เปิดตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยสำหรับแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy Tab S11 ที่เป็นตัวเรือธงและเป็นรุ่นมาตรฐานจอ 11 นิ้วกลับมาอีกครั้ง ส่วนอีกด้านของ Apple อย่าง iPad Air M3 ก็เปิดตัวออกมาตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ทำให้ทั้งสองรุ่นกลายเป็นรุ่นที่หลายคนอาจจะรอซื้ออยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี และถ้าต้องเลือกซื้อรุ่นไหนจะคุ้มกว่ากัน ทั้งในเรื่องของสเปค การใช้งาน และที่สำคัญอุปกรณ์เสริมที่ต่างกันด้วย วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 ว่าสองรุ่นนี้ต่างกันยังไง จะซื้อรุ่นไหนดีในปี 2025 นี้ (เฉพาะรุ่นจอ 11 นิ้ว)
สรุปเปรียบเทียบ Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 ซื้อรุ่นไหนดี
ตารางเปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 (เฉพาะรุ่นจอ 11 นิ้ว)
สเปค\ รุ่น | Samsung Galaxy Tab S11 | iPad Air M3 |
ขนาด | รุ่น 11″: 253.8 x 165.3 x 5.5 มม. | รุ่น 11″: 247.6 x 178.5 x 6.1 มม. |
น้ำหนัก | รุ่น 11″: Wi-Fi: 469 กรัม รุ่น 11″: 5G: 471 กรัม | รุ่น 11″: Wi-Fi: 460 กรัม รุ่น 11″: Wi-Fi + Cellular: 460 กรัม |
สี | เทา, เงิน | ฟ้า, ม่วง, สตาร์ไลท์, เทาสเปซเกรย์ |
หน้าจอ | Dynamic AMOLED 2X กว้าง 11 นิ้ว (2560 x 1600) | IPS LCD แบบ Liquid Retina กว้าง 11 นิ้ว (2360 x 1640) |
Refresh Rate/ ความสว่าง | 120Hz/ รุ่น 11″: 1,600nits | 60Hz/ รุ่น 11″: 500nits |
ปากกา | S Pen (มีมาให้) | Apple Pencil Pro, Apple Pencil (USB‑C) (ซื้อแยก) |
คีย์บอร์ด | Book Cover Keyboard Slim | Magic Keyboard |
ชิปประมวลผล | Dimensity 9400+ | Apple M3 |
RAM | 12GB | 8GB |
ROM | 128GB (MicroSD สูงสุด 2TB) | 128GB/ 256GB/ 512GB/ 1TB |
AI | Galaxy AI | Apple Intelligence |
การเชื่อมต่อ | 5G/ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4, USB 3.2 Gen 1 | 5G/ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, USB 3 |
กล้องหน้า | 12MP (𝑓/2.4) แนวนอน | 12MP Center Stage (𝑓/2.4) แนวนอน |
กล้องหลัง | 13MP (𝑓/2.0) | ไวด์ 12MP (𝑓/1.8) |
แบต | 8,400 mAh/ 45W | 7,606 mAh/ ~30W |
กันน้ำกันฝุ่น | IP68 | – |
ราคาเริ่มต้น | WiFi 128GB: 27,900 บาท | WiFi 128GB: 21,900 บาท |
ดีไซน์เบาบาง แต่แกร่งต่างกัน

Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 ทั้งสองรุ่นนี้ออกแบบมาให้บางเบา พกพาสะดวก แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันคือ Galaxy Tab S11 มีความบางมากกว่า แต่ก็มีน้ำหนักที่มากกว่าด้วย ตัวเครื่องทำจาก Armor Aluminum พร้อมกันน้ำและฝุ่น IP68 ในทางกลับกัน iPad Air M3 (11 นิ้ว) มีตัวเครื่องที่หนากว่า แต่ก็เบากว่าพอสมควรเลย ตัวเครื่องใช้อะลูมิเนียมเหมือนกัน แต่ว่าไม่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้
