realme เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่อีกแล้วครับ และ SpecPhone.com เราก็จัดให้เหมือนเช่นเคย กับรีวิว realme narzo 20 Pro สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ซีรี่ส์ใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาสำหรับคนชอบเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตเกมมิ่ง MediaTek Helio G95 + RAM 8GB รองรับระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จไปเล่นไปก็ได้ และยังมีระบบระบายความร้อน Carbon Fiber Cooling System อีกด้วย
สเปค realme narzo 20 Pro
- หน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G95 octa-core
- หน่วยความจำ RAM 8GB
- ความจุในตัวเครื่อง ROM 128GB, รองรับ microSD card สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 4 เลนส์ AI
- กล้องหลัก 48MP
- Ultra-wide 8MP
- Macro 2MP
- B&W 2MP
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.0, A2DP, LE
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้าง)
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- ระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge
- ระบบปฏิบัติการ realme UI บน Android 10
- สเปคเต็ม ๆ realme narzo 20 Pro
- ราคาเปิดตัว 8,499 บาท
รีวิว realme narzo 20 Pro – ทดสอบการเล่นเกม
อย่างที่เกริ่นไปช่วงต้นบทความรีวิว realme narzo 20 Pro ว่ารุ่นนี้เนี่ย ทาง realme ตั้งใจให้เป็นเกมมิ่งสมาร์ตโฟนที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ เพราะฉะนั้นหัวข้อแรกที่จะรีวิวกันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องประสิทธิภาพในการเล่นเกม โดยเกมที่ผมทดสอบกับรุ่นนี้ ได้แก่ ROV, PUBG Mobile และ League of Legends Wild Rift เกม MOBA น้องใหม่ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในตอนนี้ การทดสอบเล่นเกมออนไลน์ ผมใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi 5GHz จาก Linksys Velop MX5300 แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต 550/ 550 Mbps
ชิปประมวลผลของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ เป็นชิปเซ็ตจากทาง MediaTek ในรุ่น Helio G95 octa-core โดยชิปเซ็ตซีรี่ส์ G จะออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก ผลิตที่เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมแบบ ARM big.LITTLE ก็คือ ในคอร์ประมวลผลทั้งหมด 8 คอร์ แบ่งออกเป็น 2 big core (Cortex-A76 2.05GHz) สำหรับประมวลผลหนัก อย่างการเล่นเกม ส่วนการประมวลผลทั่วไป เช่น การเล่นโซเชียล, ฟังเพลง จะเป็น 6 LITTLE core (Cortex-A55 2.0 GHz) ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า มาพร้อมกับเทคโนโลยี MediaTek HyperEngine Gaming
ด้วยความที่เป็นชิปเซ็ตสำหรับการเล่นเกม จุดเด่นอีกอย่างของ MediaTek Helio G95 ก็คือชิปประมวลผลกราฟฟิก Mali-G76 MC4 ที่เป็นรุ่น Overclock ความเร็วเพิ่มเป็น 900 MHz เมื่อเทียบกับ Helio G90T จะประมวลผลได้เร็วกว่าประมาณ 8% และเมื่อรวมกับ RAM LPDDR4x กับหน่วยความจำภายในตัวเครื่องแบบ UFS 2.1 เลยทำให้การใช้งานมีความลื่นไหล และรองรับการเล่นเกมยอดนิยมในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
ในการทดสอบเกมแรก เริ่มที่ ROV ที่เป็นเกม MOBA ยอดนิยมในประเทศไทย เครื่องนี้ปรับตั้งค่าสุด ทั้งภาพ HD : ระดับสูงมาก, การแสดงผล : ระดับสูงมาก, พาร์ติเคิล : สูง, เฟรมเรตสูง สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลที่ 60 fps แทบจะไม่มีช่วงที่เฟรมเรตตกแม้แต่น้อย การตอบสนองหน้าจออยู่ในระดับที่ประทับใจเลยครับ
