MacBook ราคาเท่าไหร่บ้างในปี 2022 แนะนำ MacBook ทุกรุ่นที่ยังมีการวางขายอยู่ทั้ง MacBook Air และ MacBook Pro
สำหรับอุปกรณ์ในการใช้งานในหมวดโน๊ตบุ๊ค หรือว่าแล็ปท็อป เชื่อว่าคนที่ทำงานด้านกราฟิก หรือว่าตัดต่อหลายๆ คนก็ต้องนึกถึง MacBook ของ Apple มาเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ อย่างแน่นอน ด้วยสเปคที่เรียกได้ว่าเร็วแรง แถมยังมีการดีไซน์รูปแบบให้ดูสวยงามน่าใช้ พร้อมชิปเซ็ต และการตกแต่งสเปคได้ตามใจชอบ ที่สำคัญก็คือเรื่องของราคา ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 30,000 กว่าบาทไปจนถึงหลักแสนกันเลยทีเดียว ก็แน่นอนว่าในราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนมั่นใจได้ระดับหนึ่ง ว่าสเปคการใช้งานของ MacBook นั้นสามารถทำงานได้ดีเยี่ยม และคุ้มค่าต่อการซื้อมาใช้งานในด้านต่างๆ ของจริง ซึ่งหลังจากที่ได้มีการเปิดตัว MacBook Pro รุ่นล่าสุดไปในปี 2021 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวคราวของสเปค MacBook Air รุ่นใหม่ออกมาด้วยเหมือนกันในปีนี้ และหลายคนก็อยากจะรู้ว่าในตอนนี้มี MacBook รุ่นไหนขายอยู่ กับราคาล่าสุดนั้นมีราคาเท่าไหร่กันบ้างแล้วในตอนนี้ วันนี้ทาง Specphone เลยจะมารวบรวมราคา MacBook ราคาล่าสุดในปี 2022 จาก Apple, Shopee, Lazada, BNN, Power Buy หรือตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ ว่ามีราคาเท่าไหร่บ้าง พร้อมกับแนะนำสเปคของ MacBook ทุกรุ่นที่ยังวางขายอยู่ในตอนนี้มีรุ่นไหนบ้าง
MacBook ราคาเท่าไหร่ และมีรุ่นไหนวางขายอยู่บ้างในปี 2022
สำหรับราคาของ MacBook ราคาในแต่ละรุ่นนั้น สามารถกดเข้าไปดูในสเปคข้อมูลของแต่ละรุ่นที่วางขายด้านล่างได้เลย ว่าในตอนนี้มีราคาเท่าไหร่กันบ้างทั้งจาก Apple โดยตรง และจากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ รวมไปถึงร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada ด้วย ส่วนรุ่นของ MacBook ที่ยังมีการวางขายอยู่ในตอนนี้ จะมีรุ่นหลักๆ ด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นเท่านั้น โดยแต่ละรุ่นหลักนั้นจะมีสเปคย่อยลงไปอีก ส่วนใหญ่แล้วจะต่างกันที่ตัวชิปและหน้าจอ ใครที่อยากรู้ว่าราคาของ MacBook ราคาแต่ละรุ่นมีสเปคเป็นแบบไหนบ้าง ก็สามารถกดเข้าไปดูรุ่นที่ต้องการดูข้อมูลได้เลย ได้แก่
- MacBook ราคาล่าสุดรุ่น MacBook Air M1 (2020)
- MacBook ราคาล่าสุดรุ่น MacBook Pro 13” M1 (2020)
- MacBook ราคาล่าสุดรุ่น MacBook Pro 14” M1 Pro หรือ M1 Max (2021) และ MacBook Pro 16” M1 Pro หรือ M1 Max (2021)
MacBook Air M1 (2020)
เริ่มต้นกันด้วยสเปคของรุ่นน้องเล็ก ที่มีหน้าจอเล็กที่สุด เบาบางที่สุด แต่ว่ามีสเปคเร็วแรงเทียบเคียงรุ่นโปร (2020) ได้เลยทีเดียว โดยตัว MacBook Air M1 รุ่นนี้จะเหมาะกับคนที่จำเป็นต้องพกพาไปนอกสถานที่บ่อยๆ เป็นหลัก เพราะตัวเครื่องออกแบบมาให้มีความบางเบา ด้วยความสูง 1.61 ซม. กับน้ำหนักเพียง 1.29 กก. เท่านั้น มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้วแบบ Retina ความละเอียด 2560 x 1600 ให้สีสันสมจริง กับหน้าจอที่กว้างออกไปเต็มขอบ ใช้งานได้เต็มที่เต็มตา และยังรองรับขอบเขตสี P3 มากกว่าพันล้านสี กับเทคโนโลยี True Tone และสว่างสูงสุด 400 นิต สบายตาด้วยการปรับหน้าจอให้เหมาะสมทุกสภาพแสง ซึ่งรุ่นนี้จะมีให้เลือก 3 สีคือ ทอง, เงิน และเทาสเปซเกรย์
