รีวิว realme C65
realme C65 สมาร์ทโฟนเริ่มต้นที่รองรับทุกความต้องการพื้นฐานเปิดตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยความน่าสนบใจคือสเปคที่ให้มาแบบครบทุกความต้องการพื้นฐาน สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบ แถมยังมีดีไซน์ที่สวย บาง เบาอีกด้วย หลังจากที่เราได้เอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันได้เลย
สเปคของ realme C65
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด 1604 x 720 พิกเซล (HD+), Refresh Rate 90Hz, Touch Sampling Rate 180Hz, ความสว่างปกติ 500 nits สูงสุด 625 nits
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio G85
- แรม : 8GB ชนิด LPDDR4X
- หน่อยความจำ : 256GB ชนิด eMMC 5.1 รองรับ MicroSD สูงสุด 2TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8 (wide)
- ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (depth)
- กล้องหน้า : 8MP, f/2.0 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W Fast Charge
- ระบบปฏิบัติการ : realme UI 5.0 บนพื้นฐานของ Android 14
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 5
- Bluetooth 5.0
- GPS / GLONASS / GALILEO / Beidou/ QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- เซ็นเซอร์ :
- Acceleration Sensor
- Fingerprint
- Geomagnetic Sensor
- Gyroscope
- Light Sensor
- Proximity Sensor
- มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น : IP54
- ขนาด : 164.6 x 76.1 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก : 185 กรัม
- สี : Starlight Purple และ Starlight Black
- ราคา : 6,499 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องของ realme C65 นั้นทาง realme ได้ใช้ชื่อว่า Shining Starlight Design โดยจะใช้การออกแบบพื้นผิวคู่ ซึ่งใช้ต้นทุนในการพัฒนาพื้นผิวด้วยการถ่ายภาพด้วยแสงสูงกว่าพื้นผิวเดี่ยวถึง 3 เท่า อีกทั้งยังมีโครงสร้างจุลภาคของพื้นผิวคู่ที่มีอนุภาคนับร้อยล้านซึ่งต้องใช้ความละเอียดที่สูงมากพร้อมด้วยเอฟเฟกต์ซ้อนทับที่ถูกปรับแต่งและแก้ไขมากกว่า 10,000 ครั้ง เพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด และได้เอฟเฟกต์ดวงดาวส่องประกายอย่างสมจริง
สำหรับการออกแบบนั้นจะมีการออกแบบโมดูลโดยอิงมาจากเลนส์ระดับเรือธง พร้อมด้วยการผสมผสานการวางสีและองค์ประกอบที่สมมาตรเข้าด้วยกันเพื่อนำเสนอความสวยงามที่ประณีต อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเอฟเฟกต์ภาพสามมิติและช่วยให้จับได้อย่างมั่นคง สำหรับสีสันตัวเครื่องจะมีให้เลือกอยู่ 2 สีคือสี Starlight Purple และ Starlight Black โดยเครื่องที่ทางทีมงานได้รับมานั้นจะเป็นสี Starlight Purple นั่นเองครับ
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะมาเป็นพาแนล IPS ขนาด 6.67 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ HD+ และรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 90Hz นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่าสามารถคงคุณภาพการใช้งานได้อย่างน้อยๆ 48 เดือน หรือ 4 ปี เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีจุดที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของเครื่องด้วยนั่นก็คือฟีเจอร์ Mini Capsule 2.0 ที่จะแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆ เป็นแคปซูลอยู่ที่ตำแหน่งกล้องหน้าด้วยครับ
