ZTE Blade A54 สมาร์ทโฟนตัวเริ่มต้นราคาสุดประหยัด ที่มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ พร้อมด้วยความจุเยอะ เพื่อคนงบน้อย ใคร ๆ ก็ซื้อได้ ซึ่งจุดที่เรียกได้ว่าน่าสนใจสุดเมื่อเห็นสเปคเลยก็คือหน้าจอที่ใหญ่ 6.6 นิ้ว กับราคาไม่ถึง 3,000 บาทแต่ได้ USB Type-C ที่ไม่น่าเจอในสมาร์ทโฟนเรทราคานี้ และตอนนี้ทางทีมงานก็ได้เครื่องมาลองใช้งานด้วยจะเป็นอย่างไรไปชมกันได้เลย
สเปคของ ZTE Blade A54
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.56 นิ้ว, ความละเอียด 1612 x 720 พิกเซล (HD+), Refresh Rate 60Hz
- ชิปประมวลผล : Unisoc SC9863A
- แรม : 4GB รองรับ Virtual RAM 4GB
- หน่อยความจำ : 128GB ชนิด eMMC 5.1 รองรับ MicroSD Card สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 13MP, AF (wide)
- ตัวที่ 2 : AI
- กล้องหน้า : 5MP
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย MyOS 13
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 802.11 b/g/n
- Bluetooth 4.2
- GPS
- USB Type-C 2.0
- ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint Sensor
- Accelerometer
- Proximity Sensor
- ขนาด : 168 x 77.5 x 9.4 มม.
- น้ำหนัก : 214 กรัม
- สี : Space Gray
- ราคา : 2,699 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในส่วนของดีไซน์หน้าจอนั้นจะมาในรูปหยดน้ำขอบหนาเล็กน้อย ใช้พาแนลเป็น IPS-LCD มีขนาดหน้าจอแสดงผล 6.56 นิ้ว ที่ความละเอียด HD+ แน่นอนว่าด้วยราคาแบบนี้ก็ต้องได้จอ 60Hz มาอย่างแน่นอน
ในส่วนด้านหลังเครื่องนั้นจะมาด้วยดีไซน์คล้ายๆ nubia ทำให้มีความสวยงามกว่าสมาร์ทโฟนในเรทราคาเดียวกัน โดยที่ส่วนบนนั้นจะมีโมดูลกล้องที่กินพื้นที่ทั้งหมดของฝาหลังส่วนบนไป แต่จะมีการจัดวางเลนส์กล้องไว้ที่ริมซ้ายทั้งหมด รวมถึงมีการแบ่งสีเป็นครึ่งบนและล่างอีกด้วย ซึ่งครึ่งบนจะวางกล้องหลักและไฟแฟลช LED เอาไว้ ส่วนครึ่งล่างจะวางกล้อง AI หรือก็คือกล้อง Depth เอาไว้ พร้อมโลโก้ ZTE และข้อความ “SUPER AI CAMERA” นอกจากนี้ที่ด้านล่างยังมีการระบุชื่อรุ่นเอาไว้อย่างขัีดเจนด้วย (สงสัยกลัวคนไม่รู้)
สำหรับขอบข้างนั้นก็มาตามพิมพ์นิยมคือขอบเหลี่ยม โดยปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาไม่ว่าจะเป็ฯปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่มเปิด-ปิด ที่ด้านซ้ายจะมีช่องใส่ซิมแบบ Triple-slot อยู่ ส่วนขอบด้านล่างจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนรับเสียง, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่องอยู่ สำหรับขอบบนนั้นจะไม่มีอะไรอยู่เลย โล่งโจ้ง
