หลังจากที่ Xiaomi ได้วางขาย Xiaomi Mi 8 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่จัดเต็มให้กับสเปค และมีราคาที่เป็นมิตรภาพ ทำให้ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุด Xiaomi ได้นำรุ่นพิเศษของซีรี่ส์ Mi 8 ที่หลายคนรอคอยกันนั่นก็คือ Xiaomi Mi 8 Pro รุ่นอัพเกรดสเปคให้ดีขึ้นไปอีก ได้วางจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อย ในราคา 19,990 บาท โดยมีสเปคที่สูงกว่า Xiaomi Mi 8 รายละเอียดตัวเครื่องจะเป็นอย่างไรไปดู รีวิว Xiaomi Mi 8 Pro ได้เลยครับ
รายละเอียดสเปค Xiaomi Mi 8 Pro
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.21 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2248 พิกเซล อัตราส่วน 18.7 : 9
- ขนาดตัวเครื่อง 154.9 x 74.8 x 7.6 มม. หนัก 175 กรัม
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 845 CPU Octa-core (4×2.8 GHz Kryo 385 Gold & 4×1.8 GHz Kryo 385 Silver)
- แรม 8 GB
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128 GB ไม่รองรับ micro SD
- กล้องหลัง Dual Camera พร้อมกับเทคโนโลยี AI ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเลนส์ Sony IMX363 รูรับแสงกว้างสุด f/1.8
- กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอ และเซ็นเซอร์สแกนหน้าอินฟาเรด
- รองรับ Dual SIM
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android Oreo 8.1
- ราคา 19,990 บาท
จุดเด่นด้านดีไซน์ของ Xiaomi Mi 8 Pro คือมาพร้อมดีไซน์สีไทเทเนียมโปร่งใสสะดุดทุกสายตา ใครกังวลว่าต้องใส่เคสเหมือนเดิม หายห่วงไปได้เลย เพราะในกล่องเคสใสมาให้ ซึ่งแนะนำให้ใส่เคสเพราะฝาหลังเป็นกระจกใน อาจจะเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
สำหรับการออกแบบตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.21 นิ้วความละเอียด Full HD+ เป็นจอ Super AMOLED ที่มีจุดเด่นสีสันสดใส และสีดำที่มืดสนิท พร้อมรองรับ HDR10 อีกด้วย ครอบด้วยกระจกกันรอยขีดข่วน Corning Gorilla Glass 5 มีรอยบากขนาดใหญ่พอสมควร อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง
บริเวณรอยบากจะประกอบไปด้วยกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ พร้อมกับฟีเจอร์สแกนหน้าแบบอินฟาเรด ทำให้รอยบากมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
ส่วนพื้นที่ด้านล่างจะมีขอบเครื่องหนาเล็กน้อย โดยปุ่ม Navigation จะอยู่ด้านในของเครื่อง
ส่วนด้านหลังเป็นแม่พิมพ์ 3D พิมพ์เข้ามาให้เป็นเหมือนฮาร์ดแวร์แผงวงจรตัวเครื่องที่ดูดีมาก ๆ ครอบด้วยกระจก โดยมีชื่อสีว่า Transparent Titanium
ตำแหน่งของกล้องจะอยู่บนซ้าย โดยมากับกล้องหลัง Dual Camera แนวตั้งเป็นรูปวงรีพร้อมกับ LED Flash ในกรอบ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสีตามตัวเครื่องที่เล่นขอบโครเมี่ยม
ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ลำโพงขับเสียง ไมค์สนทนา ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ใช้ช่องเดียวกันกับที่ชาร์ต แต่มีตัวแปลงเป็น 3.5 มม. มาให้ในกล่อง
ด้านซ้ายจะมีเฉพาะถาดใส่ซิมแบบเข็มจิ้ม ซึ่งรองรับ Dual SIM แต่ไม่สามารถใส่ microSD เพิ่มความจุได้
ด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่ม Power ซึ่งจะมีการเล่นสีแดงบริเวณปุ่ม Power ขอบเครื่องใช้โลหะ Aluminum frame (7000 series) ที่แข็งแรงเป็นพิเศษที่ใช้เป็นขอบของตัวเครื่องให้ทั้งความแข็งแรง และความสวยงาม
ในส่วนของซอฟต์แวร์ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 พร้อมกับ MIUI 10 เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมใช้ชิปประมวลผลระดับท็อป Snapdragon 845 ที่มีประสิทธิภาพแรงที่สุด บวกกับแรมขนาด 8 GB ไว้ให้ใช้กันแบบเหลือ ๆ ซึ่งแรมเยอะขนาดนี้ทำให้การใช้งานสลับไปมาทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องโหลดใหม่ ถึงแม้จะเป็นเกมใหญ่ ๆ อย่าง Asphalt 9 หรือ Ragnarok ก็สลับไปมาได้ในทันที
สำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามานั้น มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้เลย และมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Face ID สแกนหน้าแบบสามมิติ ถือเป็นนวัตกรรมรักษาความปลอดภัยสูงสุดแล้วบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
สำหรับรุ่น Xiaomi Mi 8 Pro นั้นมาพร้อมกับแรมขนาด 8 GB ให้ใช้กันแบบเหลือ ๆ เรียกได้ว่าเยอะแบบเหลือ ๆ ในปัจจุบัน ในส่วนของรอมนั้นก็จัดมาให้ถึง 128 GB โดยมีการใช้งานในส่วนของระบบปฏิบัติการอยู่ที่ประมาณ 9 GB ดังนั้นจะมีพื้นที่ให้ใช้ประมาณ 119 GB เลยทีเดียว
ในส่วนของประสิทธิภาพนั้น มากับชิปประมวลผล Qualcomm SDM845 Snapdragon 845 CPU Octa-core (4×2.7 GHz Kryo 385 Gold & 4×1.7 GHz Kryo 385 Silver) พร้อมกับชิปประมวลผลกราฟิกสุดแรง Adreno 630 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นท็อปของค่ายที่สามารถเล่นได้ทุกเกมแบบลื่น ๆ และแรมสำหรับรุ่นนี้มีไว้ใช้งานกันแบบเหลือเฟือที่ 8 GB ส่วนรอมอยู่ที่ 128 GB ไว้ใช้กันแบบยาว ๆ ดังนั้นในเรื่อง Performance หายห่วงไปได้เลย แต่จะมีข้อสังเกตเล็กน้อย คือ Xiaomi Mi 8 Pro จะไม่สามารถใส่ microSD เพิ่มได้
Camera
ส่วนเรื่องของกล้องนั้นก็เหมือนกับ Xiaomi Mi 8 เลย เป็นเลนส์ตัวเดียวกัน ความละเอียดเดียวกัน รูรับแสงเดียวกัน และเป็นเวอร์ชั่นของกล้องที่เวอร์ชั่น 3.0 เหมือนกัน โดยได้คะแนนภาพนิ่งจาก DXOMark เว็บไซต์เชี่ยวชาญในเรื่องของกล้องมากถึง 105 คะแนน !! และมีคะแนนรวม(วิดีโอ)อยู่ที่ 99 คะแนน ซึ่งมากกว่า iPhone X และมีคะแนนเท่ากับ Samsung Galaxy S9+ โดยรายละเอียดกล้องของ Xiaomi Mi 8 มากับกล้องหลัง Dual Camera แบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทัั้งสองเลนส์ รูรับแสงกว้างสุด f/1.8 พร้อมกับฟีเจอร์กันสั่น OIS แบบ 4-Axis พร้อมรองรับ Optical Zoom 2x
เมื่อถ่ายรูปหน้า AI ก็จะเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม (ไอคอนตรงกลางด้านบน) อย่างเช่นภาพด้านล่าง ที่ถ่ายดอกไม้ โลโก้ก็จะเปลี่ยนเป็นรูปดอกไม้ และเร่งแสงสีให้สวยงามตามโหมดภาพนั้น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
สรุป
Xiaomi Mi 8 Pro นั้นถือเป็นรุ่นอัพเกรดสเปคจาก Xiaomi Mi 8 เพิ่มคุณสมบัติสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ In-Screen Fingerprint Sensor และเซ็นเซอร์สแกนหน้าแบบ IR Face Unlock ที่สามารถปลดล็อคใบหน้าได้ทุกสภาพแสงด้วยเซ็นเซอร์แบบอินฟาเรดซึ่งถือเป็นคุณสมบัติปลดล็อคหน้าจอที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมากับฝาหลังพิเศษ Transparent Titanium เป็นการพิมพ์แบบ 3D ขึ้นมาให้เป็นฝาหลังเปลือย ๆ ที่ดูสปอร์ตไปอีกแบบ เพิ่มแรมเป็น 8 GB ซึ่งทั้งหมดนี้เพิ่มเงินแค่ 2,000 บาทเท่านั้น จาก Xiaomi Mi 8 ถือเป็นการเพิ่มเงินที่คุ้มค่ามาก จากการใช้งานในหลาย ๆ ด้านก็เป็นที่ประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้อง หรือความลื่นไหลของซอฟต์แวร์ สเปคที่จัดเต็ม ในราคา 19,990 บาท ถือว่าถูกคุ้มมาก กับสมาร์ทโฟนที่มีครบทุกการใช้งาน
ข้อดี
- ดีไซน์เท่ด้วนฝาหลังโปร่งใส เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
- สเปคจัดเต็มสุด ในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง
- เพิ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และเซ็นเซอร์สแกนใบหน้า
- กล้องหน้า กล้องหลังคุณภาพดีเกินราคา
- ซอฟต์แวร์ MIUI 10 ทำงานได้ลื่นมาก
ข้อสังเกต
- เพิ่ม microSD ไม่ได้
- ฝาหลังเป็นกระจกอาจจะต้องใช้งานระวังรอยขีดข่วน
- แบตเตอรี่หมดไวกว่า Mi 8