iPhone 8 Plus คือหนึ่งใน iPhone รุ่นที่ยังมีคนต้องการอยู่ในปัจจุบัน แต่ด้วย Apple ถอดออกไปจากหน้าเว็บแล้ว ทำให้การจะหาซื้อจำเป็นต้องไปหาแบบมือสองเท่านั้น ซึ่งมือสองก็มีขายตามร้านต่าง ๆ หรือจะไปหาจากบนเพจต่าง ๆ ก็ยังได้ แต่ทว่าแล้วทำไมทั้ง ๆ ที่เปิดตัวมาเกือบ 4 ปีแล้วยังมีคนตามหาอยู่เลยหละ ในบทความนี้เราเลยจะมาพูดถึง iPhone 8 Plus กัน แต่ก่อนอื่นคงต้องพาไปดูสเปคกันก่อน โดยตัวสเปคจะมีดังนี้
สเปค
- หน้าจอ :
- Retina HD ขนาด 5.5 นิ้ว
- ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลที่ 401 ppi
- อัตราส่วนหน้าจอ 16:9
- อัตราส่วนคอนทราสต์ 1300:1
- รองรับการแสดงผลแบบ True Tone
- ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3
- ความสว่างสูงสุด 625 นิต
- ชิปประมวลผล : Apple A11 Bionic พร้อม Neural Engine
- แรม : 3GB
- หน่วยความจำ : 64GB / 256GB แบบ NVMe
- กล้องหลัง :
- กล้อง Wide ความละเอียด 12MP f/1.8
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP f/2.8
- บันทึกวีดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60fps
- กล้องหน้า : FaceTime HD ความละเอียด 7MP f/2.2
- แบตเตอรี่ : 2,691 mAh รองรับระบบชาร์จเร็วขนาด 15W และรองรับระบบชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi
- ระบบปฏิบัติการ : iOS
- การเชื่อมต่อ :
- LTE Advanced
- VoLTE
- Wi-Fi Calling
- Wi‑Fi 5 (802.11ac) พร้อม MIMO
- Bluetooth 5.0
- GPS/GNSS
- NFC
- เซ็นเซอร์ :
- Touch ID
- ไจโร 3 แกน
- อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะ
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
- บารอมิเตอร์
- กันน้ำ : IP67 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- วัสดุ :
- ด้านหน้าและด้านหลังแบบกระจก
- กรอบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ
- ขนาด : 158.4 x 78.1 x 7.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 202 กรัม
- สี : Gold, Space Gray, Silver, Red
ราคา
สำหรับราคาขนั้นตอนเปิดตัวมาจะอยู่ที่ราคา 32,500 บาทสำหรับรุ่น 64GB และ 38,500 บาท สำหรับรุ่น 256GB ซึ่งบนเว็บไซต์ Apple นั้น ตัวเครื่องได้ถูกถอดออกไปหลายปีแล้ว อีกทั้งตามค่ายต่าง ๆ ก็ไม่มีเครื่องเหลือแล้ว ทำให้การจะหามาครองให้ได้ก็จำเป็นต้องไปหาแบบมือสองแทน ซึ่งก็สามารถหาได้ตามบาร์ดซื้อขายต่าง ๆ, เพจ Facebook หรือไม่ก็ร้านตู้ ซึ่งจากที่ได้ลองหาดูนั้น ราคาที่หาได้จะอยู่ในช่วงราคาประมาณ 9,000 – 10,000 บาทสำหรับรุ่น 64GB และในรุ่น 256GB จะอยู่ในช่วง 11,000 – 13,000 บาท โดยราคาแต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไปตามสภาพตัวเครื่องและอุปกรณ์ เพราะหลายครั้งที่เจอ TouchID ใช้ไม่ได้บ้าง ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยบ้าง (แม้กระทั่งกล่องก็ไม่มี) แถมบางเครื่องมาในสภาพกระจกแตกก็มี ดังนั้นเวลาจะหาเครื่องก็ควรเลือกดี ๆ แล้วก็จำเป็นต้องตรวจสอบเครื่องให้ดีก่อนจะจ่ายเงินด้วย
ทำไม iPhone 8 Plus ยังน่าซื้ออยู่ในปี 2021
ในปัจจุบันนี้ยังมีคนที่ต้องการ iPhone 8 Plus อยู่ทั้ง ๆ ที่เริ่มหายากแล้ว แถมเจอแต่มือสองด้วย แล้วทำไมยังมีคนต้องการอยู่เราจะมาพูดถึงสาเหตุที่ยังมีคนต้องการกัน
หน้าจออัตราส่วน 16:9
ในปัจจุบันการแสดงผลต่าง ๆ โดยมากแล้วยังแสดงผลแบบ 16:9 อยู่ ซึ่ง iPhone รุ่นใหม่ ๆ จะมีอัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 19.5:9 ทำให้เวลาดูคลิปหรือแม้แต่การสตรีมเกมจะเกิดขอบจอสีดำขึ้นมาเนื่องจากอัตราส่วนภาพมันไม่พอดีกัน ซึ่ง iPhone 8 Plus นั้นมาพร้อมอัตราส่วน 16:9 ทำให้สามารถสตรีมภาพขึ้นหน้าจอได้โดยไม่เกิดขอบดำ ช่วยให้เห็นรายละเอียดได้เต็มตามากขึ้น
อีกทั้งด้วยการที่ใช้หน้าจออัตราส่วน 16:9 ทำให้ขอบจอมีพื้นที่ ช่วยให้มือไม่เผลอลั่นได้ง่าย เเนื่องจาก iPhone รุ่นใหม่ ๆ จะมีขอบจอที่บางมาก ๆ ทำให้บางครั้งเวลาถือเล่นเกมมืออาจจะไปเผลอโดนหน้าจอได้
ชิป Apple A11 ที่ยังแรงอยู่