จุดเทพของรุ่นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นชิปประมวลผลที่เร็วแรงอย่าง Apple M1 แบบ System on Chip (SoC) ที่ได้ทั้งความแรง และยังประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หายห่วงเรื่องความหน่วงไปได้เลย ไม่ว่าจะตัดต่อ ทำงานด้านกราฟิก หรือว่าจะเล่นเกมก็ทำได้ไหลลื่นมากกว่ารุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก ด้วย CPU แบบ 8 Core และ Neural Engine แบบ 16 Core ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วกับ GPU ที่มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยคือแบบ 7 Core และแบบ 8 Core กับหน่วยความจำแบบรวมขนาด 8GB ซึ่งทำให้ความจุเริ่มต้นนั้นต่างกันด้วย ระหว่าง 256GB กับ 512GB ตามลำดับ และสามารถปรับแต่งความจุได้สูงสุดถึง 2TB ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนเป็นหลัก ถ้าเน้นทำงานด้านกราฟิกสูงๆ แนะนำว่าให้เลือกซื้อรุ่น GPU 8 Core ไปเลยจะคุ้มกว่า เพราะสามารถเรนเดอร์แบบ 3D ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5.3 เท่า
เรื่องของแบตเตอรี่นั้นก็ประหยัดพอตัวเลย ถึงแม้ว่าจะใช้งานได้ไม่เท่ารุ่นโปร แต่ก็สามารถใช้ท่องเว็บแบบไม่ต่อสายได้สูงสุด 15 ชั่วโมง หรือดูหนังได้สูงสุด 18 ชั่วโมง พร้อมระบบระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม ส่วนพอร์ตที่ให้มาจะมีทั้งช่องเสียบหูฟัง และช่องต่อ Thunderbolt / USB 4 ถึง 2 ช่องรองรับทั้งการชาร์จแบต ต่อเข้าหน้าจอ หรือว่าจะเอาไว้เชื่อมต่อถ่ายโอนข้อมูลก็ทำได้อย่างรวดเร็ว โดยตัว MacBook Air M1 จะมีเซ็นเซอร์ Touch ID ปลดล็อคได้รวดเร็ว และสามารถเชื่อมต่อ WiFi 6 ได้เลยทีเดียว ส่วนกล้องหน้าจะเป็นแบบ FaceTime HD ความละเอียด 720p สามารถปรับสีผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ มาพร้อมไมโครโฟน 3 ตัวตามทิศทางของเสียง และมีลำโพงกระจายเสียงรอบทิศทาง รวมไปถึงรองรับ Dolby Atmos อีกด้วย ส่วนการใช้งานจะมีทั้ง Magic Keyboard และแทร็คแพด Force Touch ควบคุมได้อย่างแม่นยำทุกการใช้งาน มีราคาเริ่มต้นและราคาปรับแต่งสูงสุดดังนี้
ร้านค้า\ รุ่น MacBook Air M1 GPU 7 Core
(เริ่มต้น 256GB)MacBook Air M1 GPU 8 Core
(เริ่มต้น 512GB)Apple 32,900 – 67,900 บาท 41,400 – 69,400 บาท iStudio by copperwired 32,000 บาท – BaNANA 32,400 บาท 40,900 บาท Power Buy 32,900 บาท 41,400 บาท Studio7 (ราคานักเรียน) 28,900 บาท 38,100 บาท Studio7 (ราคาปกติ) 31,900 บาท 40,900 บาท iStudio by SPVi 31,900 บาท – iStudio by UFicon 32,900 บาท – Apple Flagship Store 31,391 บาท 39,999 บาท
**ร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada รวมอยู่ในร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแล้ว
MacBook Pro 13” M1 (2020)
