Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Gadgets»5 จุดเด่นที่ทำให้ HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟังแบบ True Wireless ที่ดีที่สุดในราคาไม่เกิน 5,000 บาท
    Gadgets

    5 จุดเด่นที่ทำให้ HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟังแบบ True Wireless ที่ดีที่สุดในราคาไม่เกิน 5,000 บาท

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng7 ธันวาคม 2019Updated:8 มกราคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    2,824 views

    HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟังแบบ True Wireless รุ่นล่าสุดของ HUAWEI ที่มาพร้อมกับจุดเด่นอย่างระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ มีชิปประมวลผลในตัว Kirin A1 ที่สำคัญคือหลังจากเปิดตัวไปในงาน IFA 2019 ก็ได้รับรางวัล Best of IFA จากสื่อระดับโลกมากมาย และตอนนี้ HUAWEI ประเทศไทยก็ได้นำ FreeBuds 3 เข้ามาวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย สนนราคา 4,990 บาท

    ส่วนตัวผมได้ลองใช้หูฟังรุ่นนี้มาประมาณ 2 สัปดาห์ครับ หลังจากที่ได้ลองใช้แบบจริงจัง ผมว่าในราคา 4,990 บาท หรือในช่วงราคาไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าอยากได้หูฟัง True Wireless ที่เสียงดี ฟีเจอร์ครบครัน (และมากกว่าคู่แข่งด้วยซ้ำไป) ในชั่วโมงนี้ผมว่า HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟัง True Wireless ที่ดีที่สุดในช่วงราคาดังกล่าวได้เลยล่ะ

    และนี่คือ 5 จุดเด่นที่ทำให้ HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟังแบบ True Wireless ที่ดีที่สุดในราคาไม่เกิน 5,000 บาทครับ

    1. มีระบบตัดเสียงรบกวน

    จุดเด่นแรกของ HUAWEI FreeBuds 3 คือเป็นหูฟัง EadBuds แบบ True Wireless ตัวแรกของโลกที่มีฟีเจอร์ Active Noise Cancellation (ANC) หรือระบบตัดเสียงรบกวนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยการเรียกใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวเพียงแค่แตะหูฟังข้างซ้าย 2 ครั้งติดกัน (ค่าพื้นฐาน) เมื่อได้ยินเสียง Noise Cancelling On นั่นหมายความว่าระบบตัดเสียงรบกวนเริ่มทำงานแล้วครับ

    ระบบตัดเสียงรบกวนใน HUAWEI FreeBuds 3 สามารถตั้งค่าการตัดความถี่เสียงได้จากแอปพลิเคชัน AI Life ผลที่ได้จากการเปิดฟีเจอร์ดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้สามารถรับฟังเสียงเพลงได้อย่างเต็มอารมณ์ ไม่มีเสียงรบกวนรอบข้างมากวนใจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในรถไฟฟ้าใต้ดินช่วงเวลาเร่งด่วน, ในร้านอาหารที่มีเสียงดัง หรือจะเป็นเสียงรบกวนในออฟฟิศ เช่น เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศ, เสียงคีย์บอร์ด, เสียงคลิกเมาส์ เป็นต้น

    แต่ไม่แนะนำให้เปิดฟีเจอร์นี้ระหว่างขับรถ หรือเดินบนท้องถนนนะครับ เพราะมันเงียบจนอาจเกิดอันตรายจากอุบัติเหตุได้นั่นเอง

    ข้อดีอีกอย่างของฟีเจอร์ ANC ใน HUAWEI FreeBuds 3 คือมีความต่างของเสียงหูฟังระหว่างตอนเปิดระบบตัดเสียงรบกวน กับไม่เปิดน้อยมาก แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างด้วยซ้ำไป ตรงนี้ผมมองว่าเป็นอีกจุดเด่นมาก ๆ เลยก็ว่าได้ครับ เพราะในหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบ ANC ที่ราคาใกล้ ๆ กับ FreeBuds 3 (ไม่เกิน 5,000 บาท) บางรุ่นตอนเปิดฟีเจอร์นี้ เสียงจะดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด

    2. ไมโครโฟนให้เสียงคมชัด ตัดเสียงลมเงียบสนิท

    ก่อนหน้านี้ผมคิดมาตลอดว่า AirPods 2 คือหูฟังแบบ True Wireless ที่ให้เสียงสนทนาคมชัดที่สุด เพราะในท้องตลาดตอนนี้ มีหูฟังหลายรุ่นที่เสียงดี แต่ไมโครโฟนเหมือนมีติดไว้เฉย ๆ เวลาต้องการคุยโทรศัพท์บางทีต้องสลับมาใช้ไมโครโฟนที่ตัวสมาร์ตโฟนแทน แต่เมื่อได้ลองใช้ HUAWEI FreeBuds 3 คุยโทรศัพท์แบบจริงจัง ผมว่าหูฟังรุ่นนี้ ไมโครโฟนของมันโหดกว่า AirPods 2 พอสมควรเลยล่ะครับ

    HUAWEI FreeBuds 3 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Aerodynamic Mic Duct Design ที่ช่วยตัดเสียงลม จึงสามารถคุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจนขณะที่วิ่ง ขี่จักรยาน หรือแม้เดินคุยโทรศัพท์ริมถนนที่รถวิ่งจอแจ ในสถานะการณ์เดียวกัน AirPods 2 ก็ใช้คุยโทรศัพท์ได้ครับ ความดังของเสียงสนทนาอาจไม่หนีกันมาก แต่ปลายสายจะได้ยินเสียงลมตลอดการสนทนา

    อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ FreeBuds 3 ตัดเสียงลม และให้เสียงสนทนาที่คมชัด อยู่ที่การมี “Bone Sensor” หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงที่รับเสียงสนทนาผ่านการสั่นสะเทือนของแกนด้านใน ทำให้ชิป Kirin A1 สามารถโฟกัสได้ว่านี่คือเสียงสนทนาจากตัวผู้ใช้ และตัดเสียงที่ไม่ใช่ออกไป ช่วยให้ได้ยินเสียงขณะคุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนมากขึ้น

    3. สวมใส่สบาย เสียงดี มีเบส

    ดีไซน์ของ HUAWEI FreeBuds 3 มีชื่อเรียกว่า Dolphin Bionic ทำให้สัมผัสการสวมเข้าไปในหูนั้นสะดวกสบาย ไม่ปวด และไม่หลุดง่าย เป็นอีกนวัตกรรมการดีไซน์แบบ Open-fit ตามหลักสรีรศาสตร์ จากที่ผมให้น้อง ๆ ในออฟฟิศหลายคนลองสวมใส่ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีครับ และส่วนตัวผมเองเมื่อเทียบกับ AirPods 2 รู้สึกว่า HUAWEI FreeBuds 3 จะใส่ได้พอดีกว่าเล็กน้อย

    นอกจากเรื่องสวมใส่สบายแล้ว เรื่องเสียงของ HUAWEI FreeBuds 3 ผมว่ามันเป็นหูฟัง True Wireless ที่เสียงดีตัวหนึ่งเลยล่ะครับ คือถ้าเอา AirPods 2 เป็นตัวตั้ง* HUAWEI FreeBuds 3 จะให้เสียงที่หนากว่าในทุกย่าน เป็นเหมือน AirPods 2 ที่จูนเสียงมาให้ฟังเพลงสนุกกว่า มีเสียงเบสให้ฟังเพลงแล้วโยกหัวตามได้ แต่ก็แลกมากับเวทีเสียงที่แคบกว่าเล็กน้อย

    *หมายเหตุ ทดสอบบนอุปกรณ์เดียวกัน (iPhone 11 Pro) Stream เพลงแบบ MQA ผ่านแอปพลิเคชัน Tidal

    4. แบตเตอรี่อึด รองรับการชาร์ตหลายแบบ

    HUAWEI FreeBuds 3 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานและเทคโนโลยีการชาร์ตที่สะดวก พอร์ตชาร์จเป็นแบบ USB Type-C นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไร้สาย รวมถึงชาร์จด้วย HUAWEI Reverse Charging ผ่านสมาร์ตโฟนของ HUAWEI ได้ทันที เวลาชาร์จไร้สายต้องคว่ำหน้า Charging Case ลงนะครับ ให้โลโก้ HUAWEI อยู่ด้านบนจึงจะชาร์จได้ ส่วนการชาร์จด้วยสาย USB Type-C สามารถใช้สายชาร์จที่มากับสมาร์ตโฟน HUAWEI ได้เลย