สำหรับขอบโดยรอบตัวเครื่องนั้นปุ่มทั้งหมดจะอยู่ที่ฝั่งขวาซึ่งจะประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิด ส่วนที่ฝั่งซ้ายจะมีช่องใส่ซิมอยู่ ที่ด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนที่ด้านล่างจะมีลำโพงตัวเครื่อง, พอร์ต USB Type-C, รูไมโครโฟน และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
ระบบปฏิบัติการ
สำหรับระบบปฏิบัติการนั้น realme C65 จะมาพร้อมกับ realme UI 5.0 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 14 ซึ่งจะมาพร้อมฟีเจอร์ที่ว้าวเอาเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น Air Gestures, Rain Water Smart Touch, Dynamic Button, Smart Code Scan, Riding Mode โดย realme ได้อธิบายถึงฟีเจอร์ต่างๆ ไว้ดังนี้
Air Gestures คือฟีเจอร์ที่ปกติจะพบได้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง แต่ realme ก็ได้นำฟีเจอร์นั้นมาสู้สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นด้วย ซึ่งตัวฟีเจอร์นี้จะใช้กล้องหน้าและเซ็นเซอร์หลายตัวทำงานร่วมกัน พร้อมด้วยอัลกอริธึม AI ที่ใช้โมเดลขนาดใหญ่ ทำให้สามารถจดจำท่าทางของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ
Rain Water Smart Touch ด้วยการผสมผสานอัลกอริธึมกันน้ำและความสามารถในการประมวลผลของ IC แบบสัมผัส ทำให้หน้าจอยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติเมื่อถูกหยดน้ำหรือเมื่อมือของผู้ใช้เปียก
Dynamic Button ปุ่มเปิด / ปิดสามารถใช้เป็นปุ่มฟังก์ชั่นในการสั่งงานอื่นๆ พร้อมกันได้ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการกระทำต่างๆ ได้เมื่อสัมผัส / กดสองครั้ง เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันอย่างมาก
Smart Code Scan เรียนรู้การกระทำของผู้ใช้อย่างชาญฉลาด เพียงเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการสแกนโดยอัตโนมัติสมาร์ทโฟนจะจดจำ QR Code และเข้าสู่แอพลิเคชั่นทำให้การสแกนทุกวันนี้สะดวกยิ่งขึ้น
Riding Mode ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับโหมดการขี่ เพื่อการโต้ตอบที่กระชับยิ่งขึ้นสำหรับนักปั่น ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้สมาร์ทโฟนได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นในขณะขับขี่
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานนั้นอย่างแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือการจับถือ โดยตัวเครื่องนั้นจะมีขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก หนาเพียง 7.64 มม. และมีน้ำหนักเพียง 185 กรัม ซึ่งถือว่าเบาพอสมควรสำหรับมือถือสมัยนี้ทำให้การจับถือไม่ค่อยลำบากเท่าไร ช่วยให้พกพาได้สบายตัวขึ้นเยอะ สำหรับการเล่นโซเชียลและการดูคลิปดูหนังเองก็ทำได้ไม่เลว ถึงในเรื่องสีสันอาจจะดูไม่สดเท่าไรเนื่องจากเป็นจอ IPS แต่ก็ทดแทนด้วยลำโพง Ultra-linear พร้อม UltraBoom 200% ที่ให้เสียงดังแบบเวอร์วังมาก ต่อให้เอาไปใช้ในที่สาธารณะก็ได้ยินชัดอย่างแน่นอน (ถ้าไม่กลัวคนมอง) นอกจากนี้คุณภาพเสียงที่ได้ก็นับว่าไม่เลวเลยไม่ว่าจะการเปิดเพลงหรือดูวิดีโอก็ทำให้ได้อรรถรสสุดๆ