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการที่มากับเครื่องนั้นจะเป็นระบบปฏิบัติการ MyOS 13 ที่เป็น Android 13 ซึ่งการออกแบบ UI นั้นต้องใช้คำว่า Back To Basic เนื่องจากแอปฯ ทั้งหมดนั้นจะสามารถดูได้เมื่อเลื่อนเปิด AppDrawer เว้นแต่จะมีการติดตั้งแอปฯ ใหม่เพิ่ม ถึงจะมีการเอาไอคอนไปวางไว้บนหน้าจอ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่หลายๆ แบรนด์ทำการตัด AppDrawer ออกไปแล้ว สำหรับไอคอนต่างๆ นั้นจะมาด้วยดีไซน์แบบ Android เพียวๆ แต่สามารถปรับแต่งเพิ่มได้ ทั้งธีม, วอลเปเปอร์ หรือไอคอน ก็ปรับแต่งได้หมด
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องการใช้งานนั้นบอกเลยว่า ZTE Blade A54 เครื่องนี้เป็นเครื่องที่เหมาะกับการเอามาใช้งานแบบทั่วไปของแท้ เพราะจากความรู้สึกที่ใช้มานั้นรู้สึกว่าแค่เล่นโซเชียลให้ลื่นได้นี่ก็เต็มกลืนแล้ว แถมในเรื่องความบันเทิงเองก็นับว่าทั่วไป เนื่องจากที่มีลำโพงเพียงตัวเดียว ทำให้เสียงที่ได้นั้นไม่เต็มที่เท่าไร (เอาอะไรมากกับราคานี้อะเนอะ) แต่ถ้าดูหนังแบบต่อหูฟังไปด้วยอันนี้ก็นับว่าใช้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากความละเอียดจอที่ไม่ได้สูงทำให้แบตเตอรี่ถึกทนตามไปด้วยนั่นเอง บอกเลยดูซีรี่ส์ได้แทบทั้งวัน
ทั้งนี้จะมีสิ่งหนึ่งที่ต้องแจ้งเอาไว้เลยว่าฟีเจอร์ขยายแรมนี่ไม่ว่ายังไงก็อย่าไปปิดมันเด็ดขาดเลย เพราะถ้าไปปิดมันแล้วความลื่นไหลที่ได้จะหายไปเลย แถมจะทำให้ไม่สามารถเล่นแอปฯ หรือเกมแบบลื่นๆ ได้อีกด้วย
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้นในเครื่องจะมห้มาทั้งหมด 5000mAh ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาทั้งวันนั้น ผ่านฉลุยครับ ผ่าน 1 วันไปแบบสบายๆ เลย และถ้าสามารถจัดสรรพลังงานดีๆ หรือใช้น้อยๆ ก็สามารถใช้ได้ราวๆ 2-3 วันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการชาร์จนั้นเราเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ1% แล้วเครื่องบังคับปิดตัว โดยตัวเครื่องจะรองรับการชาร์จแบบ 10W (แต่ให้อะแดปเตอร์ 22.5W มานะ) ผลที่ได้นั้นใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 7% เมื่อถึง 30 นาทีได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 35% และจะถึง 50% ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที เมื่อรวมระยะเวลาชาร์จตั้งแต่เครื่องดับจนเต็มจะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 2 นาที นับว่าเป็นการรอชาร์จที่ค่อนข้างนานทีเดียว ดังนั้นแนะนำให้่จัดสรรแบตเตอรี่ดีๆ แล้วเอามาชาร์จตอนนอนจะได้หมดปัญหารอชาร์จไปเลย
การเล่นเกม
ในเรื่องการเล่านเกมนั้นตอนแรกที่ได้ยินว่าเป็นชิป Unisoc SC9863A ตอนนั้นก็คิดเลยว่าไม่น่าเอามาเล่นเกมยอดนิยมได้แน่น แต่ดันผิดค่ดไปหน่อย เพราะสามารถเล่น RoV ในระดับ 55fps ได้สบายๆ ถึงจะดันขึ้น 60fps ไม่ไหวแต่ก็นับว่าเกินพอแล้ว ส่วนเกมอื่นๆ ที่ได้ลองก็จะมี PUBG Mobile และ Free Fire ซึ่งก็สามารถเล่นได้ เพียงแต่ PUBG Mobile นั้นจะไม่สามาถรปรับกราฟิกสูงไปกว่าระดับสมดุล เฟรมเรทกลางได้ แต่แนะนำให้กดกราฟิกลงมาเป็นระดับดีก็พอ แค่นั้นก็ปวดตาแล้ว หรือจะเอาไปเล่นเกมฆ่าเวลาหรือเกมแนว idle ก็ได้นะ
