realme 11 Pro 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ของ realme ที่มาพร้อมดีไซน์และสเปคในระดับเรือธง ซึ่งในรุ่นนี้ตอนที่เปิดตัวนั้นจะมาด้วยกันทั้งหมด 2 สีคือสี Sunrise Beige, Astral Black และที่เราได้มาจะเป็นสี Astral Black นั่นเอง โดยจากการที่ได้ลองเอาไปใช้งานมานั้นจะเป็นอย่างไรบ้างเราจะมาเล่าให้ฟังกัน
สเปคของ realme 11 Pro 5G
- หน้าจอ : Curved AMOLED, ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 360Hz (สูงสุด 1260Hz), 2160Hz PWM Dimming, ความลึกสี 1.07 พันล้านสี, ขอบเขตสี 100% DCI-P3, ครอบทับด้วยกระจกเสริมความแข็งแรงพิเศษ Double-Reinforced Glass ความหนา 0.65 มม.
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 7050 5G
- แรม : 8GB รองรับ Dynamic RAM สูงสุด 24GB
- หน่อยความจำ : 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 100MP, f/1.75, OIS (wide)
- ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (portrait)
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.45
- แบตเตอรี่ : 5000mAh, ระบบชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
- ระบบปฏิบัติการ : realme UI 4.0 บนพื้นฐาน Android 13
- การเชื่อมต่อ :
- Dual 5G+5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.2
- GPS / Glonass / Beidou / Galileo / QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint Sensor (ใต้หน้าจอ)
- Magnetic Induction Sensor
- Light Sensor
- Proximity Sensor
- Gyro
- Acceleration Sensor
- ขนาด :
- Sunrise Beige : 161.6 x 73.9 x 8.7 มม.
- Astral Black : 161 x 73.9 x 8.2 มม.
- น้ำหนัก :
- Sunrise Beige : 191 กรัม
- Astral Black : 185 กรัม
- สี : Sunrise Beige, Astral Black
- ราคา : 12,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องนั้นทาง realme บอกว่าได้ทำการจับมือกับอดีตดีไซน์เนอร์นักออกแบบลายพิมพ์ของกุชชี่ นาม Matteo Menotto ให้มาช่วยรังสรรค์ลายพิมพ์ที่ผนวกความงดงามของแฟชั่นในกรุงมิลานเข้ากับดีไซน์ของสมาร์ตโฟน realme 11 Pro Series โดยในการออกแบบโมดูลกล้องนั้นนั้นแรงบันดาลใจในการออกแบบได้มาจากกล้องถ่ายรูปแบบคลาสสิคที่รูปลักษณ์และการทำงานของกล้องผสานกลมเกลียวกันอย่างลงตัว เพียงแค่เห็นก็สัมผัสได้ถึงพลังในการรังสรรค์รูปสวยระดับมืออาชีพ
ซึ่งตัวโมดูลกล้องนั้นจะมาในรูปวงกลมขนาดใหญ่ โดยที่ตรงกลางวงนั้นจะมีเลนส์หลักวางอยู่ มีเลนส์ Portrait อยู่ที่ด้านขวา และมีไฟแฟลช LED อยู่ที่ด้านบน ส่วนด้านล่างจะมีข้อความว่า “100MP OIS CAMERA” อยู่ และถัดลงมาด้านล่างจะมีโลโก้ของ realme อยู่นั่นเอง
อนึ่งสำหรับในรุ่นสี Sunrise Beige นั้นจะมีฝาหลังเป็นหนังวีแกนคุณภาพเยี่ยมที่ให้ผิวสัมผัสของหนังแท้ มีความทนทานและกันคราบสกปรกได้อีกด้วย ยอกจากนี้ยังมีลวดลายสิ่งทอแบบ 3D พร้อมรอยเย็บ ทำให้ดูมีสไตล์ยิ่งขึ้น
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นหน้าจอโค้งพาแนล AMOLED แบบ Punch hole ขนาด 6.7 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชที่ 120Hz และรองรับอัตราการตอบสนองที่ 360Hz ซึ่งด้วยความที่เป็นจอแบบ Punch hole พาแนล AMOLED ทำให้ตัวเครื่องมีขอบจอที่เรียกได้ว่าบางจัด ที่ขอบจอด้านบนจะมีลำโพงตัวเครื่องสำหรับใช้สนทนาอยู่ และถัดไปทางขวาเล็กน้อยจะเป็นจุดวางเซ็นเซอร์ต่าง ๆ