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องให้แบตเตอรี่มา 5000mAh ซึ่งนับว่าเป็นแบตเตอรี่ขนาดมาตราฐานของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ แต่ที่น่าสนใจคือตอนที่เอาไปใช้นั้นมีการเปิดเกมแบบต่อเนื่องและสลับไปเล่นโซเชียลบ้างเป็นครั้งคราาว ในช่วงเวลา 8 ชั่วโมงที่ใช้ไปแบตเตอรี่ลดไปแค่ 50% เท่านั้น เป็นอะไรที่ทำเอาอึ้งไปเลยทีเดียว หมายความว่า realme C65 นั้นถ้าใช้งานไม่ได้หนักหน่วงแบตเตอรี่มีโอกาสที่จะใช้ไปถึงวันที่สองได้เลย ส่วนในเรื่องการชาร์จนั้นตัวเครื่องจะรองรับการชาร์จเร็ว 45W และเราได้ลองจับเวลาในการชาร์จดูโดยเริ่มตอนแบตเตอรี่เหลือเพียง 1% แต่เครื่องยังไม่ดับ ในเวลา 10 นาทีแรกแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 20% และถึง 50% ภายในเวลา 30 นาที (ตรงกับที่ทาง realme บอกเอาไว้) ส่วนระยะเวลาชาร์จรวมจะใช้ไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาชาร์จของสมาร์ทโฟนปกติ
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นด้วยตัวเครื่องที่มาพร้อมชิปเกมมิ่งราคาประหยัดของ MediaTek อย่าง MediaTek Helio G85 ทำให้ตัวเครื่องสามารถเอามาใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเกมที่ไม่ได้กินสเปคเท่าไรก็สามารถเล่นได้เต็มที่เลย ซึ่งเกมที่เราลองเล่นดูจะมีเกม RoV, PUBG Mobile, Free Fire และ Pokemon Go ซึ่งทุกเกมสามารถเล่นได้ทั้งหมด เพียงแต่ PUBG Mobile จะปรับกราฟิกสูงไม่ได้ ส่วน Pokemon Go ก็ต้องปิดกราฟิกสูงทิ้งเพื่อความลื่นไหลของตัวเกม ซึ่งการที่ปรับกราฟิกสูงไม่ได้อาจจะทำให้ความสวยของภาพลดลง แต่ก็ทำให้สามาถรเล่นได้นานขึ้นแทน แถมเครื่องยังร้อนช้าอีกด้วย
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นตัวเครื่องจะมาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัวที่เป็นกล้องหลัก 50MP และกล้อง AI ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้อง 8MP ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมานั้นบอกเลยว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว โดยในเรื่องของรายละเอียดภาพนั้นสามารถเก็บมาได้อย่างครบถ้วนและคมชัด ถึงแม้จะเป็นการถ่ายแบบ 2x หรือในที่แสงน้อยก็ตาม เพียงแต่ถ้ามืดเกินระดับหนึ่งโหมดถ่ายภาพกลางคืนจะมีการนับเวลาเปิดเซ็นเซอร์ ทำให้ถ้าใครที่มืดไม่นิ่งหรือมีการขยับตัวหลังกดถ่ายก็จะทำให้ภาพที่ได้นั้นเละทันที จึงเป็นข้อควรระวังที่สุด ส่วนการถ่ายภาพเซลฟี่นั้นด้วยกล้องหน้า 8MP ทำให้ได้ภาพที่เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการเอาไปใช้หรือโพสลงโซเชียลแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่า realme C65 เป็นเครื่องที่เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายมาก โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างอึดเลยทีเดียว เหมาะอย่างยิ่งเลยสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนเน้นใช้งานพื้นฐาน เล่นเกมไม่หนัก หรือต้องการแบตอึดๆ จะเอาไว้ใช้เอง ซื้อให้พ่อ-แม่สูงอายุ หรือซื้อให้ลูกก็ได้เช่นกัน
