ในกลุ่มของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของแต่ละแบรนด์ในปีนี้ หนึ่งในองค์ประกอบที่กลายเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นไปแล้วก็คือเรื่องของหน้าจอขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องการตอบสนองผู้ใช้งานในปัจจุบันที่อยากได้สมาร์ทโฟนจอใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ผลิตแต่ละรายหาวิธีเพิ่มขนาดจอ ในขณะที่ยังคงต้องรักษาคุณภาพของจอเอาไว้ให้ได้ดีและตรงใจผู้ใช้งานมากที่สุด ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับ LG ที่ล่าสุดได้ฤกษ์เปิดตัว LG Optimus G Pro ในไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากเริ่มมีจำหน่ายตามร้านตัวแทนจำหน่ายบางส่วนบ้างแล้ว ในบทความ Hands-on จากงานครั้งนี้ เราจะมาทำความรู้จัก LG Optimus G Pro ให้มากขึ้นครับ ว่ามันมีจุดเด่นอะไรบ้าง
สเปค LG Optimus G Pro
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 600 (APQ8064T) Quad-core ความเร็ว 1.7 GHz มาพร้อมชิปกราฟิก Adreno 320
- RAM 2 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 มีค่าความหนาแน่นพิกเซลอยู่ที่ 400 ppi
- หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB รองรับ microSD สูงสุด 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 MP มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ เช่น Dual Camera
- กล้องหน้าความละเอียด 1.2 MP
- แบตเตอรี่ีความจุ 3140 mAh
- รุ่นในไทยจะมีแบ่งย่อยเป็นสองรุ่นคือ E988 (รองรับ 3G 900 ของ AIS และ 2100 MHz) กับ E989 (รองรับ 3G 850 ของ DTAC/Truemove H และ 2100 MHz)
- ราคา 19,900 บาท พร้อมของแถมเป็นฟิล์มกันรอยกับเคสจาก LG เอง
- สเปค LG Optimus G Pro
ถ้าในด้านของสเปคนั้น จัดว่า LG Optimus G Pro เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดของตลาดในไทยขณะนี้ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะทั้งด้านชิปประมวลผล, ขนาดจอภาพที่ใหญ่และมีความคมชัดสูง แถมแบตยังให้มาร่วม 3000 กว่า mAh ด้วย น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานในหนึ่งวันได้อย่างไม่มีปัญหา
ในการนำเสนอฟีเจอร์เด่นของ LG Optimus G Pro นั้น ประเด็นแรกที่นำมาเทียบเลยก็คือเรื่องคุณภาพจอ โดยทาง LG เคลมว่า Optimus G Pro เป็นสมาร์ทโฟนจอ 5.5 นิ้วรุ่นแรก ที่มาพร้อมกับความละเอียดระดับ Full HD ทำให้ภาพที่ออกมามีความคมชัดสูง เนื่องจากความหนาแน่นพิกเซลต่อหนึ่งตารางนิ้วสูงถึง 400 ppi ทำให้ภาพออกมาดูเนียนสวยงาม ประกอบกับจอที่มีความสว่างสูงถึง 400 nit แต่กินพลังงานน้อยกว่าคู่แข่งสูงสุดถึง 53% สีสันของจอก็ไม่สดเกินจริง ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจาก LG มีบริษัทลูกคือ LG Display ที่เป็นเบอร์ต้นๆ ของอุตสาหกรรมจอภาพอยู่แล้ว จึงสามารถนำจอเกรดที่ดีที่สุดมาใส่ในสมาร์ทโฟนของตนได้
ฟีเจอร์ต่อมาที่ LG นำเสนอ ก็คือฟีเจอร์เกี่ยวกับกล้องอย่าง Dual Camera ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพหรือวิดีโอจากกล้องทั้งสองตัวได้พร้อมๆ กัน เช่นอาจจะถ่ายภาพเพื่อนๆ ด้วยกล้องหลังอยู่ แต่ก็สามารถถ่ายหน้าเราเองด้วยกล้องหน้า ให้ไปปรากฎเป็นกรอบสี่เหลี่ยมบนภาพใหญ่ได้อีก (หลักการคล้ายของ Galaxy S4)
