP พร้อม AI Beautify และฟีเจอร์ Palm Shutter ที่ใช้เพียงแค่ฝ่ามือก็ถ่ายเซลฟี่ได้แล้ว ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นเยอะ รุ่นนี้จะมีความจุแบตที่ 5,000 mAh เล่นเกมได้ 10 ชั่วโมงและสแตนบายได้ถึว 27 วัน ดูรายละเอียดและซื้อได้ที่นี่ รุ่น RAM 3GB/ ROM 64GB, รุ่น RAM 4GB/ ROM 128GB
3. Redmi 9T: ราคา 5,199 บาท
มาต่อกันด้วยโทรศัพท์ Redmi รุ่นที่ฮิตติดอันดับต้นๆ ของแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีสเปคตัวเครื่องที่โหดเอาเรื่อง สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเน้นเล่นเกม หรือว่าจะไปสายถ่ายรูปรุ่นนี้ก็จัดฟีเจอร์มาให้ครบถ้วน ดีไซน์ตัวเครื่องรุ่นนี้จะยังคงเน้นการเล่นสีสัน กับฝาหลังที่มีการใช้แสงสะท้อนดูสวยงามมากขึ้น ที่สำคัญคือยังมีการป้องกันลายนิ้วมือ และสแกนปลดล็อคได้ง่ายๆ ที่ฝาหลังเหมือนเดิม หน้าจอแสดงผลรุ่นนี้จะเป็นแบบ IPS LCD ระดับ FHD+ กว้าง 6.53 นิ้วหน้าจอคมชัดทุกสีสัน ดูหนังได้สบายๆ เพราะมีการป้องกันแสงสีฟ้า ถนอมสายตาได้ถึงแม้ว่าเราจะดูหนังหรือเล่นเกมนานๆ ก็ตาม แถมยังมีการรับรองระบบเสียงด้วยความละเอียดสูงระดับ Hi-Res เลยทีเดียว
รุ่นนี้จะได้ชิปประมวลผลเป็นตัว Snapdragon 662 พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 2.2 สำหรับรุ่น 128GB แค่นี้ก็เล่นเกมได้ลื่นๆ หรือว่าจะเล่นหลายแอพก็ไม่มีสะดุด ซึ่งรุ่นที่วางขายแบบ Official ในตอนนี้ก็มีเพียงรุ่นเดียวก็คือรุ่นตัวท็อปตัวนี้นั่นเอง กล้องหลังก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะว่าเป็นกล้อง AI 4 ตัวที่ความละเอียดเลนส์หลัก 48MP อัลตร้าไวด์ 8MP มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP ถ่ายได้คมชัดทุกมุมมอง ไม่ว่าจะถ่ายมุมใกล้หรือมุมไกลก็เก็บรายละเอียดได้ครบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปหรือทำคอนเทนต์ต่างๆ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8MP เซลฟี่แบบมั่นใจไม่ต้องกลัวพลาด รุ่นนี้มีความจุแบตที่อึดมากด้วยความจุ 6,000 mAh รองรับ Fast Charge 18W ใช้ได้แบบยาวๆ ไม่ต้องกลัวหมดระหว่างวันเลย ดูรายละเอียดและสั่งซื้อที่นี่
4. Redmi 10: ราคา 5,599-6,799 บาท
โทรศัพท์ Redmi รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวออกมาได้ไม่นาน และก็เป็นที่สนใจสำหรับใครหลายคนด้วยเช่นกัน กับสเปคที่สามารถเล่นเกมได้ลื่นๆ กับกล้องที่มีความคมชัดสูง เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบในราคาประหยัดที่ไม่ถึง 7,000 บาทด้วยซ้ำ การดีไซน์ของรุ่นนี้จะเน้นไปที่ความเบาบางของตัวเครื่อง และสีสันที่มีความเรียบหรูแบบสองเฉดสี ที่ฝาหลังกับด้านหน้าเป็นกระจกแข็งทั้งคู่ ส่วนหน้าจอแสดงผลจะเป็น IPS LCD ระดับ FHD+ กว้าง 6.5 นิ้วที่มี AdaptiveSync ช่วยประหยัดพลังงาน โดยการปรับความลื่นของหน้าจอที่มีอัตรา Refresh Rate 90Hz ให้เหมาะสมกับการใช้งาน รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบลำโพงคู่ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่อง เพื่อให้เสียงนั้นกระจายได้รอบทิศทางมากขึ้น