สำหรับรอบตัวเครื่องนั้นที่ขอบด้านบนจะมีลำโพงและรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงอยู่ ส่วนที่ด้านล่างจะมีลำโพงอีกหนึ่งตัว (เป็นลำโพงแบบสเตอริโอ) รูไมโครโฟนรับเสียง พอร์ต USB Type-C และช่องใส่ซิมแบบ Dual-slot อยู่ ส่วนปุ่มทั้งหมดนั้นจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่อง จึงทำให้ฝั่งซ้ายไม่มีอะไรเลย
นอกจากนี้ในกล่องนั้นนอกจากตัวเครื่องแล้วก็จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC สาย USB Type-C และเคส TPU ใส่มาให้ในกล่องเลย ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อเพิ่มให้วุ่นวาย
ระบบปฏิบัติการ
สำหรับระบบปฏิบัติการนั้นจะมาพร้อมกับ realme UI 4.0 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 13 ทันทีทีแกะกล่อง ซึ่งตัว UI นั้น เป็นแบบเรียบง่าย ทำให้สามารถใช้งานได้แทบจะในทันทีโดยไม่ต้องมาเสียเวลาเรียนรู้ นอกจากนี้ยังสามาถรปรับแต่ง UI ได้ค่อนข้างหลากหลาย
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึงเลยก็คือในส่วนของ AppDrawer โดยในการใช้งานครั้งแรกนั้นเมื่อปัดขึ้นมาเพื่อเปิด AppDrawer ในหน้ารวมแอปฯ จะมีการแบ่งออกเป็น 3 โซนคือแอปฯ ที่พึ่งใช้ล่าสุด, แอปฯ ที่ระบบคาดเดา และแอปฯ ที่ติดตั้งทั้งหมด ซึ่งใน 2 ส่วนแรกนี้จะเป็นอะไรที่ทำให้สับสนเอามาก ๆ ซึ่งตรงนี้ถ้ารำคาญสามารถไปปปิดมันได้ในหัวข้อ “การตั้งค่าลิ้นชักแอพ”
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานต่าง ๆ นั้น อย่างแรกเลยก็คือเรื่องการจับถือ ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางจากการที่เป็นจอโค้งทำให้การจับถืออาจจะรูปสึกแปลก ๆ หน่อย แต่ความน่าสนใจคือตัวเครื่องที่น้ำหนักเบา และมีการบาลานซ์ได้อย่างดี ทั้ง ๆ ที่ส่วนบนของตัวเครื่องมีโมดูลกล้องขนาดใหญ่อยู่แท้ ๆ (ในบางแบรนด์ถ้ามีโมดูลใหญ่แบบนี้จะทำให้หนักที่ส่วนบนตัวเครื่อง) ในเรื่องของความบันเทิงเองก็เรียกได้ว่าทำได้ดี ด้วยหน้าจอ AMOLED ที่ให้สีสันสวยสด ขอบจอที่บาง ลำโพงแบบสเตอริโอที่ให้เสียงดัง และน้ำหนักตัวเครื่องที่เบา ทำให้สามารถถือดูหนังหรือซีรี่ส์ได้สบาย ๆ
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องจะมีขนาดอยู่ที่ 5000mAh ซึ่งจากทีไ่ด้เอาไปลองใช้งานมา 1 วันเต็ม ๆ ตามวิธีชีวิตวัยรุ่น/วัยทำงาน ตัวแบตเตอรี่นั้นหากไม่จัดการดี ๆ หรือใช้งานน้อย ๆ แล้วจะไม่สามารถอนู่ถึง 1 วันได้อย่างแน่นอน แบตเตอรี่จะหายไปราว ๆ 80% ภายในเวลา 7 ชั่วโมง (ใช้งานแบบต่อเนื่องทั้ง เล่นโซเชียล, เล่นเกม และถ่ายภาพ)
ทว่าการที่แบตหมดเร็วนั้นก็แลกมาด้วยการชาร์จที่ค่อนข้างรวดเร็วดช่นกัน โดยเราได้ทดลองชาร์จตอนแบตเตอรี่หมด (เครื่องบังคับปิดตัว) ใน 10 นาทีแรก ได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% และขึ้นมาถึง 50% ภายในเวลา 19 นาที เมื่อรวมเวลาชาร์จทั้งหมดจนถึง 100% นั้นจะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 45 นาที เรียกได้ว่าถ้ามีเวลาสัก 20 นาทีก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เพิ่มขึ้นมาจนมากพอจะใช้ตอนขากลับบ้านได้อย่างสบายแล้ว
การเล่นเกม
