สิ่งหนึ่งที่เราใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อมือถือดี ๆ สักตัวยังไงก็ไม่พ้นกล้องแน่นอน แถมยิ่งเป็นรุ่นระดับเรือธงด้วยแล้วยิ่งต้องคิดให้ดี เนื่องจากราคาเครื่องไม่ใช่ถูก ๆ ซึ่ง Samsung Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro ก็เป็นคู่หนึ่งที่ตัดสินกันได้ยาก ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้อาจจะมีหลาย ๆ คนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกซื้อตัวไหนดี วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเราไปดูกันก่อนดีกว่าว่าทั้งคู่มีกล้องอะไรบ้าง
- Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro
- สรุปการเปรียบเทียบกล้อง
กล้องของ Samsung Galaxy S21+ 5G นั้นจะมีทั้งหมด 3 เลนส์คือเลนส์ wide ความละเอียด 12MP มีรูรับแสงกว้าง f/1.8, เลนส์ ultrawide ความละเอียด 12MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.2 และเลนส์ telephoto ความละเอียด 64MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ซึ่งมีระยะซูมแบบ Optical 2 เท่า, Hybrid 10 เท่า และ Space Zoom 30 เท่า สำหรับกล้องหน้าที่ใช้เซลฟี่นั้นเป็นเลนส์ความละเอียด 10MP ที่มีรูรับแสงกว้าง f/2.2
กล้องของ iPhone 12 Pro นั้นจะมีทั้งหมด 3 เลนส์คือเลนส์ wide ความละเอียด 12MP มีรูรับแสงกว้าง f/1.6, เลนส์ ultrawide ความละเอียด 12MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.4 และเลนส์ telephoto ความละเอียด 12MP มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ซึ่งมีระยะซูมแบบ Optical 2 เท่า และ Hybrid 10 เท่า นอกจากนี้ยังมี LiDAR Scanner สำหรับใช้วัดระยะแบบ 3D อีกด้วย สำหรับกล้องหน้าที่ใช้เซลฟี่นั้นเป็นเลนส์ความละเอียด 12MP ที่มีรูรับแสงกว้าง f/2.2
Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro : ภาพกล้องหลัง
สำหรับภาพจากกล้องหลังที่ได้ทดลองนั้นโดยรวมแล้วดูทาง Galaxy S21+ 5G จะได้ภาพที่มีความสว่างมากกว่าทาง iPhone 120 Pro ถึงแม้ว่าพอเป็นในที่ร่มแล้วจะเก็บแสงได้น้อยกว่าก็ตาม สำหรับตัวอย่างภาพต่าง ๆ ที่ได้ไปลองถ่ายมาจะเป็นดังต่อไปนี้
สำหรับภาพจากกล้องหลักในสภาพกลางแจ้ง Galaxy S21+ 5G จะเก็บแสงได้มากกว่า รวมถึงถ่ายภาพได้มุมกว้างกว่าเล็กน้อย
สำหรับกล้องหลักเมื่อถ่ายในร่มนั้นค่อนข้างแปลกใจที่ตรงข้ามกับการถ่ายกลางแจ้ง เนื่องจากทาง Samsung นั้นจะเก็บแสงได้มืดกว่าทาง iPhone แต่ทว่าในเรื่องของสีสันแล้วทาง Samsung จะมีสีที่ค่อนข้างเข้มกว่า
ภาพนี้จะเป็นการถ่ายแบบย้อนแสง iPhone 12 Pro จะถ่ายออกมามืดกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมยังดูจะเหลืองกว่าปกติด้วย ในขณะที่ทาง Samsung นั้นภาพที่ได้จะมีความสว่างกว่า แถมพื้นหลังยังมีการละลายแบบอ่อน ๆ ให้อีกด้วย