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยโดดเด่น บางเพียง 7.6 มม. และมีน้ำหนักเพียง 185 กรัมเท่านั้น
- ชิป Helio G85 สามารถเอามาเล่นเกมได้เกือบทุกเกมแบบลื่นๆ
- มีความจุให้เลือกสูงถึง 256GB
- กล้องหลัก 50MP ใช้ถ่ายได้ทุกสภาพแสง
- แบตเตอรี่ 5000mAh อึด ถึก ทน มาก ใช้งานแบบหนักๆ ได้จนจบวันสบายๆ
- ได้กันน้ำ IP54 ด้วย
ข้อสังเกต
- หน้าจอความสว่างไม่ได้สูงมาก ทำให้สู้แสงแดดเมืองไทยไม่ค่อยได้
- ชิป Helio G85 เป็นชิปที่มีอายุค่อนข้างหลายปีแล้วทำให้อาจไม่รองรับเกมใหม่ๆ ที่กินสเปคมากขึ้นได้
- ตัวกล้องไม่รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K
สำหรับโปรโมชั่นนั้นจะมีดังนี้
เมื่อซื้อ realme C65 (8+256GB) ราคาเพียง 6,499บาท รับฟรี! realme Gift Box มูลค่า 890 บาท เริ่มจำหน่ายวันที่ 24 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป ผ่าน realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
เมื่อซื้อ realme C65 (8+256GB) ราคาพร้อมแพคแกจเริ่มต้นต่ำสุดเพียง 3,799 บาท รับฟรี! realme Gift Box มูลค่า 890 บาท เริ่มจำหน่ายวันที่ 24 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป ผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, TRUE, DTAC
เมื่อซื้อ realme C65 (8+256GB) ราคาเพียง 6,499 บาท รับฟรี! realme Gift Box มูลค่า 890 บาท เมื่อสั่งซื้อผ่าน Shopee, Lazada, TikTok เริ่มจำหน่ายวันที่ 23 พ.ค. 67 เป็นต้นไป
รีวิว realme Buds T110
realme Buds T110 หูฟัง TWS รุ่นใหม่ของทาง realme ที่เป็นรุ่นต่อมาจาก realme Buds T100 โดยครั้งนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์สี Two Tone อยู่เช่นเดิม แต่มีการเพิ่มความสามารถให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยตัวหูฟังจะเป็นอย่างไร และเสียงเป็นยังไงเราไปดูกันครับ
สเปคของ realme Buds T110
- ขนาดตัวเคส : 61.16 x 48.29 x 28.16 มม.
- น้ำหนัก :
- หูฟัง : 4.1 กรัมต่อข้าง
- เคส : 33.7 กรัม
- สี : Punk Black, Country Green
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.4
- ขนาดไดเวอร์ : 10 มม.
- ระบบตัดเสียง : AI ENC Noise Cancellation
- กันน้ำ-กันฝุ่น : IPX5
- แบตเตอรี่ :
- หูฟัง + เคส สูงสุด 38 ชั่วโมง
- หูฟังอย่างเดียว สูงสุด 7 ชั่วโมง
- สนทนาต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมง
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- หูฟัง realme Buds T110
- เคสชาร์จพอร์ต USB Type-C
- สาย USB Type-C
- จุกหูฟัง 3 ขนาด (S/M/L, ขนาด M ติดตั้งมาให้อยู่แล้ว)
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์
มาเริ่มกันด้วยดีไซน์ตัวเคสกันก่อนเลย โดยตัวเคสจะมาในรูปแบบโค้งมนพร้อมด้วยแนวคิดการออกแบบสี Two Tone จะมีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีดำ Punk Black และสีเขียว Country Green ที่มีการตัดด้วยสีที่แตกต่างกันหลังเปิดฝา ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ตัวเคสได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับสีที่ทางทีมงานได้มาจะเป็นสีดำ Punk Black โดยสีดำบนตัวเคสจะเป็นสีดำแบบด้าน ซึ่งจะแตกต่างจาก realme Buds T100 รุ่นก่อนที่เป็นสีดำเงา และเมื่อเปิดฝาขึ้นมาด้านในจะเป็นสีเหลืองซึ่งตัดกับด้านนอกที่เป็นสีดำได้เด่นสุดๆ