ชิปประมวลผลของรุ่นนี้จะใช้เป็น Helio G88 ที่สามารถเล่นเกมได้ลื่นๆ แน่นอน แถมยังถ่ายภาพได้คมชัดมากขึ้นด้วย รุ่นนี้มีให้เลือกสองรุ่นคือ RAM 4GB, 6GB/ ROM 64GB, 128GB ถ้าใครงบถึงหน่อยก็เพิ่มไปซื้อรุ่นตัวท็อปเลยก็ได้ เพราะเร็วแรงกว่าเยอะมาก จุดที่น่าสนใจก็คงเป็นกล้องหลังที่เป็นกล้อง AI 4 ตัวความละเอียดเลนส์หลัก 50MP อัลตร้าไวด์ 8MP มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP ถ่ายได้สวยงาม พร้อมถ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาคมชัดทุกรูปแบบ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8MP ที่ถ่ายเซลฟี่ได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งการถ่ายแบบธรรมดาทั่วไป และการขยายออกไปเป็นพาโนรามาได้ด้วย พร้อมกับความจุแบต 5,000 mAh รองรับ Fast Charge 18W ดูหนังได้ต่อเนื่องถึ 18 ชั่วโมงเลยทีเดียว เป็นมือถือ Redmi อีกหนึ่งรุ่นที่คุ้มค่าและน่าสนใจไม่น้อยเลย ดูรายละเอียดและซื้อได้ที่นี่ รุ่น RAM 4GB/ ROM 64GB, รุ่น RAM 6GB/ ROM 128GB
5. Redmi Note 10S: ราคา 8,999 บาท
โทรศัพท์ Redmi รุ่นต่อมานี้เป็นรุ่นที่อยู่ในซีรีส์ของ Note 10 ที่ได้ความคุ้มค่ากับราคากลางๆ แต่มีสเปคดีงามมาก เหมาะกับการใช้งานทุกแบบ ไม่ว่าจะเน้นเล่นเกม หรือว่าจะเน้นถ่ายรูปก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นน้องๆ ของรุ่นโปรได้เลย แถมยังมีการดีไซน์ตัวโมดูลกล้องหลังที่คล้ายกันด้วย ตัวเครื่องมีความโค้งมนจับได้พอดีกับมือ และสามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคได้จากด้านข้างตัวเครื่องด้วย หน้าจอแสดงผลจะเป็นแบบ AMOLED ระดับ FHD+ กว้าง 6.43 นิ้วให้สีสันคมชัด และภาพที่ดูสวยงามมากขึ้น พร้อมทั้งฟีเจอร์ที่ช่วยให้การอ่านหนังสือนั้นเหมือนกับอ่านบนหน้ากระดาษจริงๆ ได้ด้วย ส่วนใครที่ชอบฟังเพลงหรือดูหนัง รุ่นนี้ก็ให้เสียงได้ถึงระดับ Hi-Res Audio ให้ช่วงเสียงที่สูงและกว้างมากขึ้นด้วย
รุ่นนี้จะได้ชิปประมวลผลเป็น Helio G95 เล่นเกมหรือว่าเล่นแอพไหนก็ไหลลื่นสบายหายห่วง พร้อมกับมอเตอร์ลิเนียร์ขั้นสูง ที่ทำให้การสั่นเมื่อเล่นเกมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น รุ่นนี้ยังเน้นไปที่เรื่องของการถ่ายรูปด้วย ที่มีกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดเลนส์หลัก 64MP อัลตร้าไวด์ 8MP มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP จะถ่ายตอนกลางคืนก็มีโหมดรองรับ ทำให้ถ่ายได้คมชัดเก็บครบทุกรายเอียด หรือถ้าชอบถ่ายบุคคลก็มี AI มาช่วยให้การถ่ายนั้นดูสวยเป็นธรรมชาติหน้าชัดหลังเบลอสวยๆ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 13MP เซลฟี่ได้อย่างมั่นใจทุกสถานการณ์ทั้งกลางวัน และกลางคืนเช่นกัน รุ่นนี้จะมีความจุแบต 5,000 mAh รองรับ Fast Charging 33W ถึงใช้จนแบตใกล้หมดก็ชาร์จกลับมา 54% ได้เพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ดูรายละเอียดและซื้อได้ที่นี่
6. Redmi Note 10 Pro: ราคา 8,999-11,299 บาท
โทรศัพท์ Redmi รุ่นสุดท้ายที่ยังมีการวางขายอย่างเป็นทางการในตอนนี้ เป็นรุ่นในซีรีส์ Note 10 ที่เรียกได้ว่าเทพที่สุดของทุกรุ่นแล้วก็ว่าได้ ซึ่งราคาในตอนนี้ก็พุ่งขึ้นไปเกินราคาเปิดตัวมากพอสมควร แต่ก็ยังมีความคุ้มกับสเปคที่ออกมาอยู่ดี รุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานทุกแบบ จะเล่นเกม ดูหนัง หรือว่าจะถ่ายรูปถ่ายวิดีโอทำคอนเทนต์ก็จัดเต็มได้ทั้งหมด การดีไซน์ของรุ่นนี้จะคงเน้นความเบาบาง ถือได้โดยไม่ต้องออกแรงเยอะและไม่เมื่อยมาก หน้าจอแสดงผลจะเป็น AMOLED ระดับ FHD+ กว้าง 6.67 นิ้วพร้อมอัตรา Refresh Rate 120Hz กับ Touch Sensing 240Hz เล่นเกม หรือว่าดูวิดีโอได้อย่างไหลลื่นทุกการใช้งานของจริง แถมยังเซ็นเซอร์แสง 360° อัจฉริยะที่ช่วยปรับแสงให้เข้ากับสภาพพื้นที่นั้นๆ ด้วย