ถัดมาเป็นเกม PUBG Mobile ตัวเกมอนุญาตให้ปรับตั้งค่ากราฟฟิกได้ดังนี้ กราฟฟิก : HD, เฟรมเรต : สูง (30 fps) ผมทดสอบแล้ว สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลแบบ 30 fps ตลอดทั้งเกม การตอบสนองหน้าจอในการหันซ้ายขวา หรือการเล็ง, การยิงปืนทำได้อย่างแม่นยำ เล่นเกมนี้ได้สบาย ๆ
เกมสุดท้าย League of Legends : Wild Rift หรือ LoL Wild Rift เครื่องนี้สามารถปรับตั้งค่าได้ในระดับ Ultra High Definition ปรับสุดได้แทบจะทุกด้าน แต่ในการเล่นหากปรับทุกอย่างสุดหมด ในตอนทีมไฟต์ หรือมีการอัดสกิลใส่กันเยอะ ๆ เฟรมเรตจะแกว่งลงมา 45 – 47 fps บ้าง พอเลิกทีมไฟต์ ก็กลับไป 60 fps เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น หากต้องการเล่นให้ลื่นไหล แนะนำว่าให้เลือกที่ระบบตั้งค่ามาให้แต่แรก ที่การตั้งค่าจะอยู่ในช่วงกลาง – สูง
ในส่วนของความร้อนที่ออกมาจากตัวเครื่อง ขณะเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็มีความร้อนออกมาบ้าง ในระดับแค่ฝาหลังอุ่น ๆ เพียงเท่านั้น นั่นหมายความว่าระบบระบายความร้อน Carbon Fiber Cooling System มีส่วนช่วยในการระบายความร้อนได้ดีเลยทีเดียว
แบตเตอรี่และการชาร์จไฟ
ด้านการจัดการพลังงาน และแบตเตอรี่ของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ก็ได้ใส่เทคโนโลยีในสมาร์ตโฟนเรือธงเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge และแบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh แบบ Dual 3C Cells ที่จะแบ่งแบตเตอรี่ในตัวเครื่องออกเป็น 2,250 mAh จำนวน 2 ก้อน เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังในการชาร์จไฟได้แรงขึ้น แต่ยังคงความปลอดภัยตามมาตรฐานของ realme เหมือนเคย
ระบบชาร์จ 65W SuperDart Charge มาพร้อมการป้องกัน 5 ชั้น ตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปยังตัวเครื่อง ได้แก่
- อะแดปเตอร์ป้องกันการจ่ายไฟเกินกำลัง
- การป้องกันขณะชาร์จเร็ว
- ป้องกันการโอเวอร์โหลดอินเทอร์เฟซ
- ป้องกันกระแสไฟเกินและแรงดันไฟฟ้าเกิน
- การป้องกันขณะรวมแบตเตอรี่
และยังมี NTC Thermistor (Negative Temperature Coefficient) หรือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิประเภทเทอร์มิสเตอร์สร้างขึ้นเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิระหว่างการชาร์จและสามารถปรับกำลังการชาร์จแบบไดนามิก พร้อมระบายความร้อน เลยทำให้สามารถชาร์จไป เล่นไปได้อย่างไม่ต้องกังวล
ความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ 4,500 mAh จาก 0 – 100% ด้วยอะแดปเตอร์ 65W SuperDart Charge จะอยู่ที่ประมาณ 38 นาที โดยความเร็วในการชาร์จไฟจะจ่ายไฟเข้าเร็วมากในช่วงแบตเตอรี่ 0 – 50% (3 นาที ชาร์จไฟได้ 14%) และค่อย ๆ ลดกระแสไฟลงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ส่วนการชาร์จไป เล่นไป อะแดปเตอร์จะลดกำลังไฟลงเหลือ 33W เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป แต่ก็ยังถือว่าชาร์จไฟได้เร็วอยู่ครับ ในเวลา 30 นาที หากชาร์จไปเล่นไป จะได้แบตเตอรี่ประมาณ 47% (ของความจุ 4,500 mAh)