ในเรื่องการเล่นเกมนั้นตัวเครื่องที่ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 7050 5G นั้นมีความแรงมากพอที่จะใช้เล่นเกมได้ทุกเกม แต่ด้วยตัวเครื่องที่บางทำให้ความร้อนแผ่มาถึงมือได้ค่อนข้างเร็วจึงไม่ค่อยอยากแนะนำให้เล่นเกมสเปคโหด ๆ โดยตัวเกมที่เราได้ลองเล่นนั้นจะมีทั้ง RoV, Genshin Impact, Subway Surf และ PUBG Mobile ซึ่งทุกเกมนั้นสามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ ไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใด เพียงแต่เกม Genshin Imapct นั้นต้องปรับกราฟิกให้เป็นต่ำสุดถึงจะลื่น
ตรงนี้น่าจะมีคนเริ่มสงสัยว่าเอาเกม Subway Surf มาใช้ทดสอบเครื่องเพื่ออะไร คำตอบก็คือเอามาทดสอบเรื่องการตอบสนองต่อการสัมผัสแบบรวดเร็วนั้นเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าตัวเครื่องตอบสนองได้รวดเร็วอย่างมาก ไม่ว่าจะปัดด้วยความเร็วขนาดไหนก็สามารถตอบสนองได้ทันทั้งหมดเลย
การถ่ายภาพ
ในส่วนของการถ่ายภาพที่เป็นจุดเด่นนั้นตัวเครื่องจะมีเลนส์กล้อหงลังอยู่ทั้งหมด 2 เลนส์คือเลนส์หลัก 100MP และเลนส์ Portrait 2MP ซึ่งตัวเลนส์หลักนี้สามารถซูมแบบ 2 เท่าได้โดยคุณภาพไม่ลดลงอีกด้วย แต่ความน่าสนใจไม่ได้มีเฉพาะแค่กล้อง 100MP เท่านั้น ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ถ่ายภาพมีความหลากหลายมากขึ้นด้วยไม่ว่าจะเป็นโหมด Portrait ที่สามารถแยกวัตถุกับพื้นหลังได่อย่างแม่นยำ ฟิวเตอร์ที่ใช้ในการตกแต่งภาพ โหมด Street สำหรับไว้ใช้ถ่ายเวลาเดินถนนหรือที่เรียกว่า Street View และยังมีโหมดอีกมากมายที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีความง่ายขึ้นอย่างมาก
โดยตอนที่ได้เอาไปลองถ่ายนั้นบอกเลยว่าถ่ายสนุกใช้ได้เลย ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่มีเลนส์ Ultra-wide มาให้ใช้ด้วยก็ตาม แต่สิ่งที่น่าตกใจคือตอนถ่ายเซลฟี่แบบย้อนแสงนั้น ภาพที่เห็นผ่านหน้าจอก่อนถ่ายคือหลังขาวโพลนไปหมดเลย ทว่ากลังจากที่ AI ประมวลผลแล้วรายละเอียดพื้นหลังก็กลับมาในระดับที่สามารถดูได้ว่าข้างหลังนั้นคืออะไรเลยทีเดียว จะบอกว่า AI เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ภาพถ่ายออกมาสวยงามแบบถึงที่สุดเลยก็ยังได้
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว realme 11 Pro 5G
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นบอกเลยว่าเป็นเครื่องที่พกพาสะดวก และยังถ่ายภาพสนุกอีกด้วย ใครที่กำลังอยากได้สมาร์ทโฟนน้ำหนักเบา ๆ กล้องดี ๆ ในราคาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป ตัวนี้น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว โดยค่าตัวเองก็นับว่าไม่ได้แพงอะไรอยู่ที่ 12,999 บาทเท่านั้นเอง ซึ่งนับว่าเป็นเรทราคาที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ หากอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ realme.com/th
จุดเด่น
- ตัวเครื่องมีความบางเบา ทำให้พกพาได้สะดวก
- มาพร้อมจอ AMOLED 120Hz
- ได้ชิปประมวลผล Dimensity 7050 5G
- ให้ความจุมาเลย 256GB
- กล้องหลักความละเอียดสูง 100MP ที่สามารถถ่ายภาพแบบ 2x ได้
- ฟีเจอร์กล้องมีให้เล่นเพียบ
- AI กล้องมีความฉลาดและแม่นยำมาก
- ชาร์จเร็ว 67W ที่ใช้เวลาชาร์จจาก 0% – 100% ในเวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น
ข้อสังเกต
- ด้วยความที่ตัวเครื่องมีความบางทำให้ความร้อนที่เกิดระหว่างใช้งานส่งถึงมือได้ค่อนข้างเร็ว
- ถ้าไม่จัดสรรการใช้งานดี ๆ แบตเตอรี่จะอยู่ไม่ครบวันอย่างแน่นอน
- ไม่มีการใส่กล้อง Ultra-wide มาให้
- ค่าตั้งต้น UI ตรงส่วนของ AppDrawer ทำให้สับสนได้ง่าย ต้องเสียเวลาไปตั้งค่าเพิ่มอีกที