สำหรับการถ่ายภาพแบบมุมกว้างด้วยเลนส์ Ultrawide เช่นเดียวกับกล้องหลัก Galaxy S21+ 5G นั้นจะได้ภาพที่มีมุมกว้างกว่า iPhone พอสมควร แถมยังเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างชัดเจนด้วย ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมุมกว้างแล้ว Samsung คือตัวเลือกที่ดีกว่าจริง ๆ
สำหรับภาพมุมกว้างในที่ร่มอันนี้ออกจะแปลกนิด ๆ เนื่องจากภาพของทาง Samsung จะออกไปทางโทนฟ้า ถึงแม้ว่าไฟสีฟ้าคำว่า SALE จะดูสวยเด่นก็ตาม แต่สีไฟภายในร้านมันออกฟ้าจนเกินไป ในขณะที่ของทาง iPhone นั้นแสงสีภายในร้านจะออกเป็นธรรมชาติ ถึงแม้ว่าตัวไฟคำว่า SALE จะดูซีดไปหน่อยก็ตาม
สำหรับเลนส์ซูมนี้เราจะทำการแยกให้เห็นกันชัด ๆ เลย โดยของ Samsung จะมีระยะซูมแบบ Optical ที่ 3 เท่า ซึ่งทำให้ได้ระยะที่ไกลกว่า แถมยังสามารถซูมได้สูงสุดถึง 30 เท่าอีกด้วย (รายละเอียดยังพอเห็นได้อยู่นะเออ) แต่ถ้าหากเทียบกันที่ระยะ 10 เท่าที่เป็นระยะสูงสุดของ iPhone แล้ว ภาพของ Samsung จะมีความคมชัดมากว่า แถมยังมีรายละเอียดที่เยอะกว่า iPhone พอสมควร (เนื่องมาจากระยะซูมแบบ Optical สูงกว่านั่นเอง)
เรื่องกล้องหลังจากทุกระยะโดยรวมแล้วทาง Samsung จะทำออกมาได้ดีกว่าไม่ว่าจะเป็นการเก็บแสง ระยะความกว้างของมุมที่ทำได้มากกว่า แถมระยะซูมยังเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนกว่าที่ระยะเท่ากัน
Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro : ภาพเซลฟี่
สำหรับกล้องหน้าที่ไว้ใช้เซลฟี่นั้นของทาง Samsung จะเป็นเลนส์ความละเอียด 10MP ส่วนทาง iPhone จะเป็นเลนส์ความละเอียด 12MP ซึ่งจากที่ได้ลองมาแล้วทาง iPhone จะออกแนวเรียล ๆ สมจริงมาก ในขณะที่ทาง Samsung นั้นถึงจะเป็นโหมดอัตโนมัติก็ยังมีการละลายหลังมาให้อ่อน ๆ รวมถึงยังมีการใส่บิวตี้มาให้หน่อย ๆ อีกด้วย สำหรับในเรื่องของพื้นหลังที่มีแสงค่อนข้างสว่าง ทาง Samsung มีการลดแสงลงเพื่อให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนมากขึ้น สามารถเอาภาพไปใช้ได้เลย ในขณะที่ทาง iPhone นั้นสว่างจนขาวไปเลย ทำให้ถ้าจะเอาไปใช้ก็ต้องเอาไปแต่งต่อทำให้ต้องเสียเวลาไปกับขั้นตอนอีกเล็กน้อย
Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro : Portrait Mode
สำหรับภาพจากโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหน้านี้หากมองที่ภาพจะเห็นความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับบุคคล การละลายหลัง รวมถึงสกินโทนที่ได้ โดยในเรื่องการตรวจจับบุคคลนั้นก่อนกดถ่ายทั้งสองสามารถตรวจจับได้ว่ามีใบหน้าอยู่ 2 ใบหน้า แต่ทว่าพอกดถ่ายออกมาแล้ว iPhone กลับละลายคนที่อยู่ด้านหลังซะงั้น