บนตัวเคสจะมีไฟสถานะ LED และ พอร์ต USB Type-C อยู่
ตัวหูฟังจะมาในรูปแบบ In-Ear ที่มีน้ำหนักต่อข้างเพียง 4.1 กรัมเท่านั้น และยังมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้เวลาใช้งานจะไม่รู้สึกถึงความหนักเลย ส่งผลบให้สวมใส่สบายและสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน นอกจากจากนี้ตัวจุกหูฟังยังมีมาให้ 3 ขนาดคือ S, M, L โดยหัวหูฟังจะใส่ไซส์ M มาให้ตั้งแต่แรกเลย
กันน้ำ IPX5
หนึ่งในความน่าสนใจของ realme Buds T110 ก็คือความสามารถในการกันน้ำระดับ IPX5 ทำให้ใช้งานตอนออกกำลังกายเวลาโดนเหงื่อ หรือใช้ตอนที่ฝนตกอยู่ก็ได้ทั้งหมดครับ
การเชื่อมต่อ
สำหรับการเชื่อมต่อตัวหูฟังนั้นจะทำการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.4 ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเวอร์ชั่นใหม่นี้จะมีการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง ช่วยป้องกันการรบกวนสัญญาณ ทำให้มีความเสถียรมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังกินพลังงานต่ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระยะการส่งสัญญาณถึง 10 เมตรเลยด้วย
ในการเชื่อมต่อเพื่อให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่านแอปฯ realme Link ด้วย โดยตัวแอปฯ นี้ในปัจจุบันจะรองรับแค่เฉพาะระบบ Android เท่านั้นนะ สำหรับตัวแอปฯ realme Link จะเป็นแอปฯ ศูนย์รวมของอุปกรณ์ IoT ของ realme โดยเฉพาะ
ซึ่งเมื่อทำการเชื่อมต่อกับตัวแอปฯ แล้วจะสามารถตั้งค่าเรื่องเสียงได้ละเอียดขึ้น โดยจะมีตัวเลือกให้เลือกโหมดเสียง 3 รูปแบบคือ Bass Boost+ ที่จะได้เบสที่หนักยิ่งขึ้น, สมดุล ที่จะได้เสียงที่สดใสแต่ยังคงมีเบสอยู่ และ สดใส ที่จะได้เสียงเบสลงหน่อย แต่ได้ความชัดเจนของเสียงที่มาแทนครับ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดปิดโหมดเร่งเสียงและโหมดเกมได้อีกด้วย
การควบคุม
สำหรับการควบคุมตัวหูฟังจะสามารถควบคุมได้ด้วยการสัมผัสที่ตัวหูฟังดังนี้
- แตะ 2 ครั้ง (ข้างไหนก็ได้) : เล่น/หยุดเพลง หรือรับสาย/วางสายโทรศัพท์
- แตะ 3 ครั้ง (ข้างไหนก็ได้) : ข้ามไปยังเพลงต่อไป
- แตะค้าง : ปฏิเสธการรับสาย
- แตะค้าง (ข้างซ้าย) : ลดเสียง
- แตะค้าง (ข้างขวา) : เพิ่มเสียง
ระบบเสียง
สำหรับในเรื่องพลังเสียงนั้นตัวหูฟังจะมาพร้อมไดรเวอร์ไดนามิกขนาดใหญ่ 10 มม. ที่มีคุณภาพเสียงยืดหยุ่นและเบสที่เสถียร นอกจากนี้ยังมี PEEK+TPU Composite Diaphragm โดย PEEK จะให้ความแข็งแรง ความทนทานต่อการใช้งานและ TPU จะช่วยให้เบสที่คุณได้ยินนุ่มลึกมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้เสียงที่ทรงพลัง ที่สำคัญยังรองรับไฟล์เสียง AAC อีกด้วย และที่พิเศษสุดๆ คือหากคิดว่าเสียงหูฟังดังไม่พอก็สามารถเปิดโหมดเร่งเสียงเพิ่มได้ โดยจะทำให้เสียงที่ออกมาดังถึง 102dB เลยทีเดียว
