ASUS ROG Phone 9 Pro Edition สมาร์ทโฟนเกมมิ่งเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ASUS ที่มาพร้อมสเปคที่แรงที่สุด ทว่าความน่าสนใจของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition นั้นไม่ได้มีแค่เรื่องสเปคที่แรงและการเล่นเกมที่ลื่นไหล แต่ยังมีการผนวก AI เข้ามาช่วยให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลกว่าที่เคย โดย ASUS ROG Phone 9 Pro Edition ที่เรานำมารีวิวนั้นเป็นรุ่นท๊อปสุดของซีรี่ส์ ซึ่งในการใช้งานจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปชมกันได้เลย
สารบัญ
ดีไซน์ของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition
อย่างแรกเรามาเริ่มกันที่หน้าตากันก่อนเลย โดยในเรื่องหน้าตานั้น ASUS ROG Phone 9 Pro Edition นั้นแทบจะไม่แตกต่างไปจาก ASUS ROG Phone 8 Pro Edition เลย ส่วนที่แตกต่างไปจากเดิมจะเป็ฯสเปคภายในมากกว่า
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะมาเป็นหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78″ ที่มีความละเอียดระดับ FHD+ มาพร้อม Refresh Rate ที่สูงถึง 185Hz (รุ่นก่อนอยู่ที่ 165Hz) มีความสว่างสูงสุดที่ 2,500 nits ความเที่ยงตรงสี 107.37% DCI-P3 / 145.65% sRGB พร้อมปกป้องหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 ที่ช่วยปกป้องหน้าจอได้เป็นอย่างดี
มาที่ด้านหลังของตัวเครื่องบ้าง โดยที่มุมบนสุดจะมีโมดูลกล้องที่นูนขึ้นมาจากฝาหลังเครื่องพร้อมตัดด้วยเส้ยสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของเกมมิ่ง ซึ่งภายในตัวโมดูลนี้จะบรรจุกล้องทั้ง 3 ตัวและไฟแฟลช LED เอาไว้อยู่ ส่วนผิวฝาหลังนั้นจะมีการผสมผสานกันระหว่างผิวสัมผัสทั้งแบบเงาและด้านอย่างลงตัว โดยที่ผิวสัมผัสแบบด้านนั้นถูกสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีนาโนคริสตัลไลซ์ จึงให้สัมผัสที่เนียนและปราศจากรอยนิ้วมือ
แต่ไฮไลท์จริง ๆ จะอยู่ที่ส่วนด้านล่างของหลังเครื่อง เพราะครั้งนี้ทาง ASUS มีการเสริมจอแสดงผมเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ที่มีชื่อว่า AniMe Vision ซึ่งจะมีไฟ LED ขนาดเล็กทั้งหมด 648 ดวง ซึ่งสามารถตั้งโปรแกรมภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ได้และไฟ LED สีแดงที่เพิ่มเข้ามาใหม่ช่วยเสริมบรรยากาศการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งเพื่อเพิ่มความเป็นตัวตนของคุณลงในตัวเครื่องได้อีกด้วย
สำหรับรอบตัวเครื่องนั้นเรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อคอเกมอย่างแท้จริง โดยจะมีส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้
- ด้านบนมีไมโครโฟนอยู่ 1 ตัว
- ด้านซ้ายมีพอร์ต USB-C
- ด้านขวามีปุ่ม Power, ปุ่มปรับระดับเสียง, ไมโครโฟน และ Air Trigger
- ด้านล่างมีไมโครโฟน, พอร์ต USB-C, ช่องใส่ซิม, ลำโพง และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
อุปกรณ์เสริมของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition
Aero Active X Pro
สำหรับอุปกรณ์เสริมของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition นั้นจะมี Aero Active X Pro ใส่มาให้ในกล่องด้วย (รุ่นอื่นซื้อเพิ่มเอาเองในราคา 3,990 บาท) โดย Aero Active X Pro นั้นจะเป็นพัดลมระบายอากาศแบบใหม่ที่สามารถระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นด้วยใบพัดพัดลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพิ่มขึ้น 12.5% และเมื่อรวมกับวัสดุระบายความร้อนที่ได้รับการขยายขนาดขึ้นอีก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้มากขึ้นถึง 29% เลยทีเดียว