ข้อสังเกตของระบบชาร์จ 65W SuperDart Charge อยู่ที่ขนาดของอะแดปเตอร์ที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้พกพาไปไหนมาไหนไม่สะดวกเท่าไหร่นัก และต้องใช้สายชาร์จเฉพาะทางในการชาร์จไว อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกพกอะแดปเตอร์ตัวใหญ่ รุ่นนี้ก็ยังรองรับระบบชาร์จเร็ว 18W USB Power Delivery ที่มีขนาดอะแดปเตอร์เล็กกว่า เหมาะกับการพกพามากกว่า
แบตเตอรี่ของ realme narzo 20 Pro ที่ให้ความจุ 4,500 mAh มานั้น ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานให้หมดวันได้สบาย ๆ ต่อให้มีการเล่นเกมระหว่างวัน ถ้าไม่ได้เล่นต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ก็ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟระหว่างวัน หรือพกพาวเวอร์แบงก์แต่อย่างใด ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่แบตเตอรี่อึด ตามมาตรฐานของแบตเตอรี่ 4,500 mAh ครับ
หน้าจอแสดงผล
สิ่งแรกที่โทรศัพท์สำหรับการเล่นเกมจะต้องมี ก็คือหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ เพื่อที่จะแสดงผลเกมได้อย่างเต็มตา และแน่นอนว่า realme narzo 20 Pro ก็มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ แสดงผลได้คมชัด และมีทีเด็ดอย่างการเป็นหน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ที่มีอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงถึง 90Hz ลื่นตั้งแต่การปัดหน้าจอไปมา
หน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ให้การตอบสนองหน้าจอที่รวดเร็วทันใจ ส่วนเรื่องสีสันหน้าจอ อาจจะไม่ได้สดเท่ากับพวกหน้าจอแบบ OLED โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่เรื่องความสว่างหน้าจอ หากใช้งานกลางแจ้ง ที่แดดแรงมาก ๆ ยังสู้แสงได้ไม่ดีนัก
ดีไซน์ การออกแบบตัวเครื่อง
realme narzo 20 Pro ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ และมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะยากเพียงใด เห็นได้จากฝาหลังของรุ่นนี้ ที่สะท้อนเป็นลวดลายรูปตัว V ที่มาจาก Victory หรือชัยชนะ พื้นผิวฝาหลังเป็นแบบมันเงา (Glossy) ส่วนลวดลายรูปตัว V ก็ผ่านกระบวนการซ้อนเลเยอร์ถึง 8 ชั้น
ในการใช้งานตัวเครื่อง realme narzo 20 Pro รุ่นนี้ออกแบบมาได้ถูกใจคนเล่นเกมทีเดียวครับ เริ่มจากหน้าจอที่ไม่ได้เป็นหน้าจอโค้ง ส่วนฝาหลังเป็นแบบ 2.5D โค้งรับกับมือ ทำให้จับถือตัวเครื่องเมื่อเล่นเกมได้สะดวก ตำแหน่งของพอร์ตต่าง ๆ ไม่รบกวนการเล่นเกม ส่วนตัวผมเองทดสอบเล่นเกมก็ไม่พบว่ามือไปบังช่องลำโพงหลักแต่อย่างใด
รายละเอียดของตัวเครื่อง เริ่มจากด้านหน้า แทบจะเป็นหน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ทั้งหมด ขอบจอรุ่นนี้ถือว่าบางมาก มีเพียงส่วนด้านล่างที่กินขอบเข้ามาเพียงเล็กน้อย ส่วนลำโพงสำหรับใช้โทรศัพท์ กับบรรดาเซ็นเซอร์ต่าง ๆ อยู่ใส่ไว้บริเวณขอบจอด้านบนได้อย่างแนบเนียน และมีการฝังกล้องหน้า In-Display 16MP ไว้บริเวณมุมซ้ายบนหน้าจอ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รบกวนการใช้งาน อีกทั้งไม่ดึงสายตาขณะใช้งานอีกด้วย
ด้านข้างตัวเครื่อง realme narzo 20 Pro เริ่มจากด้านขวามือ จะเป็นปุ่ม Power ที่ควบตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วเพียงแตะเบา ๆ แนะนำว่าให้สแกน 2 นิ้ว ได้แก่ นิ้วโป้งมือขวา กับนิ้วชี้มือซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง กับถาดซิมแบบ 3-Card Slot (2 nano SIM + 1 microSD Card)
พอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ของรุ่นนี้จะอยู่บริเวณด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วยพอร์ตชาร์จไฟแบบ USB Type-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ โดย realme narzo 20 Pro มีไมโครโฟนอยู่บริเวณด้านล่างเพียงตัวเดียวครับ
