Apple ได้ปล่อยอัปเดตย่อยตัวแรกอย่างเป็นทางการสำหรับระบบ iOS 26 แล้ว นั่นก็คือ iOS 26.1 ที่เปิดให้อัปเดตกันตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 หลังจากที่ปล่อย iOS 26 ตัวเต็มออกมาในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในเวอร์ชั่นนี้มีการปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ถูกพบซึ่งเป็นปัญหาจุกจิก และการปรับปรุงดีไซน์เล็กน้อย ที่ช่วยให้การใช้งานดีขึ้น ไปดูกันว่ามีอะไรใหม่บ้าง
ใครสนใจอยากได้รุ่นล่าสุดสามารถสั่งซื้อ iPhone 17 Pro ราคาเริ่มต้น 43,900 บาทที่ Shopee/ Lazada และ iPhone 17 Pro Max ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท Shopee/ Lazada
Apple ปล่อยอัปเดต iOS 26.1 แล้วมีอะไรใหม่บ้าง

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการปรับปรุง Liquid Glass ที่เป็นดีไซน์โปร่งแสงแบบใหม่ใน iOS 26 โดยใน iOS 26.1 Apple ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ใน Settings -> Display and Brightness ให้เราสามารถเลือกระหว่าง Clear (แบบโปร่งแสงปกติ) หรือ Tinted (แบบทึบแสงขึ้น) ซึ่งโหมด Tinted นี้จะช่วยเพิ่มความทึบแสงของเมนูบาร์ ปุ่มต่างๆ และการแจ้งเตือนบนหน้าจอล็อก ทำให้มองเห็นและอ่านข้อความได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย คือการเพิ่มตัวเลือกให้ปิดการปัดหน้าจอเพื่อเปิดกล้อง (Lock Screen Camera Swipe) ได้แล้วในที่สุด ใครที่เคยเจอปัญหาเผลอปัดโดนกล้องขณะใส่ iPhone ในกระเป๋าบ่อยๆ สามารถเข้าไปปิดได้ที่ Settings -> Camera แล้วเลือกปิด “Lock Screen Swipe to Open Camera”

ในแอปโทรศัพท์มีปุ่มเปิดปิดการตอบสนองแบบสัมผัสเมื่อมีการเชื่อมต่อหรือตัดสาย โดยสามารถปิดการใช้งานเสียงสั่นเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงที่น่าสนใจสำหรับ นาฬิกาปลุกและนาฬิกาจับเวลา โดย Apple ได้เปลี่ยนปุ่ม Stop (หยุด) บนหน้าจอล็อก จากเดิมที่เป็นแบบแตะเพื่อหยุด ให้กลายเป็น Slide to Stop (เลื่อนเพื่อหยุด) ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ต้องใช้ความตั้งใจในการปัดมากขึ้น คล้ายกับการปลดล็อกในยุคแรกๆ เพื่อป้องกันปัญหาการเผลอกดปุ่ม Stop โดยไม่ตั้งใจแทนที่จะกด Snooze ซึ่งทำให้หลายคนนอนเลยป้ายมาแล้ว


การอัปเดตย่อยอื่นๆ ที่น่าสนใจใน iOS 26.1:
- Apple Intelligence: ขยายการรองรับภาษาใหม่ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ เดนมาร์ก, ดัตช์, นอร์เวย์, โปรตุเกส (โปรตุเกส), สวีเดน, ตุรกี, จีน (ตัวเต็ม) และเวียดนาม
 - AirPods Live Translation: เพิ่มการรองรับภาษาในการแปลสดผ่าน AirPods (Pro 2, Pro 3 และ AirPods 4 ANC) โดยเพิ่มภาษาญี่ปุ่น, เกาหลี, อิตาลี และจีน (แมนดารินทั้งตัวเต็มและตัวย่อ)
 - Apple Music: เพิ่มท่าทางสัมผัส (Gesture) ใหม่ โดยสามารถปัดนิ้วซ้ายหรือขวาบริเวณชื่อเพลงในหน้า Now Playing เพื่อเปลี่ยนเพลงถัดไปหรือย้อนกลับได้ และฟีเจอร์ AutoMix ก็รองรับการทำงานผ่าน AirPlay แล้ว
 - แอป Fitness: อนุญาตให้สร้างโปรแกรมออกกำลังกายแบบ “Custom” ได้อย่างเต็มที่ โดยกำหนดประเภทการออกกำลังกาย, แคลอรีที่คาดหวัง, ความหนัก, ระยะเวลา และเวลาเริ่มต้นได้เอง
 - iPadOS 26.1: นำฟีเจอร์ “Slide Over” กลับมาอีกครั้ง ให้เราสามารถเปิดแอปซ้อนด้านข้างไปพร้อมๆ กับการทำงานแบบหลายหน้าต่าง (Multitasking) ได้
 - การปรับปรุงดีไซน์: มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น ไอคอนแอป Apple TV ใหม่, การจัดแนวข้อความในแอป Settings และในโฟลเดอร์หน้า Home ให้ชิดซ้าย (Left Aligned) ทั้งหมด และปรับปรุงปุ่มกดในแอป Phone ให้เป็นดีไซน์ Liquid Glass
 
นอกเหนือจากทั้งหมดนี้แล้ว ก็ยังมีการปรับปรุงส่วนต่างๆ เพื่อการใช้งานที่ดีขึ้นด้วย สำหรับผู้ใช้ทั่วไปสามารถอัปเดต iOS 26.1 ได้แล้วโดยไปที่ Settings -> General -> Software Update โดยการอัปเดตนี้รองรับ iPhone 11 และ iPhone SE รุ่นที่ 2 ขึ้นไป
ที่มา: macrumors
									 
					