การถ่ายภาพ
สำหรับการถ่ายภาพนั้นตัวเครื่องจะมาพร้อมกล้อง 2 ตัวเป็นกล้่อง 13MP และกล้อง 2MP ซึ่งตัว 2MP นี้จะเป็นกล้องสำหรับ AI เอาไว้ใช้ในการจับระยะตื้น-ลึก เพื่อทำการละลายหลัง ดังนั้นจะถือว่ามีกล้องหลังตัวเดียวก็ยังได้ ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้อง 5MP ซึ่งจะมาพร้อมความสามารถในการรถ่ายภาพแบบ Portrait ที่สามารถเลือกค่ารูรับแสงได้ (ไม่ได้ปรับรูรับแสง แต่ใช้ AI ช่วยประมวลผลให้ใกล้เคียง) โดยจากที่ได้ลองใช้มานั้นบอกเลยว่าอึดอัดใช้ได้ เนื่องด้วยชัตเตอร์ดีเลย์นั่นเอง (ตรงนี้คงต้องใช้ความเคยชินอย่างเดียว) ซึ่งปัยหาที่ว่าก็คือตอนจังหวะกดชัตเตอร์ไปนั้นกล้องจะยังไม่จับภาพทันที จะมีการเว้นจังหวะนิดหน่อยก่อนกดถ่าย ทำให้พอกดถ่ายแล้วจะยกเครื่องลงทันทีไม่ได้ ต้องถือค้างไว้แบบนั้นแปปหนึ่ง ถ้ารีบเอาลงภาพที่ได้จะเละทันที แต่ถ้าเปลี่ยนโหมดการถ่ายจากอัตโนมัติไปถ่ายด้วยโหมด Portrait ชัตเตอร์ดีเลย์นี่จะหายไปทันที (แปลกดีเนอะ)
แต่ในเรื่องคุณภาพของรูปที่ได้นั้นก็นับว่าใช้ได้ทีเดียวเมื่อดูที่ราคาแล้ว เพราะแสงและสีสันก็สามารถเก็บมาได้ดี ถึงจะมีแค่เลนส์เดียวก็ถ่ายดอกไม้ได้ แถมในที่มืดเองก็สามารถถ่ายออกมาให้เห็นรายละเอียดได้อยู่ ไม่ได้มืดตื๋อจนมองไม่เห็นอะไร สามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้เกินพอ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว ZTE Blade A54
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่า ZTE Blade A54 เป็นเครื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะถึงราคาจะไม่ถึง 3,000 บาท แต่ก็ให้ความจุมามากถึง 128GB ซึ่งในตลาดตอนนี้ไม่มีใครให้ได้เลย เลยเหมาะอย่างยิ่งเลยกับการซื้อไปให้ผู้สูงอายุหรือซื้อให้เด็กใช้ ด้วยราคาที่ไม่ได้แพงเลยสักนิดกับฟีเจอร์พื้นฐานที่ครบครัน แถมแบตยังอึดอีก หรือจะซื้อเอาไปไว้ใช้เป็นเครื่องสำรองก็ยังได้ ด้วยค่าตัวแค่ 2,699 บาทเป็นอะไรที่จ่ายได้ไม่ยากอยู่แล้ว โดยถ้าสนใจและอยากได้ก็สามารถซื้อได้ที่ Shopee เลยครับ
จุดเด่น
- ราคาถูกจัด
- ได้หน้าจอใหญ่ถึง 6.56 นิ้ว
- ให้ความจุมามากถึง 128GB
- แบตเตอรี่ 5000mAh สามารถใช้งานทะลุวันได้สบายๆ
ข้อสังเกต
- ชิปประมวลผลไม่ได้เร็วแรงอะไร ทำให้การใช้งานอาจจะมีจังหวะอืดๆ บ้างเป็นบางครั้ง
- กล้องถ่ายภาพมีชัตเตอร์ดีเลย์ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ถ่ายภาพที่เคลื่อนที่ไม่ได้
- ถึงจะให้หัวชาร์จ 22.5W มาก็ตาม แต่เครื่องรองรับแค่ 10W ทำให้ใช้เวลาชาร์จนานเอาเรื่อง
- หาฟิล์มและเคสยาก หากของที่ให้มาเป็นอะไรไปก็ต้องใช้แบบเปลือยๆ ไปเลย