มาต่อกันด้วยสเปคและ MacBook ราคาของรุ่นโปรในตัวหน้าจอเล็กอีกหนึ่งรุ่น ที่เปิดตัวออกมาในปี 2020 และมีสเปคที่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ MacBook ในระดับโปรมากขึ้น แต่ว่าจะยังคงเป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับโปรอยู่ เพราะว่ายังใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกับ MacBook Air M1 และเป็นรุ่นที่มีหน้าจอเล็กที่สุดสำหรับรุ่นโปรในตอนนี้ด้วย แต่การดีไซน์นั้นจะยังคงเป็นแบบเหลี่ยมๆ อยู่เหมือนเดิม กับความหนา 1.56 ซม. และมีน้ำหนัก 1.4 กก. ที่ยังถือว่าไม่หนักเท่ารุ่นโปรรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ยังเบาไม่เท่ารุ่น Air ส่วนหน้าจอจะเป็น Retina แบ็คไลท์แบบ LED ความละเอียด 2560 x 1600 กว้าง 13.3 นิ้วสีสันคมชัดสมจริงเช่นกัน มาพร้อมเทคโนโลยี True Tone ที่ปรับแสงให้เหมาะสมตามสภาพแสง และยังสว่างได้มากถึง 500 นิต ถ้าเทียบกับ MacBook Air M1 ก็ต่างกันแค่ความสว่างสูงสุดเท่านั้นในเรื่องของหน้าจอ รุ่นนี้จะมี 2 สีให้เลือกคือสีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์
จุดต่างกว่าใครเพื่อนของ MacBook Pro 13” M1 (2020) รุ่นนี้เลยก็คือยังคงมี Touch Bar ที่หลายคนชอบแบบไม่มีมากกว่า แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละคนด้วย ว่าอยากใช้แบบไหนมากกว่ากัน รวมไปถึง Touch ID ที่สามารถปลดล็อคหรือทำรายการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรุ่นนี้ก็ได้ใช้ชิปประมวลผลเป็นตัว Apple M1 พร้อม CPU แบบ 8 Core และ GPU แบบ 8 Core กับ Neural Engine แบบ 16 Core ที่ประมวลผลได้เร็วแรงขึ้น 2.8 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังสร้างสรรค์ชิ้นงานกราฟิกได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนรุ่นย่อยของตัวนี้จะมีทั้งรุ่นเริ่มต้นความจุ 256GB และความจุ 512GB สามารถปรับแต่งได้สูงสุด 2TB กับหน่วยความจำแบบรวมขนาด 8GB สูงสุด 16GB
MacBook Pro 13” M1 มีแบตที่ค่อนข้างอึดกว่ารุ่น MacBook Air เนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นรุ่นโปรรุ่นล่าสุดที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งความจุนี้สามารถเล่นเน็ตแบบไม่ต่อสายได้สูงสุด 17 ชั่วโมง และดูหนังได้สูงสุด 20 ชั่วโมง มาพร้อมกับพอร์ตหูฟัง 1 ช่องและพอร์ต Thunderbolt / USB 4 อีก 2 ช่องที่ชาร์จและส่งต่อข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการเชื่อมต่อ WiFi 6 ได้เร็วแรงปกติ ส่วนทางด้านการใช้งานจะมี Magic Keyboard และแทร็คแพด Force Touch ที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับกล้องหน้า FaceTime HD ความละเอียด 720p ที่คมชัดแม้สภาพแสงน้อย กับไมโครโฟน 3 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอ จัดการเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี และยังมีลำโพงสเตอริโอที่มีมิติเสียงกว้างขึ้น อีกยังรองรับ Dolby Atmos ได้เหมือนกันด้วย อย่างที่บอกไปตอนต้นเลยว่ารุ่นนี้จะคล้ายๆ กับ MacBook Air M1 เลย ต่างกันเพียงรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนราคาจะมี MacBook ราคาเริ่มต้นแต่ละรุ่นและ MacBook ราคาสูงสุดดังนี้
ร้านค้า\ รุ่น MacBook Pro 13” M1 (2020)
(เริ่มต้น 256GB)MacBook Pro 13” M1 (2020)