ด้านหลังตัวเครื่อง ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 กล้อง วางบนโมดูลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า นูนขึ้นมาจากฝาหลังเพียงเล็กน้อย ใส่เคส TPU ที่เป็นอุปกรณ์เสริมก็เพียงพอที่จะปกป้องเลนส์กล้องแล้วครับ นอกจากนี้ยังมีโลโก้ narzo Design by realme อยู่บริเวณมุมซ้ายล่าง
นอกจากนี้ realme narzo 20 Pro ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติในการกันละอองน้ำ เนื่องจากตัวเครื่อง รวมถึงช่องว่าง และพอร์ตต่าง ๆ ถูกพ่นด้วยสารซิลิโคนกันน้ำรอบตัวเครื่อง
กล้องถ่ายภาพ
realme narzo 20 Pro มาพร้อมกับชุดกล้องทั้งหมด 5 กล้อง แบ่งเป็นกล้องหน้า 1 กับกล้องหลัง 4 เลนส์ มีการใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่าย โดยกล้องหลังของรุ่นนี้ที่มี 4 เลนส์ ประกอบไปด้วย
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.8 แบบ 6 ชิ้นเลนส์ พร้อมเทคโนโลยี Quad Bayer ที่ใช้การรวมพิกเซล (Pixel Binning) แบบ 4-in-1 เพิ่มรายละเอียดของภาพถ่าย และช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีความสว่างมากขึ้น ด้วยขนาดพิกเซลที่มีขนาดใหญ่ จากกระบวนการรวมพิกเซล หรือถ้าต้องการถ่ายแบบเต็มความละเอียด 48MP ก็สามารถทำได้ด้วยโหมด 48M จะได้ภาพขนาดใหญ่ถึง 6000 x 8000 พิกเซล
- กล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 สำหรับการถ่ายกว้าง เหมาะกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ หรือจะถ่ายภาพหมู่ ไปจนถึงการถ่ายภาพบุคคลพร้อมฉากหลัง แต่แนะนำให้จัดองค์ประกอบให้คนอยู่บริเวณกึ่งกลาง เพื่อป้องกันปัญหา Distortion หรือขอบเลนส์บิดเบี้ยว
- กล้องตัวที่ 3 เป็นเลนส์ Macro ที่รองรับการถ่ายใกล้ถึง 4 เซนติเมตร ใช้สำหรับถ่ายของชิ้นเล็ก ๆ หรือถ่าย Close-up ดอกไม้ หรือจะถ่ายแมลงก็สามารถทำได้
- กล้องตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ Portrait B&W ระบบฟิลเตอร์สีใหม่ช่วยให้เลนส์ถ่ายภาพบุคคลตรวจจับแสงกว้างขึ้น ช่วยให้เลนส์หลักจับแสงได้ดีขึ้น เพิ่มความต่างของภาพ สร้างภาพสไตล์ Retro และเพิ่มรายละเอียดให้กับภาพ Portraits
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ใส่ฟิลเตอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยเลนส์มาโคร
โหมดที่น่าสนใจของ realme narzo 20 Pro นอกจากโหมดกลางคืน Super Nightscape ที่ถ่ายกลางคืนได้สว่าง รายละเอียดคมชัดแล้ว ยังมาพร้อมกับฟิลเตอร์กลางคืนยอดนิยม 3 แบบ ได้แก่ Cyberpunk, Flamingo และ Modern Gold ช่วยเพิ่มความสนุกในการถ่ายภาพกลางคืนยิ่งขึ้น
เปรียบเทียบระหว่างโหมด Auto (ซ้าย) กับ Super Nightscape (ขวา)
การถ่ายวิดีโอ กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 30fps | 1080p 60fps มีโหมดกันสั่นให้ 2 ระดับ ได้แก่ Ultra Steady และ Ultra Steady Max ที่ใช้เลนส์มุมกว้างในการบันทึกวิดีโอ แต่ถ้าเปิดโหมดกันสั่น จะบันทึกวิดีโอได้แค่ความละเอียด 1080p 30fps เท่านั้น
กล้องหน้า realme narzo 20 Pro เป็นกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รองรับการถ่ายภาพด้วย AI Beauty ที่ปรับแต่งใบหน้าให้สวยเป็นธรรมชาติ แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล มีโหมดกลางคืน Super Nightscape ด้วยกล้องหน้า และโหมด Portrait ที่สามารถสร้างโบเก้ด้วยกล้องหน้าได้อีกด้วย ส่วนการถ่ายวิดีโอ กล้องหน้าของรุ่นนี้จะรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30 fps