ด้านของวิดีโอนั้น Optimus G Pro ก็มาพร้อม Smart Video ที่ช่วยใหระบบสามารถหยุดการเล่นวิดีโอเอง เมื่อตาเราไม่ได้มองจอ เพื่อให้ไม่พลาดช็อตสำคัญ และถ้าหันกลับมามองจอเมื่อไร วิดีโอก็จะกลับมาเล่นต่อได้โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เลย
แต่ส่วนของวิดีโอที่น่าสนใจนั้น จะอยู่ที่การถ่ายวิดีโอครับ เพราะมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Pause & Resume Recording ที่ผู้ใช้สามารถกดหยุดถ่ายชั่วคราว (Pause) และกดถ่ายต่อจากจุดเดิมได้เลย โดยไฟล์วิดีโอจะถูกจัดเก็บเป็นไฟล์เดียว เช่นเรากดถ่ายไปถึงนาทีที่ 1:13 แล้วกด Pause ไป พอกดถ่ายต่อ ก็จะเริ่มถ่ายเป็นนาทีที่ 1:14 ต่อไปเลย
VR Panorama ก็คือความสามารถในการถ่ายภาพพาโนรามาแบบ 360 รอบตัวได้นั่นเอง (คล้าย Photosphere ที่อยู่ใน Android 4.2) โดยไฟล์ภาพที่ออกมาจะเป็น JPEG ครับ สามารถเอาไปแชร์ต่อบนโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที
ด้านของฟีเจอร์ต่างๆ ใน Optimus G Pro นั้น ทาง LG เน้นว่าไม่ได้เป็นฟีเจอร์ที่ดูมากมายเกินจริง แต่เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้จะได้ใช้งานจริงๆ อย่างอีกตัวหนึ่งที่ถูกประยุกต์รวมเข้ามาด้วยกันอย่างน่าสนใจ ก็คือ Rainbow LED ที่เป็นการใส่หลอดไฟ LED ลงไปในปุ่มโฮม ซึ่งสามารถใช้แสดงสถานะการทำงาน สถานะการแจ้งเตือน รวมไปถึงใช้แสดงระดับความสำคัญของสายเรียกเข้าได้ เช่นอาจจะตั้งให้ไฟสีฟ้าเป็นกลุ่มของเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ไฟสีส้มเป็นกลุ่มของครอบครัว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น ทราบข้อมูลได้เร็วขึ้นว่าใครโทรมา
โดยปกติไฟ LED แสดงสถานะแบบนี้ มักจะถูกติดตั้งเป็นไฟแยกออกมาอีกตำแหน่งหนึ่ง จะมีก็แต่ Optimus G Pro ครับ ที่รวมเข้ามาเป็นส่วนเดียวของปุ่มโฮมซะเลย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าจะถูกใจใครหลายคนก็คือ QRemote 2.0 ซึ่งทำงานได้ตามชื่อเลย นั่นคือสามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นทีวี, เครื่องเล่น DVD/Blu-ray, แอร์ โดยไม่ได้จำกัดว่าใช้ได้เฉพาะอุปกรณ์ LG ด้วย เพราะ QRemote 2.0 ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลายยี่ห้อมากๆๆ ด้านการสั่งงานนั้น ก็ใช้ผ่านทางอินฟราเรดที่มีอยู่ใน Optimus G Pro แล้ว ทำให้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการสั่งงานผ่าน Wi-Fi อย่างในสมาร์ทโฟนหลายๆ แบรนด์ นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นรีโมทที่สามารถใช้งานอเนกประสงค์ได้จริงๆ
ด้านของแบตเตอรี่ก็ได้รับการพูดถึงเช่นเดียวกัน โดยตัวแบตเตอรี่ LG Optimus G Pro นั้น สามารถใช้งานเล่นเว็บได้ราวๆ 7.6 ชั่วโมง เล่นเกมได้ 6 ชั่วโมง, ฟังเพลงได้ 111 ชั่วโมง หรือ 4 วันกว่าๆ และใช้สนทนาติดต่อกันได้ 17 ชั่วโมง
ส่วนของประสิทธิภาพนั้น??แน่นอนว่าด้วยพลังประมวลผลจาก Snapdragon 600 ผลการทดสอบจึงออกมาดี เหนือกว่าสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นในตลาด อย่างในกราฟที่ LG นำเสนอนั้น เป็นผลการทดสอบจาก GeekBench 2 ครับ
LG Optimus G Pro นั้น ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วจากหลายสำนัก โดยเฉพาะรางวัลสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในงาน MWC 2013 ที่จัดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และรางวัลการออกแบบจาก reddot design