(เริ่มต้น 512GB)Apple 42,900 – 77,900 บาท 49,900 – 77,900 บาท iStudio by copperwired 42,900 บาท – BaNANA 42,900 บาท – Power Buy – – Studio7 42,900 บาท 49,900 บาท iStudio by SPVi 42,900 บาท 49,900 บาท iStudio by UFicon 42,900 บาท 49,900 บาท Apple Flagship Store 39,999 บาท –
**ร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada รวมอยู่ในร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแล้ว
MacBook Pro 14” และ MacBook Pro 16” M1 Pro หรือ M1 Max (2021)
ปิดท้ายกันด้วย MacBook ราคาล่าสุดในตัวท็อปสุดทั้งสองรุ่นของ MacBook Pro และเป็นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมชิปให้เลือกถึง 2 แบบ แถมยังมีความเร็วแรงจนหาตัวเทียบได้ยากอีกด้วย โดยทั้งสองรุ่นนี้ทั้งตัว 14” และ 16” จะมีความต่างกันที่ขนาดตัวเครื่อง หน้าจอ ราคา และความจุแบตเท่านั้น ในส่วนอื่นๆ จะเหมือนกันทั้งชิปและการปรับแต่งสเปคได้เท่ากันด้วย ส่วนรูปแบบตัวเครื่องจะยังคงเป็นแบบเหลี่ยมๆ เหมือนเดิม แต่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นที่รุ่น 14” มีน้ำหนัก 1.6 กก. ส่วนรุ่น 16” มีน้ำหนักถึง 2.1 กก. เลยทีเดียว ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบ XDR (Extreme Dynamic Range) กว้าง 14.2 และ 16.2 นิ้วพร้อมเทคโนโลยี ProMotion (Refresh Rate 120Hz) ครั้งแรกบน Mac ทำให้การใช้งานไหลลื่น และยังมีความชมชัดระดับสูงมากๆ อีกทั้งยังมีความสว่างปกติ 500 นิต และสว่าง XDR ได้ 1,000 นิต กับคอนเทนต์ HDR ที่สว่างสูงสุดถึง 1,600 นิต เลยทีเดียว หายห่วงเรื่องการแต่งภาพ ออกแบบกราฟิก หรือทำงานต่างๆ ที่ต้องใช้ความคมชัดบนสีสันต่างๆ ไปได้เลย
นอกจากนี้หน้าจอยังได้เพิ่มรอยบาก (Notch) มาอยู่บนหน้าจอด้วย พร้อมกับปรับขนาดขอบหน้าจอให้แคบลงสูงสุด 60% ใช้งานได้เต็มจอมากขึ้น ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ยังสามารถระบายความร้อนได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 50% อีกทั้งยังนำแถบ Touch Bar จากรุ่นก่อนหน้าออกไปแล้ว เหลือเพียง Magic Keyboard และ Touch ID แบบใหม่ที่นูนขึ้นมาเพื่อให้หาเจอ และปลดล็อคได้ง่ายขึ้นด้วย และจุดที่เทพที่สุดของทั้งสองรุ่นนี้ก็คือชิปประมวลผล ที่มีมาให้เลือกถึง 2 ตัวนั่นก็คือ M1 Pro กับ M1 Max บนสถาปัตยกรรม System on Chip (SoC) ที่เร็วแรงและแรงขึ้นไปอีกด้วย M1 Max ทำให้การใช้งานในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ เขียนโค้ด ตัดต่อ งานกราฟิกต่างๆ ก็เรนเดอร์ได้กว่าตัวก่อนหน้าสูงสุด 13.4 เท่าเลยทีเดียว ที่สำคัญคือความจุที่สามารถปรับแต่งได้สูงสุดถึง 8TB ทำให้การอ่านข้อมูล หรือเปิดไฟล์หลายๆ ไฟล์ก็ไม่มีสะดุดแม้แต่นิดเดียว โดยเปคของชิป M1 Pro กับ M1 Max คือ
- ชิป M1 Pro
- CPU แบบ 10 Core
- GPU สูงสุดแบบ 16 Core
- Neural Engine แบบ 16 Core
- แบนด์วิดท์หน่วยความจำ 200GB/s
- หน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 32GB
- เล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 4K ได้สูงสุด 20 สตรีม
- ชิป M1 Max
- CPU แบบ 10 Core
- GPU สูงสุดแบบ 32 Core