    ด้านแบตเตอรี่ การชาร์จ FreeBuds 3 ด้วยตัว Charging Case เต็ม 100% จะใช้ฟังเพลงได้ประมาณ 4 ชั่วโมง ส่วนการใช้คุยโทรศัพท์จากที่ทดสอบจะใช้งานได้ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที สามารถคุยโทรศัพท์ต่อเนื่องได้นานกว่า AirPods 2 เกือบ ๆ 30 นาที

    Charging Case ของ HUAWEI FreeBuds 3 ที่มีแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถชาร์จไฟให้หูฟังได้ประมาณ 4 ครั้ง เพราะฉะนั้นการใช้งาน FreeBuds 3 ร่วมกับเคสชาร์จจะทำให้ใช้งานหูฟังได้ประมาณ 20 ชั่วโมงทีเดียวครับ

    5. ฟีเจอร์ครบเครื่องในราคาคุ้มค่า

    ในบรรดาหูฟัง True Wireless ที่มีลักษณะแบบ EarBuds ส่วนตัวผมว่าในราคา 4,990 บาท ชั่วโมงนี้ไม่น่าจะมีหูฟังตัวไหนครบเครื่องเท่ากับ HUAWEI FreeBuds 3 ล่ะครับ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งตรง ๆ ของมันอย่าง AirPods 2 ที่มีราคาสูงกว่า (รุ่นปกติ 5,990 บาท | รุ่นชาร์จไร้สาย 7,490 บาท) แถมไม่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนอีกด้วย เพราะถ้าเทียบกับ AirPods ที่ตัดเสียงรบกวนได้ ก็ต้องเป็น AirPods Pro (9,490 บาท) ที่ราคาสูงกว่า HUAWEI FreeBuds 3 เกือบเท่าตัว

    ภาพรวมของ HUAWEI FreeBuds 3 ราคา 4,990 บาท ถือว่าเป็นหูฟังที่มีทุกฟีเจอร์ที่หูฟัง True Wireless ดี ๆ สักตัวควรจะมี เริ่มจากเสียงที่ต้องยอมรับว่าคราวนี้ HUAWEI ทำการบ้านมาดีครับ เป็นหูฟังที่ฟังเพลงเพราะ โดยเฉพาะเสียงเบสที่ไม่ค่อยจะพบในหูฟังลักษณะแบบ EarBuds ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling ไมโครโฟนที่มาพร้อมฟีเจอร์การตัดเสียงลม ให้เสียงสนทนาที่คมชัด ไปจนถึงฟีเจอร์ในการชาร์จไฟที่รองรับทั้งแบบมีสาย (ผ่านพอร์ต USB Type-C) และรองรับการชาร์จไร้สายอีกด้วย

    Headphone Huawei
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    โซนี่ไทยเปิดตัวหูฟังไร้สายแบบครอบหูรุ่นใหม่ล่าสุด WH-1000XM6 พร้อมแคมเปญ “ฟังที่ใช่ ไม่มีนอยส์” ยกระดับการตัดเสียงรบกวนด้วย AI อัจฉริยะ มอบประสบการณ์การฟังที่ตรงใจในทุกสถานการณ์

    17 มิถุนายน 2025

    หลุดภาพ Samsung Galaxy Watch 8 และ Galaxy Watch Ultra พร้อมสีและดีไซน์ใหม่

    13 มิถุนายน 2025

    แนะนำ 10 แท็บเล็ตใส่ซิมได้ในงบ 10000 บาทรุ่นไหนดีในปี 2025 ใช้เน็ตพร้อมโทรได้ตลอดเวลา

    12 มิถุนายน 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    แนะนำ 10 ซีรีส์และหนังไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 หนังไทยสนุกๆ มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    20 มิถุนายน 2025

    เปิดตัว vivo Y400 Pro 5G พร้อมจอ AMOLED 6.77 นิ้ว ชิป Dimensity 7300 ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,500 บาท

    20 มิถุนายน 2025

    หลุดภาพ Samsung Galaxy S25 FE จากเรนเดอร์ล่าสุด พบตัวเครื่องและขอบจอบางลง

    20 มิถุนายน 2025

    หลุดภาพเรนเดอร์ Samsung Galaxy Z Flip7 โชว์ 2 สี พร้อมหลุดความจุที่มีให้เลือก

    20 มิถุนายน 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X