ในขณะที่ Samsung ไม่ได้เป็นแบบนั้น ส่วนตัวมองว่าถ้าใช้เซลฟี่กับคนอื่นบ่อย ๆ Galaxy S21+ 5G จะสามารถถ่ายออกมาได้ดีกว่า iPhone 12 Pro เพราะตัวเครื่องสามารถตรวจจับใบหน้าพร้อมทั้งละลายหลังโดยเว้นบุคคลที่อยู่ด้านหลังได้ด้วย นอกจากนี้ในรูปแบบถ่ายมุมกว้าง Samsung ยังได้ระยะที่กว้างมากกว่าอีกด้วย
Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro : Night Mode
ในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั้นทั้ง 2 เครื่องจะมี Night Mode มาให้ แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ของ Samsung จะเป็นโหมดแยกต่างหากให้ (ในโหมดถ่ายภาพปกติก็ใช้ Night Mode ได้แต่จะไม่เต็มที่เท่ากับการเข้าโหมด Night Mode จริง ๆ) ในขณะที่ iPhone จะรวมอยู่ในโหมดถ่ายภาพปกติ และทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อแสงน้อยเท่านั้น ซึ่งจากที่ลองถ่ายก็เริ่มตั้งแต่ช่วงโพล้เพล้ไปจนมืดเลยจะเป็นดังต่อไปนี้
ในช่วงโพล้เพล้ภาพของ Samsung จะมีสีที่ออกไปในโทนอ่อนที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า
สำหรับภาพจากช่วงเวลาที่มืดแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องยอมให้กับ Samsung ที่ขึ้นชื่อเรื่องการถ่ายสีไฟที่ออกมาสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด (จะว่าเป็นเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้) ในขณะที่ของทาง iPhone สีไฟจะดูซีดกว่าพอสมควร รวมถึงเรื่องของการเก็บรายละเอียดนั้น iPhone จะมี Noise ค่อนข้างมากหากเทียบกับ Samsung
ในการเซลฟี่ด้วย Night Mode สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือความสว่างของบุคคลและพื้นหลังโดยที่ทาง iPhone จะทำการลดความสว่างของพื้นหลังลงเพื่อให้ตัวแบบเด่นชัดขึ้น ในขณะที่ทาง Samsung ถึงจะมีการละลายที่หนักกว่าแต่แสงก็เก็บมาเต็มที่เลย ทำให้ตัวแบบดูไม่ค่อยเด่นเท่าไรนัก แถมความคมชัดของตัวแบบทางฝั่ง iPhone ยังมีความคมมากกว่าด้วย แต่ถึงอย่างนั้นกล้องของ Samsung กลับทำให้ผิวดูเนียนกว่ามาก แถมการตัดขอบยังทำออกมาได้ดีกว่า ไม่มีการกินขอบผมเข้ามาเลย อีกทั้งรายละเอียดของเส้นผมยังเห็นได้ชัดกว่าด้วย
ภาพรวมในเรื่องของการถ่ายภาพ หากเป็นการถ่ายไฟหรือการถ่ายภาพแบบมุมกว้างแล้ว Samsung Galaxy S21+ 5G กลับทำได้ดีกว่า นอกจากนี้ในเรื่องของการเซลฟี่นั้นโดยส่วนตัวค่อนข้างชอบกล้องของ Samsung Galaxy S21+ 5G มากกว่า เนื่องจากตัวซอร์ฟแวร์มีความ Beauty แบบอ่อน ๆ ให้แล้ว ไหนจะยังเรื่องการตรวจจับใบหน้าที่แม่นกว่า iPhone 12 Pro อีกด้วย ยังไม่รวมถึงเรื่องระยะการซูมของ Samsung ที่ทำได้ไกลกว่ามาก ๆ ด้วย
Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro : Pro Mode