เปรียบเทียบระหว่างโหมด Auto (ซ้าย) กับ Portrait (ขวา)
เปรียบเทียบระหว่างโหมด Auto (ซ้าย) กับ Super Nightscape (ขวา)
Gallery ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme narzo 20 Pro
ระบบปฏิบัติการ
สำหรับระบบปฏิบัติการของรุ่นนี้ ยังคงเป็น Android 10 ที่ครอบด้วย realme UI มีแนวคิดในการออกแบบเพื่อประสบการณ์ Android ที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงความชอบและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ การใช้งานจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ หน้าโฮม และหน้ารวมแอปพลิเคชัน (App Drawer) โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้
Soloop
แอปพลิเคชั่นสำหรับการตัดต่อวิดีโอสั้น ๆ หรือ Vlog โดยเลือก Template ที่ชอบผ่าน Soloop App และเพลงจะถูกเลือกโดยอัตโนมัติผ่านฟีเจอร์อัจฉริยะ สามารถสร้างวิดีโอได้ภายในการแตะหน้าจอเพียงไม่กี่ครั้ง
Game Space
ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนสำหรับการเล่นเกม ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโหมดเกม โดยในรุ่นนี้จะใช้ชื่อว่า Game Space ที่จะรวมเกมต่าง ๆ เข้าไว้โดยอัตโนมัติ (สามารถทำการเพิ่มเกมเข้าไปเองได้เช่นกัน) วิธีการเรียกหน้า Game Assistant ขณะเข้าเกม ให้ปัดหน้าจอจากด้านซ้ายไปขวา
Game Assistant มาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างการบล็อกแจ้งเตือนทุกอย่าง ไปจนถึงการตัดสายอัตโนมัติขณะที่เล่นเกม และยังมีข้อมูลเฟรมเรต การทำงานของฮาร์ดแวร์ และมีโหมด Autoplay หรือโหมดบอท สำหรับเกมประเภทเก็บเลเวลให้เลือกใช้งาน
สรุปภาพรวม รีวิว realme narzo 20 Pro
ภาพรวมสำหรับ realme narzo 20 Pro ก็ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ในราคาที่ใครก็เข้าถึงได้ 8,499 บาท กับสิ่งที่ได้นี่ผมว่าเป็นราคาที่ดีเลยครับ ตัวชิปเซ็ต MediaTek Helio G95 เป็นชิปที่ผมอยากให้หลายคนเปิดใจลองใช้งานดู เพราะด้วยประสิทธิภาพที่มันทำได้ในตอนนี้ อยู่ในระดับที่เล่นเกมได้ทุกเกมจริง ๆ แล้วเป็นการเล่นที่ปรับตั้งค่ากราฟฟิกในระดับสูงอีกด้วย หากเทียบกับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นในราคาใกล้เคียงกัน ช่วงราคาต่ำหมื่นเนี่ย หาเครื่องที่จะเล่นเกมปรับสุดแบบลื่น ๆ ได้ยากอยู่นะครับ
ส่วนสเปคด้านอื่นก็ถือว่าให้มาเหมาะสมกับราคา ไม่ว่าจะเป็น RAM 8GB + 128GB ROM ทั้งยังเพิ่ม microSD ได้อีก รวมถึงแบตเตอรี่ความจุสูง 4,500 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็วทีเด็ดอย่าง 65W SuperDart Charge ที่ชาร์จไฟเข้าได้เร็ว และยังชาร์จไปเล่นไปได้ จะมีติดเล็กน้อยก็เรื่องกล้องถ่ายภาพ ที่ดูธรรมดาไปสักหน่อย ไม่ค่อยมีความหวือหวา รวมถึงคุณภาพรูปถ่ายก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ด้วยราคาที่วางจำหน่ายก็พอเข้าใจได้ เพราะอย่างที่ได้ระบุไปว่ารุ่นนี้ เน้นที่การเล่นเกมเป็นหลักนั่นเอง
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งของ realme narzo 20 Pro คือสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ วางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์แบบ Exclusive บน Lazada เท่านั้น มีความจุเดียว 128GB ในราคา 8,499 บาท เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 และมีโปรโมชั่นฉลอง 11.11 ให้ราคาพิเศษไปเลย 7,499 บาท เฉพาะวันที่ 11 พฤศจิกายน วันเดียวเท่านั้น