ในแง่การใช้งานจริง Galaxy Tab S11 มีข้อได้เปรียบด้านความบางและความทนทานต่อน้ำฝุ่นมากกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ส่วน iPad Air เบากว่าเล็กน้อยแต่ก็ต้องใช้ระวังนิดนึง
ขนาดจอเท่ากัน แต่การใช้งานจริงคนละเรื่อง
หน้าจอของ Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 ทั้งสองรุ่นมีขนาด 11 นิ้วเท่ากัน (iPad มีให้เลือก 13 นิ้วด้วย แต่ขอเทียบแค่ตัว 11 นิ้ว) โดย Galaxy Tab S11 มาพร้อมจอ Dynamic AMOLED 2X ที่เล่นลื่นกว่าด้วยรีเฟรชเรท 120Hz และสว่างไปถึง 1,600 นิต ในขณะที่ iPad Air M3 (11 นิ้ว) ยังใช้จอ Liquid Retina (LED IPS) ที่รองรับรีเฟรชเรทเพียง 60Hz และสว่างได้แค่ 500 นิต จึงทำให้การใช้งานจริงตรงนี้ต่างกันแน่นอน

นอกจากนี้ Galaxy Tab S11 ยังรองรับ S Pen ที่มีมาให้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม แต่ถ้าจะใช้ปากกาบน iPad Air M3 ก็ต้องซื้อแยก แต่ก็รองรับ Apple Pencil Pro/USB-C พร้อมฟีเจอร์การยกปลายปากกาที่แม่นยำ และใช้งานได้ดีเยี่ยมเลยเช่นกัน
ชิปพอไปกันได้ แต่แรมอาจจะยังน้า
Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 ทั้งสองรุ่นนี้ต่างก็มีชิปที่มีประสิทธิภาพทั้งคู่ ที่ตัว Galaxy Tab S11 ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม RAM 12GB ไปแล้ว พร้อมกับความจุเดียว 128GB แต่ก็เพิ่มได้ด้วย MicroSD สูงสุด 2TB ส่วนทางด้านของ iPad Air M3 จะใช้ชิป Apple M3 แต่ก็มีแรมมาให้ 8GB และความจุสูงสุด 1TB ซึ่งทั้งสองชิปจากการทดสอบ Benchmarks ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันเลย

จุดพลิกผันอาจอยู่ที่ฟีเจอร์ในการใช้งานที่ Galaxy Tab S11 มีทั้ง Google Gemini, Drawing Assist ร่างภาพและให้ AI สร้างต่อ, Writing Assist ช่วยเขียนแก้ไขปรับแต่งคำ พร้อมรองรับ Samsung DeX ที่ขยายการทำงานสู่หน้าจอได้ง่ายๆ ส่วนของ iPad Air M3 มี Apple Intelligence ที่ช่วยทั้ง เปลี่ยนภาพสเก็ตช์เป็นภาพจริง, การลบวัตถุ และปกป้องความเป็นส่วนตัว ซึ่งการใช้งานจริงอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใช้แบบไหนมากกว่ากัน
แบตเตอรี่และการเชื่อมต่อ
ทั้งสองรุ่นออกแบบมาให้ใช้งานได้ยาวนาน แต่มีความแตกต่างเรื่องระยะเวลาและการชาร์จ Galaxy Tab S11 มีแบต 8,400 mAh สามารถดูวิดีโอได้นานถึง 18 ชั่วโมง รองรับชาร์จเร็ว 45W ในขณะที่ iPad Air M3 (11 นิ้ว) มีแบต 7,606 mAh ชาร์จไวได้ 30W โดยประมาณ ดูวิดีโอได้สูงสุด 9-10 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้ Galaxy Tab S11 ใช้งานได้นานกว่าและชาร์จเร็วกว่า