ซึ่งจากที่ได้ลองฟังมาบอกเลยเสียงเบสสุดมาก โดดเด่นกว่าใครในหูฟังไร้สายเรทราคาเดียวกัน เสียงร้องและเสียงแหลมเองก็ได้ยินชัด แต่ก็ยังสู้เสียงเบสที่โดดเด่นแบบสุดๆ ไม่ได้เลย ใครที่ชื่นชอบเสียงเบสหนักๆ แล้วน่าจะชอบ realme Buds T110 ตัวนี้พอสมควร
สำหรับคนที่กังวลว่าเวลาใช้ฟังเพลงหรือสนทนาแล้วจะมีเสียงจากสภาพแวดล้อมเข้าก็หายห่วงได้เลยเพราะ realme Buds T110 นั้นมีเทคโนโลยีตัดเสียงรบดวนด้วย AI ENC มาช่วยลดเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ ทำให้เสียงมีความชัดขึ้นพอสมควร เพียงแต่ต้องเป็นเสียงที่ไม่ดังมากนักถึงจะเอาอยู่นะครับ
นอกจากนี้ความสามารถพิเศษเพื่อคอเกมก็มีให้ใช้ด้วเยเช่นกัน ด้วยโหมดเกมที่จะทำให้ความหน่วงลดลงเหลือเพียง 88ms เท่านั้น ทำให้เสียงที่ดีเลย์ลดน้อยลง ช่วยให้สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
แบตเตอรี่
ตัว realme Buds T110 นั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 38 ชั่วโมง เมื่อรวมแบตเตอรี่ในตัวหูฟังและเคสชาร์จทั้งหมด ซึ่งถ้านับตามจริงแล้วบอกเลยว่าเหลือเฟือมากๆ ไม่มีใครที่สามารถให้มาได้ขนาดนี้ โดยแบตเตอรี่ในตัวหูฟังเพียวๆ สามารถใช้ฟังเพลงได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง และสามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้นานถึง 4.5 ชั่วโมง
และเมื่อใช้งานอยู่ข้างนอกแล้วแบตเตอรี่หมดก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะตัวหูฟังนั้นมีฟีเจอร์ชาร์จเร็วที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาทีก็สามารถหบิบมาใช้ต่อได้นานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนี้ตัวไฟ LED บนตัวเคสยังช่วยบอกสถานะแบตเตอรี่ในแต่ละส่วนได้อีกด้วย ดังนี้เลย
ไฟแสดงสถานะขณะเคสขชาร์จ
- แบตเตอรี่ 100% : ไฟสีเขียว
- แบตเตอรี่มากกว่า 20% : ไฟสีเขียวแบบกระพริบ
- แบตเตอรี่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20% : ไฟสีแดงแบบกระพริบ
ไฟแสดงสถานะขณะชาร์จหูฟัง
- หลังจากเปิดเคส
- แบตเตอรี่มากกว่า 20% : ไฟสีเขียวเป็นเวลา 10 วินาที
- แบตเตอรี่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20% : ไฟสีแดงเป็นเวลา 10 วินาที
- เมื่อปิดฝาเคส
- แบตเตอรี่มากกว่า 20% : ไฟสีเขียวเป็นเวลา 3 วินาที และไฟแสดงสถานะจะดับลง
- แบตเตอรี่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20% : ไฟสีแดงเป็นเวลา 3 วินาที และไฟแสดงสถานะจะดับลง
สรุปการรีวิว
สำหรับหูฟัง realme Buds T110 จากที่ได้เอามาลองใช้งานระยะหนึ่งบอกเลยว่าสายเกมหรือสายเบสหนักต้องชอบหูฟังตัวนี้อย่างแน่นอน ด้วยเสียงเบสที่โดดเด่นเหนือใคร และ Latency ที่ต่ำมาๆ ในราคาที่จับต้องได้ง่าย แถมยังสวมใส่สบาย ทำให้เป็นหนึ่งในหูฟังราคาไม่แรงที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยๆ
โดย realme Buds T110 นั้นจะมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 899 บาท พิเศษ! เมื่อซื้อ Smartphone ทุกรุ่น สามารถแลกซื้อเหลือเพียง 799 บาท เฉพาะวันนี้ – 31 พ.ค. 67 เท่านั้น สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทางออนไลน์และตัวแทนจำหน่ายที่กำหนดทั่วประเทศ
ช่องทางออนไลน์
- Lazada : https://bit.ly/3V5X9Z0
- Shopee : https://bit.ly/3wyKSmK
- TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSYL49j7Y