ROG Chill Case
อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมสำหรับ ASUS ROG Phone 9 ทุกรุ่นก็คือ ROG Chill Case ซึ่งเป็นเคสแบบใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยี Composite Vapor Chamber (CVC) มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน โดยตัวเคสนี้จะช่วยลดอุณหภูมิลงอย่างมากได้สูงสุดถึง 17% เลยทีเดียว นอกจากนี้ตัว ROG Chill Case ยังมีความพิเศษอีกอย่างคือตัวเคสนั้นมีทคโนโลยี Audio Redirect ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนทิศทางของเสียงที่ออกจากลำโพงตัวเคื่องให้พุ่งมายังตัวเราได้ตรง ๆ อีกด้วย สำหรับคนที่อยากได้นั้น ROG Chill Case นั้นจะมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,490 บาทนะครับ
ROG Tessen
ROG Tessen คอนโทรลเลอร์สำหรับ ROG Phone ที่จะช่วยแปลงสมาร์ทโฟนให้กลายร่างเป็นเครื่องคอนโซลพกพาได้ อีกทั้งความน่าสนใจคือ ROG Tensen นั้นสามารถพับได้ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นด้วยครับ สำหรับคนที่อยากได้นั้น ROG Tessen นั้นจะขายแยกและมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 3,590 บาทนะครับ
สเปคของ ASUS ROG Phone 9 Pro / 9 Pro Edition
| คุณสมบัติ | ROG Phone 9 Pro / 9 Pro Edition |
|---|---|
| หน้าจอ | – 6.78″ FHD+ (2400×1080 พิกเซล) SAMSUNG Flexible AMOLE – Refresh Rate สูงสุด 185Hz – ความสว่าง 1,600 nits (สูงสุด 2,500 nits) – 107.37% DCI-P3 / 145.65% sRGB / 103.16% NTSC – Corning Gorilla Glass Victus2 |
| ชิปประมวลผล | – CPU : Qualcomm Snapdragon 8 Elite @4.3GHz – GPU : Qualcomm Adreno 830 |
| แรม | – 16GB (9 Pro) – 24GB (9 Pro Edition) – LPDDR5X |
| หน่วยความจำ | – 512GB (9 Pro) – 1TB (9 Pro Edition) – UFS 4.0 |
| กล้องหลัง | – Main : 50MP, f/1.9, OIS (Sony Lytia 700) – Ultrawide : 13MP, 120° – Telephoto 3X : 32MP, f/2.4, OIS |
| กล้องหน้า | 32MP (RGBW sensor) |
| แบตเตอรี่ | 5,800 mAh |
| ระบบชาร์จ | – แบบมีสาย 65W / แบบไร้สาย 15W – เทคโนโลยี QC5.0 / PD 3.0 |
| ระบบปฏิบัติการ | Android 15 |
| การเชื่อมต่อ | – 5G Dual-SIM / Dual-Standby – Wi-Fi 7 (802.11 be/ax/ac/a/b/g/n) – Bluetooth 5.4 – GPS(L1/L5), Glonass(L1), Galileo(E1/E5a), BeiDou(B1i/B1c/B2a), QZSS(L1/L5), NavIC – NFC – 3.5mm headphone jack |
| ระบบเสียง | – Dual stereo speakers – Hi-Res Audio / Dirac Virtuo / AudioWizard – ไมโครโฟน 3 ตัวพร้อม ASUS Noise Reduction |
| ขนาด | 163.8 x 77 x 8.9 มม. |
| น้ำหนัก | 227 กรัม |
| สี | Phantom Black |
| ฟีเจอร์อื่น ๆ | – ทนน้ำทนฝุ่น IP68 – AI Gaming (X Sense, X Capture, AI Grabber) – AI Photography (AI Object Sense, AI HyperClarity, 6-Axis Hybrid Gimbal Stabilizer, AI Portrait Video) – AI Daily Tools (AI Call Translator, AI Transcript, AI Wallpaper, AI Noise Cancellation, Sematic Search) – Game Genie (AirTriggers, Macro, Bypass charging, Background mode, Bloxked touch edges, No alterts, No calls, ROG Instand Master, Vibration Mapping, PiP Mode, Lock touch, Crosshair, Quick Control, Key Mapping, Scout mode) |
ประสิทธิภาพของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition
ในด้านการเล่นเกม
สำหรับในเรื่องประสิทธิภาพของพูดถึงเรื่องการเล่นเกมที่เป็นจุดหลักของเครื่องนี้ก่อนเลย โดยจุดที่ทำให้ ROG Phone 9 Pro สามารถเอามาใช้เล่นเกมได้อย่างเต็มที่ก็คือชิปประมวผล Snapdragon 8 Elite ที่มีความแรงในระดับที่สามารถเล่นเกมได้ทุกเกมแบบลื่น ๆ ไม่มีสะดุด พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ตัวเครื่องไม่ร้อนจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นหากมีการเล่นเกมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือเล่นในที่ ๆ อากาศค่อนข้างร้อน ก็จะทำให้อุณหภูมิตัวเครื่องสูงจนร้อนมือได้เลย ซึ่งตรงนี้ Aero Active X Pro ที่มาพร้อมกับ ROG Phone 9 Pro Edition นั้นจะช่วยลดความร้อนได้เยอะเลย สำหรับรุ่นอื่นที่ไม่ได้ Aero Active X Pro มา แนะนำให้ซื้อมาใช้คู่กันเลยครับ (จริง ๆ มีตัวที่ถูกกว่าอย่าง Aero Active X ด้วยแต่ราคาต่างกันแค่ 500 บาท จึงอยากแนะนำให้ซื้อรุ่น Pro ไปเลย เพราะจะได้เทคโนโลยีการระบายความร้อนที่ใหม่กว่าด้วยครับ )
สำหรับเกมที่เราได้เอามาลองเทสนั้นจะมีทั้งหมด 4 เกมคือเกมสามัญอย่าง RoV และ PUBG Mobile, เกมกินสเปคหนักอย่าง Genshin Imapct และเกมเบา ๆ แต่ต้องเปิดต่อเนื่องนาน ๆ อย่าง Dragon Academy ซึ่งต้องบอกเลยว่า ROG Phone 9 Pro นั้นสามารถเล่นทุกเกมที่ว่ามานี้แบบเปิดกราฟิกสุดได้อย่างลื่น ๆ เลย แถม PUBG Mobile ยังสามารถเล่นแบบ 120FPS ได้อีกด้วย (ตอนเล่น FPS จะสวิงอยู่ระหว่าง 118 – 121FPS)
ในเรื่องของความร้อนระหว่างเล่นนั้นสำหรับเกม RoV และ PUBG Mobile นั้นขนาดเล่นไปเป็นชั่วโมงเครื่องยังแทบไม่ร้อนเลยสักนิด ส่วน Dragon Academy นั้นต่อให้เปิดทั้งวันความร้อนที่สะสมมาก็แค่ระดับอุ่น ๆ มือเท่านั้น ส่วนเกมกินสเปคอย่าง Genshin Imapct นั้นบอกเลยว่าถ้าเปิดสุดแล้วเล่นไปสักพักยังไงก็ต้องพึ่งพัดลมช่วยอยู่ดีครับ
ในด้านการใช้งานทั่วไป
ส่วนในด้านการใช้งานทั่วไปอย่างการเล่นโซเชียวหรือความบันเทิงต่าง ๆ นั้น บอกเลยว่า ASUS ROG Phone 9 Pro ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยครับ ด้วยหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชสูงทำให้ภาพในหน้าจอตอนเล่นแอปฯ โซเชียลต่าง ๆ มีความลื่นตาแบบเห็นได้ชัด อีกทั้งตัวหน้าจอยังมีความสว่างมากพอที่จะเอามาใช้กลางแดดเมืองไทยได้อย่างสบายเลยครับ ถึงจะทำให้เครื่องร้อนไวไปหน่อยก็ตาม
ส่วนในด้านความบันเทิงต่าง ๆ อย่างการดูคลิปหรือดูหนังนั้น ด้วยความที่ตัวหน้่าจอมีความเที่ยงตรงของสีที่สูงมากทำให้สีสันของภาพที่แสดงออกมามีความสมจริง ผนวกกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ให้เสียงกระหึ่ม ทำให้ได้อรรถรสในการรับชมที่ดีมากเลย แถมถ้าใส่ ROG Chill Case ด้วยก็จะช่วยให้เสียงที่ได้ยินมีความดังและคมชัดมากขึ้นด้วยครับ นอกจากนี้อึกหนึ่งความดีงามสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบหูฟังแบบไร้สายก็คือใน ROG Phone 9 Pro นั้นมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ด้วย ทำให้สามารถใช้หูฟังที่ชอบได้ด้วยนั่นเอง
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition
Amoury Crate / Game Genie