- Neural Engine สูงสุดแบบ 16 Core
- แบนด์วิดท์หน่วยความจำ 400GB/s
- หน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 64GB
- เล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 8K ได้สูงสุด 7 สตรีม
ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่นั้นก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานเช่นกัน เนื่องจากมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ แต่ก็ได้ชิปที่ช่วยประหยัดพลังงานดีขึ้นไปอีก โดยรุ่น 14” สามารถท่องเน็ตแบบไร้สายได้สูงสุด 11 ชั่วโมง และดูหนังได้ต่อเนื่อง 17 ชั่วโมง ส่วนรุ่น 16” สามารถเล่นเน็ตไร้สายได้ 14 ชั่วโมง และดูหนังได้สูงสุด 21 ชั่วโมง มาพร้อมกับพอร์ตที่รองรับการใช้งานหลายรูปแบบทั้งช่องเสียบการ์ด SDXC, HDMI, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., MagSafe 3 และ Thunderbolt 4 (USB-C) มากถึง 3 พอร์ตเรียกได้ว่าเข้าถึงได้ทุกสายงานของจริง ส่วนกล้องหน้าจะเป็น FaceTime HD ความละเอียด 1080p คมชัดกว่าเดิม 2 เท่า มาพร้อมกับไมโครโฟนระดับสตูดิโอ 3 ตัวตัดเสียงรบกวนถึง 60% กับลำโพงวูฟเฟอร์ 6 ตัวให้เสียงแบสแน่นขึ้น และกระจายได้รอบทิศทาง เหมือนอยู่ในโรงหนังเลยทีเดียว ส่วนราคาจะมี MacBook ราคาเริ่มต้นและ MacBook ราคาสูงสุดของทั้งสองรุ่นมีราคาดังนี้
ร้านค้า\ รุ่น MacBook Pro 14” M1 Pro
(เริ่มต้น 512GB)MacBook Pro 14” M1 Pro
(เริ่มต้น 1TB)MacBook Pro 14” M1 Max
(เริ่มต้น 512GB)MacBook Pro 16” M1 Pro
(เริ่มต้น 512GB)MacBook Pro 16” M1 Pro
(เริ่มต้น 1TB)MacBook Pro 16” M1 Max
(เริ่มต้น 1TB)Apple 73,900 – 180,900 บาท 89,900 – 180,900 บาท 103,900 – 208,900 บาท 89,900 – 187,900 บาท 96,900 – 187,900 บาท 124,900 – 215,900 บาท BaNANA – 89,900 บาท – 89,900 บาท 96,900 บาท 124,900 บาท iStudio by UFicon 73,900 บาท 89,900 บาท – – –
**ร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada รวมอยู่ในร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแล้ว
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นราคา MacBook ราคาล่าสุดของทุกรุ่นที่ยังมีการวางขายอยู่ในตอนนี้ พร้อมกับสเปคของรุ่นต่างๆ ทั้งหมด รุ่นหลักนั่นก็คือ MacBook Air M1, MacBook Pro 13″ M1 และ MacBook Pro 14” กับ MacBook Pro 16” M1 Pro หรือ M1 Max ซึ่ง MacBook ราคาทั้งหมดนี้เป็น MacBook ราคาล่าสุดทั้งจาก Apple และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแล้ว จะเห็นได้ว่ารุ่นที่ยังมีการวางขายมากที่สุดนั่นก็คือ MacBook Air M1 ที่มีราคาไม่แรงมาก แต่ได้สเปคแรงเกินตัวไปเยอะเลย ส่วน MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุดนั้นแนะนำว่าให้ซื้อกับทาง Apple จะดีที่สุดแล้วเพราะมีสเปคให้ปรับแต่งได้เยอะ ทั้งนี้การเลือกซื้อแต่ละรุ่นก็ต้องดูการใช้งานของตัวเองเป็นหลัก ถ้าไม่ได้ใช้งานหนักมากนักก็ซื้อเป็น MacBook Air M1, MacBook Pro 13″ M1 ก็พอไหว แต่ถ้าต้องการตัดต่อหรือแต่งภาพหนักๆ ให้ซื้อรุ่นโปรตัวล่าสุดไปเลยจะใช้งานได้ดีกว่าเยอะ แล้วถ้ามี MacBook ราคามาอัพเดทอีก เราก็จะมาอัพเดทให้เรื่อยๆ เลยนะครับ