ด้านของกาารตลาดนั้น LG ก็จะรุกหนักมากขึ้น โดยจะมีการจัดโร้ดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัย, ห้างสรรพสินค้าและตึกสำนักงานใหญ่ๆ ใน กทม. เพื่อประชาสัมพันธ์ และเปิดโอกาสให้ได้ลองสัมผัส LG Optimus G Pro กัน รวมไปถึงยังจะมีกิจกรรมให้เล่นร่วมลุ้นรับ LG Optimus G Pro ไปใช้งานกันฟรีๆ อีกด้วย
ทีนี้มาดูตัวเครื่องกันบ้าง จากเท่าที่จับขึ้นมาครั้งแรก พบว่าจอมีสีสันที่สดใสดีมาก แต่ก็ไม่บาดตาเกินไป ความสว่างดีเลยทีเดียว สมกับที่ LG เคลมไว้ว่าเป็นหนึ่งในจอสมาร์ทโฟนที่ดีรุ่นหนึ่งในตลาด
ขนาดของตัวเครื่องนั้นก็ใหญ่เกือบเต็มมืออยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ยังพอใช้งานมือเดียวได้อยู่ อาจจะมีลำบากบ้างช่วงที่ต้องยกนิ้วไปลากแถบ Notifications ด้านบน
ด้านบนก็จะมีลำโพงสนทนา, กล้องหน้า และเหล่าเซ็นเซอร์รับแสง
ด้านล่างมีปุ่มด้วยกันสามปุ่ม คือปุ่มโฮมที่เป็นปุ่มกดจริงๆ กับปุ่ม Back และเมนูที่เป็นแบบ capacitive ซึ่งจะมีหลอดไฟ LED ให้แสงสว่างอยู่ข้างใต้
ฝาหลังเป็นสีดำ (ถ้ารุ่นสีขาวก็เป็นสีขาว) เนื้อฝาจะมีลวดลายกลิตเตอร์สะท้อนแสงอยู่ด้วย ช่วยเพิ่มความเก๋ให้กับตัวเครื่อง แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าลักษณะของกลิตเตอร์จะต่างไปจาก Optimus G รุ่นแรก ที่เป็นลายฝังอยู่ภายใต้กระจกอีกชั้น แต่ตัวของ Optimus G Pro ดูเหมือนจะเป็นคล้ายการสกรีนลายลงไปบนฝาเลย
ฝาหลังสามารถแกะออกได้นะครับ ใต้ฝาหลังก็จะมีแบตเตอรี่, ช่องใส่ไมโครซิมและช่องใส่ microSD?
ด้านบนของฝาหลังก็จะมีลำโพง, กล้องหลังและแฟลช LED โดยส่วนกลางๆ ของฝาหลังนั้นจะเป็นจุดสัมผัสของ NFC ด้วย
ฝั่งขวาของเครื่องมีเพียงปุ่ม Power เท่านั้น ตำแหน่งอยู่ในระดับเดียวกับนิ้วหัวแม่มือขณะใช้งานปกติพอดีๆ
ตัวปุ่มจะยื่นออกมาเล็กน้อยนะครับ
ส่วนด้านซ้ายไล่จากซ้ายสุดจะเป็นปุ่มช็อตคัต ที่สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้เปิดแอพอะไรขึ้นมา ถัดลงมาก็จะเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
ดูปุ่มด้านซ้ายกันชัดๆ ครับ
ด้านล่างก็จะมีเพียงช่อง Micro USB และช่องรับเสียงของไมค์สนทนา
ส่วนด้านบนก็จะมีช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียง และช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร โดยแถบดำๆ ที่เห็นอยู่ข้างๆ นั้นคือแถบส่งสัญญาณของพอร์ตอินฟราเรดสำหรับใช้งานร่วมกับแอพ QRemote ครับ
จับเทียบกับ Nexus 4 ที่มีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว
หน้าตาของ QRemote 2.0 ครับ ผู้ใช้สามารถเลือกโปรไฟล์รีโมทจากฐานข้อมูลที่ LG รวบรวมไว้อยู่แล้วได้เลย ถ้าทางเรามีโอกาสได้รีวิว เราจะมาพูดถึงฟีเจอร์นี้กันอีกทีครับ
เหล่าบรรดาโหมดการถ่ายรูปใน LG Optimus G Pro ที่น่าสนใจก็คือ Dual Camera อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นครับ
หน้าตาของ Dual Camera โดยกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้นสามารถเลื่อนได้ ขยายขนาดได้ ไม่ว่าจะทั้งโหมดถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอ
สำหรับใครที่สนใจ LG Optimus G Pro ในขณะนี้ได้มีวางจำหน่ายแล้วนะครับ ด้วยราคา 19,900 บาท ทั้งนี้ก่อนซื้อ แนะนำให้สอบถามก่อนว่ารองรับ 3G ค่ายไหน เพราะจะมีแบ่งโมเดลเป็น E988 รองรับ AIS กับ E989 รองรับ DTAC กับ Truemove H แต่ถ้าใครใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz ก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะทั้งสองรุ่นรองรับ 2100 หมด