Amoury Crate คือตัวช่วยในการเล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยให้เล่นเกมสนุกขึ้นด้วย โดยใน Amoury Crate นั้นจะมีโหมดต่าง ๆ ให้ปรับซึ่งโหมดที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาได้มากที่สุดก็คือ X-Mode นอกจากนี้ก็มี Dynamic, Ultra Durable และ Advance ให้เลือกปรับด้วยหากไม่ต้องการพลังขั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้สามารถเล่นเกมได้ง่ายขึ้นด้วย
- X Sense 3.0 เป็นฟีเจอร์ที่ล่าสุดมีการเพิ่มให้ AI มาช่วยในการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นการเก็บของ, การอัพสกิล เป็นต้น
- X Capture ฟีเจอร์ที่จะใช้ AI มาช่วยเก็บภาพสำคัญในเกมโดยอัตโนมัติ
- AI Grabber ฟีเจอร์ที่จะใช้ AI ช่วยแปลภาษา ช่วยให้การสื่อสารมีความราบลื่นยิ่งขึ้น
- AI Noise Cancellation ฟีเจอร์ที่จะใช้ AI มาช่วยในการตัดเสียงรบกวนระหว่างเล่นเกม ทำให้การสื่อสารกันมีความชัดเจนยิ่งขึ้น
AirTrigger
AirTrigger ฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน ROG Phone ทุกรุ่น ซึ่งตัว AirTrigger นี้สามารถตอบสนองต่อท่าทางต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น Dual Action, Press and lift และ Gyroscope Aimming เป็นต้น และนอกจากจะเอามาใช้เล่นเกมแล้ว AirTrigger ยังสามารถใช้เป็นชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพได้อีกด้วย และแน่นอนว่าสามารถใช้เป็นชัตเตอร์กล้องได้ทั้ง 2 ฝั่งเลย
AniMe Vision
หนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน ROG Phone 9 ก็คือ AniMe Vision ที่เป็นจอแสดงผลเสริม ช่วยเพิ่มสีสันให้กับตัวเครื่องอีก โดย AniMe Vision จะเป็นหลด LED ขนาดเล็กจำนวน 648 ดวง สามารถตั้งค่าภาพเคลื่อนไหวเองได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ AniMe Vision ยังโหมดพิเศษที่ชื่อ AniMe Play อีกด้วย โดยจะเป็นโหมดที่เอา AniMe Vision มาใช้ประโยชน์ร่วมกับ AirTrigger ด้วยการเอามาเล่นเกมได้ อีกทั้งยังมีการรวมคะแนนจัดอันดับในระดับโลกด้วย ซึ่งใน AniMe Play นั้นจะมีเกมให้เล่นทั้งหมด 4 เกม ซึ่งเป็นเกมคลาสสิกทั้งหมดดังนี้
- Brich Smasher
- Snake Venture
- Aero Invaders
- Speedy Runner
กล้องของ ASUS ROG Phone 9 Pro Edition
ในส่วนของกล้อง่ายภาพนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างอึ้งอยู่ไม่น้อย เพราะ สำหรับสมาร์ทโฟนเกมมิ่งแบบเต็มตัวนั้นมักจะไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับกล้องถ่ายภาพมากเท่าไร แต่ ASUS กลับจัดเต็มให้กับ ROG Phone 9 Pro พอสมควรเลยด้วยการเลือกใช้เซ็นเซอร์ LYTIA 700 มาเป็นกล้องหลัก พร้อมด้วยระบบกันสั่นแบบ 6 แกน อีกทั้งยังมีกล้อง Ultrawide และ Telephoto มาให้ใช้งานแบบครบทุกระยะ (กล้อง Ultrawide และ Telephoto เป็นตัวเดิมที่ใช้ใน ROG Phone 8 Pro) นอกจากนี้ยังมีการยัดฟีเจอร์ AI มาให้อีกหลายอย่างเลยครับ
โดยหลังจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมาทำให้ได้รู้ว่ากล้องของ ROG Phone 9 Pro นั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะสามารถใช้ถ่ายได้ในทุกสภาพแสง การตัดขอบละลายหลังก็ทำได้ดี อีกทั้งภาพที่ได้จากการซูมสูงสุด 30 เท่าก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว รายละเอียดต่าง ๆ เรียกได้ว่ายังพอมองออกอยู่บ้างว่าอะไรเป็นอะไร
แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจมากที่สุดคือฟีเจอร์ AI Panning ที่จะช่วยให้สามารถถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้ดูน่าสนใจขึ้นได้ อาทิเช่นการถ่ายภาพรถที่กำลังเคลื่อนที่ โดยหลังจากที่เราถ่ายภาพแล้วตัว AI Panning จะคำนวนและปรับแต่งภาพให้ดูเหมือนรถหยุดนิ่งอยู่กับที่มในขณะที่พื้นหลังจะเบลอ ทำให้ภาพดูมีมิติและโมชั่นมากขึ้นด้วย แต่บอกตามตรงว่าฟีเจอร์นี้ใช้ทั่วไปค่อนข้างยากนิดหน่อย เพราะต้องจับจังหวะให้ดีและกดชัเตอร์ให้แม่น ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับฝีมือคนถ่ายล้วน ๆ เลยว่าภาพจะออกมาสวยหรือไม่ครับ
ตัวอย่างภาพจากฟีเจอร์ AI Panning
ตัวอย่างภาพถ่าย
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จ
สำหรับตัวแบตเตอรี่ของ ROG Phone 9 Pro Edition นั้นให้มาขนาด 5,800mAh ซึ่งหากใช้งานปกติ ไม่ได้เล่นเกมแบบจัดเต็ม แบตเตอรี่สามารถอยู่หมดวันได้สบาย ๆ แต่หากมีการเล่นเกม แบตเตอรี่จะลดค่อนข้างไวพอสมควร ทำให้อาจจะจำเป็นต้องมีการชาร์จระหว่างวันอย่างน้อยสักครั้ง
ในเรื่องของการชาร์จนั้นพอร์ต USB-C ทั้ง 2 ช่องบนตัวเครื่องนั้นสามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 65W ได้ทั้งคู่ โดยผมได้ลองจับเวงลาในการชาร์จดู ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อยเพราะที่ผมลองจับเวลาชาร์จนั้นเริ่มตั้งแต่ตอนแบตเตอรี่เหลือ 2% จนเต็ม 100% นั้นใช้เวลาไปเพียง 45 นาทีเท่านั้น นับว่าชาร์จเร็วใช้ได้เลย แต่สิ่งที่พบระหว่างชาร์จก็คือหากชาร์จในอุณหภูมิปกติ ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ หลังชาร์จไปประมาณ 10 นาที ตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมเยอะพอสมควรเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ทำเอาประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ROG Phonr 9 Pro นั้นรองรับการชาร์จแบบไร้สายขนาด 15W ด้วยนั่นเอง แต่ไม่ใช้แบบ Magnetic นะ (ถ้าอยากได้ก็มีขายเคสแยกอยู่) สำหรับจุดชาร์จไร้สายนั้นจะไม่ได้อยู่กลางเครื่องแต่จะอยู่เยื้องขึ้นไปด้านบนใกล้ ๆ โมดูลกล้องนะครับ
สรุปการรีวิว ASUS ROG Phone 9 Pro Edition
ASUS ROG Phone 9 Pro Edition จากการทีไ่ด้อลงใช้มาบอกเลยว่าเป็นที่สุดของสมาร์ทโฟนเกมมิ่งโดยแท้ เพราะทาง ASUS อัดสเปคมาให้แบบจัดเต็มขั้นสุด มีระบบระบายความร้อนที่รวดเร็ว และยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเล่นเกมมีความสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังให้กล้องมาครบครัน ถ่ายภาพได้สวยและง่าย ถึงแม้จะไม่ได้กล้องความละเอียดสูงเหมือนคนอื่น ๆ ดังนั้นขอสรุปเลยว่าใครที่กำลังหาสมาร์ทโฟนที่เน้นการเล่นเกมแบบครบเครื่องแต่ไม่ทิ้งการถ่ายรูป ROG Phone 9 Pro รุ่นนี้่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีได้เลยครับ หากสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ rog.asus.com/th
ราคาของ ASUS ROG Phone 9 Series
- ROG Phone 9 FE รุ่น 16GB / 256GB ราคา 29,990 บาท
- ROG Phone 9 Pro รุ่น 16GB / 512GB ราคา 39,990 บาท
- ROG Phone 9 Pro Edition รุ่น 24GB / 1TB ราคา49,990 บาท
โปรโมชั่น Early Bird เริ่มในงาน 30 มกราคม – 2 มีนาคม 68
- รับ ROG Phone 9 Chill Case มูลค่า 1,490 บาท
- รับฟรี ROG Slash Sling Bag 2.0 มูลค่า 1,990 บาท
- รับฟรี ROG Phone 9 Screen Protector มูลค่า 690 บาท
จุดเด่น
- สเปคแรง เล่นเกมได้ทุกเกมที่มีในโลก
- ระบบระบายความร้อนดีและรวดเร็ว
- ฟีเจอร์ช่วยในการเล่นเกมมีครบครัน
- กล้องถ่ายรูปมีคุณภาพดีเกินกว่าสมาร์ทโฟนเกมมิ่งอื่น ๆ
- แบตเตอรี่อึด แถมชาร์จไว
ข้อสังเกตุ
- ดีไซน์เกมมิ่งอาจไม่ถูกใจใครหลาย ๆ คน
- ราคาค่อนข้างสูง