ในส่วนของโหมด Pro นั้นใน iPhone จะรวมอยู่ในโหมดถ่ายภาพปกติ โดยการกดเครื่องหมายลูกศรที่อยู่ด้านบนเพื่อเปิดขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ปรับได้มากมายนัก ในขณะที่ทาง Samsung จะเป็นโหมดแยกต่างหากออกมา แถมยังสามารถปรับค่าได้มากกว่า อีกทั้งยังเลือกได้ด้วยว่าจะใช้ไมค์รับเสียงจากทิศทางไหน (ในกรณีเปิดโหมด Pro Video) นอกจากนี้ยังมีกราฟเสียงและกราฟแสงให้ดูได้ด้วย สำหรับคนที่ใช้มือถือถ่ายวิดีโอเป็นหลักการมีตัวเลือกให้เยอะแบบนี้จะมีความสะดวกมากกว่าอีก
Director’s View
นอกเหนือจาก Pro Mode ปกติแล้ว ใน Samsung Galaxy S21+ 5G ยังมีโหมดวิดีโอใหม่ๆ ด้วยก็คือ Director’s View หรือชื่อภาษาไทยคือ “มุมมองผู้กำกับ” โดยโหมดนี้จะเป็นโหมดที่จะช่วยให้เราสามารถใช้กล้องพร้อมกันทั้งหน้า-หลังได้ และยังสามารถเปลี่ยนเลนส์ระหว่างถ่ายได้ด้วย และความเจ๋งของโหมดนี้ก็คือเวลาจะเปลี่ยนเลนส์ จะมีการแสดงภาพตัวอย่างให้ดูก่อนด้วย ช่วยให้เราสามารถเลือกเลนส์ที่จะใช้ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนไป – มาเพื่อปรับให้พอดี
Vlogger View
อีกมุมมองหนึ่งในโหมดมุมมองผู้กำกับที่น่าสนใจก็คือมุมมองแบบ Vlogger ที่เป็นการแบ่งครึ่งหน้าจอในการแสดงผล โดยจะแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นกล้องหน้าและอีกครึ่งเป็นกล้องหลัง และสามารถสลับฝั่งกันได้ด้วย (สามารถเปลี่ยนเลนส์ระหว่างถ่ายได้เช่นกัน) ช่วยให้สามารถมองภาพจากทั้ง 2 กล้องได้อย่างชัดเจน
Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro : การบันทึกวีดีโอ
ในการบันทึกวีดีโอนั้นสิ่งที่ทั้ง Galaxy S21+ 5G และ iPhone 12 Pro มีเหมือนกันก็คือการที่สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียด 4K 60FPS, 4K 30FPS, Full HD 60FPS และ Full HD 30FPS แต่ทว่าใน Galaxy S21+ 5G นั้นสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงที่สุดคือ 8K 24FPS และต่ำสุดที่ Full HD 30FPS ส่วน iPhone 12 Pro นั้นได้สูงสุดแค่ 4K 60FPS แต่ก็สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดต่ำที่สุดคือระดับ HD 720p 30FPS ซึ่งด้วยความละเอียดนี้จะได้ไฟล์ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ทำให้สามารถส่งผ่านแอพโซเชียลได้ง่ายกว่า
สำหรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 8K 24FPS นั้นสามารถบันทึกได้ทั้งในโหมดปกติและโหมด Pro แต่จากที่ได้พบนั้นการบันทึกที่ความละเอียดนี้อาจยังไม่เหมาะกับการใช้งานจริงเท่าไหร่นัก เนื่องจากตัวภาพยังมีความไม่ลื่นไหล ทำให้ดูแล้วจะปวดหัวพอสมควร แต่ด้วยความที่มีความละเอียดถึง 8K ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดมากว่าปกติ แถมยังสามารถเอาไปครอปทำเป็นภาพนิ่งได้ง่ายอีกด้วย (8K Video Snap)