กล้องและราคา

กล้องของแท็บเล็ตอาจไม่ใช่จุดเด่นหลัก แต่ Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 ทั้งสองรุ่นมีกล้องที่ตอบโจทย์การวิดีโอคอลและการถ่ายรูปได้ครบ โดย Galaxy Tab S11 มีกล้องหลัง 13MP และกล้องหน้า 12MP มาพร้อมลำโพงสเตอริโอและไมโครโฟนคู่ ส่วน iPad Air M3 มีกล้องหลัง 12MP และกล้องหน้า 12MP พร้อม Center Stage ที่จัดให้อยู่ตรงกลางเสมอ มีลำโพงสเตอริโอและไมโครโฟนคู่ ซึ่งจุดนี้จริงๆ ก็ไม่ใช่จุดหลักในการตัดสินใจมากนัก หลักๆ อาจอยู่ที่ราคา ที่สองรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นต่างกันถึง 6,000 บาท แต่ถ้าลองเทียบราคารวมอุปกรณ์และฟีเจอร์แล้วจะได้ดังนี้
Samsung Galaxy Tab S11 iPad Air M3 รุ่น WiFi 128GB: 27,900 บาท 128GB: ราคา 21,900 บาท
256GB: ราคา 25,900 บาท
512GB: ราคา 32,900 บาท
1TB: ราคา 39,900 บาทรุ่น 5G/ Cellular 128GB: 32,900 บาท 128GB: ราคา 27,900 บาท
256GB: ราคา 31,900 บาท
512GB: ราคา 38,900 บาท
1TB: ราคา 45,900 บาทปากกา S Pen: ฟรี Apple Pencil Pro: 4,490 บาท
Apple Pencil (USB‑C): 2,990 บาทคีย์บอร์ด Book Cover Keyboard Slim: 4,990 บาท Magic Keyboard: 9,990 บาท ราคาเริ่มต้นรวมปากกา
(ไม่รวมคีย์บอร์ด)27,900 บาท 24,890-26,390 บาท
- สั่งซื้อ Galaxy Tab S11 WiFi: Shopee/ Lazada | 5G: Shopee/ Lazada
- สั่งซื้อ iPad Air M3 (11 นิ้ว) WiFi: Shopee/ Lazada | Cellular: Shopee/ Lazada
สรุปซื้อรุ่นไหนดีในปี 2025?
ทั้ง Samsung Galaxy Tab S11 vs iPad Air M3 เป็นแท็บเล็ตระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ใกล้เคียงกันเมื่อรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างปากกาเข้าไปด้วยแล้ว การเลือกซื้อขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานเป็นหลัก
Galaxy Tab S11 เหมาะกับคนที่ต้องการแท็บเล็ตบางเบา กันน้ำกันฝุ่นได้ มีจอ AMOLED สีสันสดใสเล่นได้ลื่นทั้งไถจอทั่วไปหรือดูหนัง ประมวลผลไวเพราะมี RAM 12GB พร้อมฟีเจอร์ AI ครบเครื่อง Samsung DeX เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักเรียน นักธุรกิจ หรือคนทำงานทั่วไป ถ้าหากชอบการปรับแต่งและความยืดหยุ่นของ Android ตัว Tab S11 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในการเลือกซื้อแล้ว
แต่ทางด้าน iPad Air M3 (11 นิ้ว) เหมาะกับคนที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple อยู่แล้วอย่าง iPhone หรือ Mac และต้องการการเชื่อมต่อกันเองที่ราบรื่น ตัวชิปเหมาะสำหรับงานตัดต่อวิดีโอ กราฟิก ได้หมด มี AI ให้ใช้พอสมควร ใครที่เป็น creator นักออกแบบ หรือชอบวาดภาพสร้างผลงานจะเหมาะกว่า แม้ว่าจะมีข้อจำกัดที่อาจสู้ไม่ได้ในหลายๆ ด้าน แต่ถ้าใครใช้อุปกรณ์ Apple อยู่แล้วจะเหมาะกว่า