ชิป Apple เป็นชิประดับเรือธง ทำให้มีความแรงในระดับที่ไม่ธรรมดา ซึ่งชิป A11 Bionic นั้นก็เป็นชิปประดับเรือธงของเมื่อ 4 ปีก่อนเช่นกัน ซึ่งตัวชิปเองก็แรงกว่าเกมในสมัยนั้นมากมายนัก และในปัจจุบันเกมเหล่านั้นก็ยังมีคนนิยมเลบ่นอยุ่ แถมเกมใหม่ ๆ เองก็ไม่ได้ใช้สเปคมากนักทำให้ยังพอสามารถใช้ชิปเก่าอย่าง A11 เล่นได้อยู่ แถมหลายเกมยังสามารถปรับสุดได้อีกด้วย (ไม่แนะนำให้เล่น Genshin Impact อย่างแรง)
ถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K ที่ 60fps ได้
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือสามารถทำได้คือการถ่ายวีดีโอด้วยความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ที่ 60fps ซึ่งมือถือ Android ในช่วงราคานี้นั้นไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่ก็ใช้ว่าจะมีแต่สิ่งดีเสมอไป เพราะหากถ่ายด้วยความละเอียด 4K ที่ 60fps แล้วจะไม่มีระบบกันสั่น EIS มาช่วย หากจะให้มีระบบกันสั่นต้องถ่ายที่ความละเอียดไม่เกิน 4K ที่ 30fps เว้นแต่ว่าจะมีขาตั้งมาช่วย อีกทั้ง iPhone ยังเด่นกว่ามือถือ Android ในเรื่องการโฟกัสระหว่างถ่ายวีดีโอด้วย โดยที่ทำได้ดีกว่าก็คือความลื่นไหลเวลาโฟกัส iPhone จะทำได้เนียนตากว่า Android นั่นเอง
ได้มือถือที่มีชาร์จไร้สายในราคาไม่แรงเกินไป
ระบบชาร์จไร้สายนั้นตั้งแต่ iPhone 8 ขึ้นไปจะมีระบบชาร์จไร้สายที่ใช้มาตราฐาน Qi กันทุกเครื่อง นี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ Android ในช่วงราคานี้ให้ไม่ได้ (Android ที่มีชาร์จไร้สายนั้นส่วยใหฒ่ต้องมีราคาเกิน 20,000 บาทขึ้นไป) ซึ่งถึงแม้การชาร์จไร้สายจะมีความเร็วไม่มี เพียงแค่ 5W แต่ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้อย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่มีสายมาเกะกะแล้ว ยังสามารถหยิบไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาถอดสายเลย
อุปกรณ์เสริมราคาถูกจัด
อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ iPhone ทุกคนต้องหาซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเคส, ฟิล์มกันรอย, หัวชาร์จเร็ว, แท่นชาร์จไร้สาย ฯลฯ โดยเฉพาะเคสที่มักจะมีหลายรุ่นที่มีราคาสูงจัด แต่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป ทำให้เคสเหล่านั้นมักถูกเอามาจัด Clearance Sales อยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคสของ Apple เองและเคส UAG ทำให้สามารถหาซื้อได้ในราคาหลักร้อย ส่วนพวกเคสแฟชั่นนี่สามารถหาได้ในราคา 100 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าถูกจัด ๆ เลย
เทียบกับ iPhone X แล้วคุ้มค่ากว่ามาก
สำหรับราคามือสองนั้นหากลองหาดูดี ๆ จะพบว่าราคาแทบจะเท่ากับ iPhone X เลย โดยราคาของ iPhone X นั้นจะแพงกว่าประมาณ 1,000 – 3,000 บาท ซึ่งส่วนต่างนี้หากไม่ได้คิดอะไรนักก็จะมีคนบอกว่างั้นก็ซื้อ iPhone X ไปเลยสิ สเปคก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ แต่ทว่าหนึ่งในปัญหาที่จะต้องเจอแน่ ๆ คือเรื่องหน่วยความจำ เพราะ iPhone X ที่ราคาแพงกว่าไม่มากนั้นจะได้ความจุเพียง 64GB เท่านั้น ในขณะที่ iPhone 8 Plus นั้นจะได้ความจุถึง 256GB ซึ่งตรงนี้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ค่อนข้างน่ารำคาญอยู่พอสมควร เพราะในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB ถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างลำบางพอสมควร เนื่องด้วยแอพแต่ละตัวเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แถม iPhone ยังไม่สามารถเพิ่มความจุภายหลังได้ (เว้นแต่จะไปเก็บข้อมูลบน iCloud แทน) นอกจากนี้ iPhone X ยังขึ้นชื่อเรื่องความร้อนอีกด้วย หากใครที่จะซื้อไปเล่นเกมแล้ว ขอแนะนำให้หาซื้อ iPhone 8 Plus แทนจะดีกว่า
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทางผู้เขียนมองว่าทำไม iPhone 8 Plus ถึงยังน่าซื้ออยุ่ทั้ง ๆ ที่เข้าสู่ปี 2021 แล้ว ซึ่งถึงจะอย่างนั้น เหตุผลในการซื้อมือถือสักเครื่องของแต่ละคนนั้นไม่มีทางเหมือนกันทุกอย่างแน่ ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับตัวคุณเองที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ก็อยากให้มีความระมัดระวังในการหาซื้อมือแบบมือสองเสียหน่อย ควรจะตรวจสอบเครื่องให้ละเอียด และถ้าเป็นไปได้ควรตรวจสอบประวัติผู้ขายด้วยก็จะยิ่งดี เพราะเงินค่าเครื่องที่ต้องจ่ายก็ไม่ใช่น้อย ๆ