ในการบันทึกด้วยความละเอียด 4K 60FPS / 30FPS นั้นไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็สามารถทำได้ทั้งสองรุ่น โดยในเรื่องของระบบกันสั่นไหวนั้นนับว่าทำออกมาได้ดีทั้งคู่ แต่ว่าในเรื่องของความลื่นไหลของการโฟกัสใน iPhone 12 Pro จะมีความเนียนตากว่า รวมถึงการวัดแสงที่ไม่วูบวาบด้วย ทว่าเรื่องความสว่างพื้นฐานของตัววิดีโอนั้นทาง Samsung จะทำออกมาได้ดีกว่า ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
สำหรับการบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดระดับ Full HD 60FPS / 30 FPS นั้น โดยพื้นฐานแล้วจะไม่ค่อยต่างจากตอนบันทึกแบบ 4K แต่ทว่าสำหรับ Samsung นั้นจะมีโหมดพิเศษที่ชื่อว่า Super steady ที่จะช่วยเพิ่มความนิ่งให้กับตัววิดีโอ ด้วยการใช้งานทั้ง OIS และ EIS พร้อมกัน ถึงแม้จะมีข้อจำกัดที่ทำให้บันทึกได้แค่ความละเอียด Full HD เท่านั้นก็ตาม แต่ไม่ว่าภาพจะสั่นแค่ไหนก็นิ่งได้ เหมาะกับการถ่ายวิดีโอที่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ เช่น ถ่ายตอนเล่นกีฬา หรือ Surf Skate เป็นต้น
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Samsung มีก็คือการบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ (iPhone บันทึกแบบ HDR Dolby Vision) ซึ่งตัวไฟล์วิดีโอที่ได้นั้นจะเป็นไฟล์แบบ HDR10+ หรือวิดีโอแบบ 10-bit จริง ๆ เมื่อเอาไฟล์มาดูนอกเครื่องแล้วสีภาพจะซีดมาก ๆ ทำให้จำเป็นต้องเอาไปแต่งสีเพิ่ม ในกรณีที่หน้าจอทีวี หรือคอมพิวเตอร์ไม่รองรับ HDR และการจะบันทึกแบบ HDR10+ นั้นจะสามารถบันทึกได้แค่ที่ความละเอียดระดับ Full HD เท่านั้น แต่ถ้าเป็นการถ่าย 4K HDR แล้วเปิดบนหน้าจอที่รองรับ HDR จะได้ช่วงไดนามิกที่กว้าง สีสัน และรายละเอียดที่สมจริงเป็นอย่างมาก
ส่วนของ iPhone นั้นจะต้องเข้าไปทำการเปิดการบันทึกแบบ HDR เสียก่อนถึงจะบันทึกได้ หลังจากนั้นไม่ว่าจะบันทึกแบบไหนหรือตอนไหนไฟล์ก็จะเป็น HDR ทั้งหมด
โดยรวมแล้วในเรื่องการบันทึกวิดีโอนั้นหากอยากได้ความสามารถแบบโปรหรือลูกเล่นเยอะ ๆ ไม่ต้องเหนื่อยคนถือกล้องมากนัก Samsung Galaxy S21+ 5G ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ในขณะที่ iPhone 12 Pro นั้นถึงแม้จะสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ได้ทุกเลนส์ แต่ก็จำเป็นต้องใช้ฝีมือคนถ่ายอยู่พอสมควรเลย
สรุปการเปรียบเทียบกล้อง Samsung Galaxy S21+ 5G vs iPhone 12 Pro
ภาพรวมสำหรับกล้องของ Samsung Galaxy S21+ 5G จะออกแนวใช้งานได้หลายหลายสถานการณ์มากกว่า iPhone 12 Pro แต่ทว่าหากพูดถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วก็ไม่ค่อยจะแตกต่างกันสักเท่าไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวล้วน ๆ
แต่หากเป็นงานที่ต้องใช้รูปอย่างรวดเร็วเช่นถ่ายแล้วอัพโหลดขึ้นโซเชียลทันที ไม่เน้นแต่งรูปเพิ่มแล้ว Samsung Galaxy S21+ 5G จะได้เปรียบกว่าเพราะ AI เครื่องแต่งมาให้เสร็จแล้วนั่นเอง