มีข้อมูลหลุดครั้งใหญ่ของหูฟังไร้สายรุ่นต่อไปอย่าง Samsung Galaxy Buds 4 ออกมาแล้ว โดยครั้งนี้มาแบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่ภาพร่าง แต่เป็นภาพเรนเดอร์ที่มีรายละเอียดคมชัดที่ถูกค้นพบโดย androidauthority ในโค้ดของ One UI 8.5 เผยให้เห็นการออกแบบที่ปรับปรุงใหม่และฟีเจอร์เด็ดที่กำลังจะมา
ส่วนรุ่นที่วางขายในปัจจุบันคือ Samsung Galaxy Buds 3 ในราคา 5,490 บาท (Shopee/ Lazada) และรุ่น Samsung Galaxy Buds 3 Pro ราคา 7,490 บาท (Shopee/ Lazada)
ดีไซน์และสเปคของ Samsung Galaxy Buds 4 Series


โดยดีไซน์ของ Samsung Galaxy Buds 4 รุ่นใหม่นี้ก็ยังจะมีรูปแบบเป็นก้านเหมือนเดิม ทั้งในรุ่น Galaxy Buds 4 และ Buds 4 Pro แต่มีการปรับปรุงดีไซน์เล็กน้อย โดยก้านหูฟังจะมีความแบนลงนิดหน่อย แทนที่รูปทรงสามเหลี่ยมแบบในรุ่น Buds 3 และดูเหมือนว่าไฟ Blade Lights ที่เคยมีก็จะหายไปด้วยในรุ่นนี้

นอกจากตัวหูฟังแล้ว เคสชาร์จก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วย โดยหูฟังจะถูกวางในแนวนอนหรือแบบ lay flat ภายในเคส และด้านหลังเคสมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จ กับปุ่มที่ใช้สำหรับฟังก์ชัน Find your phone (เพื่อส่งเสียงค้นหา) และอาจได้ทั้งหาโทรศัพท์หรือหาเคสหูฟังเลย เพราะเหมือนจะมีช่องลำโพงอยู่อีกด้านของพอร์ตชาร์จ ที่อาจช่วยให้ตัวเคสส่งเสียงเพื่อระบุตำแหน่งได้
จุดสำคัญของ Galaxy Buds 4 คือฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Head Gestures หรือการสั่งการด้วยท่าทางของศีรษะ โดนเราจะสามารถพยักหน้า หรือส่ายหัวเพื่อสั่งงานฟังก์ชันต่างๆ ได้ เช่น การรับสายเรียกเข้าหรือการแจ้งเตือน, การสั่งให้อ่านการแจ้งเตือนออกเสียง (และยกเลิกการอ่าน), การปิดเสียงนาฬิกาปลุกหรือตัวจับเวลา และอื่นๆ นอกจากนี้ ถ้ากำลังพูดคุยกับ AI Assistant ของโทรศัพท์ ก็ยังสามารถตอบคำถาม ใช่ หรือ ไม่ ด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหัวได้อีกด้วย
ในส่วนของการควบคุมที่ตัวก้านหูฟัง จะยังคงรองรับการสั่งงานด้วยการบีบ และการปัด พร้อมด้วยฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะมาในรุ่นนี้ เช่น Adaptive Noise Control (การควบคุมเสียงรบกวนแบบปรับได้), การบันทึกเสียงแบบ 360 องศา (360° audio recording) และการจับคู่ที่รวดเร็วกับมือถือหรือแท็บเล็ต นอกจากนี้ยังระบุว่าแบตเตอรี่ในเคสจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วย
คาดว่า Samsung Galaxy Buds 4 และ Buds 4 Pro จะเปิดตัวพร้อมกับมือถือเรือธงใน Samsung Galaxy S26 Series ในช่วงปลายเดือนมกราคม และเริ่มวางจำหน่ายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าหากข้อมูลล่าสุดนี้เป็นความจริงก็จะได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจในปีหน้าแน่นอน
ที่มา: androidauthority