ส่วนชิปประมวลผลของรุ่นนี้จะเป็น Snapdragon 732G ที่เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด ถ่ายรูปได้คมชัดทุกภาพ กล้องหลังนี่แหละของจริง ที่เป็นกล้อง 4 ตัวกับความละเอียดเลนส์หลัก 108MP อัลตร้าไวด์ 8MP มาโคร 5MP และชัดลึก 2MP พร้อมเทคโนโลยี 9-in-1 binning ที่ช่วยเพิ่มความไว้แสงได้ 900% ถ่ายตอนกลางคืนออกมาสว่างอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนี้ยังมีกันสั่น ISO แบบคู่ถ่ายไม่นิ่งก็ยังนิ่งได้ จะถ่ายบุคคลก็สวยหรือจะเปิด Shutter B เก็บแสงเป็นเส้นหรือถ่ายดาวตอนกลางคืนก็สบายๆ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 16MP พร้อม AI Portrait ถ่ายเซลฟี่ได้สวยๆ รุ่นนี้มีความจุแบต 5,020 mAh รองรับ Fast Charging 33W ใช้หมดก็ชาร์จกลับมาเต็มได้ในเวลาไม่นาน ดูรายละเอียดและซื้อได้ที่นี่ รุ่น RAM 6GB/ ROM 128GB, รุ่น RAM 8GB/ 128GB
ตารางเปรียบเทียบโทรศัพท์ Redmi ทุกรุ่นที่มีขายตอนนี้
ข้อมูล\ รุ่น | Redmi 9A | Redmi 9C | Redmi 9T | Redmi 10 | Redmi Note 10S | Redmi Note 10 Pro |
หน้าจอ | IPS LCD กว้าง 6.53 นิ้ว | IPS LCD กว้าง 6.53 นิ้ว | IPS LCD กว้าง 6.53 นิ้ว | IPS LCD กว้าง 6.5 นิ้ว | AMOLED กว้าง 6.43 นิ้ว | AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว |
ชิป | Helio G25 | Helio G35 | Snapdragon 662 | Helio G88 | Helio G95 | Snapdragon 732G |
กล้องหน้า | 5MP | 5MP | 8MP | 8MP | 13MP | 16MP |
กล้องหลัง | 13MP | 13MP + 2MP + 2MP | 48MP + 8MP + 2MP + 2MP | 50MP + 8MP + 2MP + 2MP | 64MP + 8MP + 2MP + 2MP | 108MP + 8MP + 5MP + 2MP |
RAM/ ROM | 2GB/ 32GB | 3GB, 4GB/ 64GB, 128GB | 4GB/ 128GB | 4GB, 6GB/ 64GB, 128GB | 8GB/ 128GB | 6GB, 8GB/ 128GB |
แบตเตอรี่ | 5,000 mAh | 5,000 mAh | 6,000 mAh | 5,000 mAh | 5,000 mAh | 5,020 mAh |
ราคา | 3,699 บาท | 4,499-4,999 บาท | 5,199 บาท | 5,599-6,799 บาท | 8,999 บาท | 8,999-11,299 บาท |
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นโทรศัพท์ Redmi ทุกรุ่นที่ยังมีขายอยู่ในตอนนี้ทั้งหมด 6 รุ่นที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถ้าดูจากตารางจะเห็นได้ว่ารุ่นเริ่มต้นที่มีราคาไม่แรงมากนัก จะมีสเปคที่เหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไปมากที่สุด และเริ่มขยับสเปคสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงรุ่นโปรที่เทพสุด แต่ทุกรุ่นนั้นจะเน้นไปที่เรื่องของการใช้งานที่ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเน้นเล่นเกม หรือว่าจะเอามาถ่ายรูปก็ได้เกือบทุกรุ่นเลย ที่สำคัญก็คือราคาที่ไม่ได้แรงมากนัก ถึงเครื่องแพงสุดก็เพียงหมื่นต้นๆ เท่านั้นเอง ถ้าเทียบกับสเปคทั้งหมดก็บอกเลยว่าคุ้มมาก ส่วนใครที่คิดว่าจะรุ่นไหนดี ก็ให้ดูงบของตัวเองเป็นหลักก่อนเลย เพราะทุกรุ่นแค่เพิ่มราคานิดหน่อยก็ได้ตัวที่ดีกว่ากันเยอะมากแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เน้นใช้งานหนัก จะเลือกซื้อรุ่นที่ไม่เกิน 6,000 บาทก็ได้เหมือนกัน แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