OPPO เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ในตอนนี้ที่น้อยคนจะไม่รู้จัก เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา OPPO ได้มีมือถืองานคุณภาพออกมาให้เราได้เลือกใช้งานกันอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มือถือระดับเรือธงอย่าง OPPO Find 7 ออกวางจำหน่ายจะเห็นได้ว่ามือถือจาก OPPO มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการประกอบ หรือเรื่องของซอฟท์แวร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องของความสเถียรในการทำงาน จนได้กำเนิดมือถือตระกูล R7 ที่ทำรายได้ให้กับ OPPO อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในรุ่นนี้นั้นมีดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงาม วัสดุที่ใช้ประกอบนั้นก็เป็นเกรดพรีเมี่ยม เรื่องของประสิทธิภาพการทำงานนั้นก็ไม่เป็นรองใคร จึงไม่แปลกเลยที่มือถือตระกูล R7 จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนทั่วโลก และวันนี้ผมจะมารีวิวมือถือน้องใหม่ล่าสุดจาก OPPO ที่มาพร้อมความแรงในไตล์ OPPO Find 7 ผสมผสานกลิ่นอายในดีไซน์แบบ OPPO R7 ออกมาเป็น OPPO F1 มือถือที่มาพร้อมกับกล้องหน้าทรงพลังเจ้าของฉายา Selfie Expert ที่สำคัญคือราคาของ OPPO F1 นั้นอยู่ที่ 8,990 บาทเท่านั้นเอง และเรามาดูกันว่า OPPO F1 เครื่องนี้จะมีอะไรบ้างที่น่าสนใจและจุดเด่นหรือจุดที่ควรจะพิจารณาจะมีตรงไหนบ้างติดตามกันได้เลยครับ
สเปคของ OPPO F1
- หน้าจอ : IPS ขนาด 5 นิ้วความละเอียด HD
- ซีพียู : Snapdragon 615 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.5 GHz
- แรม : 3 GB
- หน่วยความจำภายใน : 16 GB
- รองรับการใช้งาน Micro SD : สูงสุด 128 GB
- กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล ƒ/2.2 พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้า : 8 ล้านพิกเซล ƒ/2.0
- การเชื่อมต่อ : 3G/4G , Wi-Fi 802.11 b/g/n , Bluetooth 4.0 , GPS , OTG
- สีที่วางจำหน่าย : Golden
- สเปคเต็มๆ OPPO F1
- ราคา : 8,990 บาท
กล่องของ OPPO F1 จะมาในดีไซน์แบบเรียบง่ายตามสไตล์ OPPO เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ สายเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Micro USB หูฟังขนาด 3.5 มม.และนอกจากนี้ยังมีเคสป้องกันรอยใส่มาให้ภายในกล่องอีกด้วย เรียกว่างานนี้ทาง OPPO จัดอุปกรณ์พื้นฐานมาให้ครบเครื่องเลยทีเดียว ไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์เสริมใดๆ ให้วุ่นวายเลย และมาพูดถึงส่วนแรกคือส่วนของดีไซน์กันก่อนเลยดีกว่าครับ
จุดเด่น
– กล้องคมชัด ถ่ายออกมาสวยงาม
– ตัวเครื่องบางเบา พกพาง่าย
– งานประกอบดีเกินราคา อุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็ให้มาครบ
– ลำโพงดีเสียงดังใช้ได้ มีเทคโนโลยีระบบเสียงติดมากับเครื่อง
– รองรับการใช้งาน Micro SD
– ราคาเพียง 8,990 บาท
ข้อสังเกต
– เสียงลำโพงไม่ค่อยได้ยินเพราะถูกตัวเครื่องบังขณะวางกับพื้น
บทสรุป
BEST CAMERA
Design
เริ่มกันที่ส่วนแรกนั่นคือดีไซน์ของตัวเครื่อง OPPO F1 มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามรับรองว่าต้องโดนใจสาวๆ อย่างแน่นอน เพราะดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นเรียกว่าเป็น OPPO R7 เวอร์ชั่นลดสเปคยังไงยังงั้นเลย OPPO F1 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว พร้อมกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องทำให้ตัวเครื่องนั้นดูสวยงามมีคุณค่า ด้านบนของหน้าจอจะประกอบด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมเซนเซอร์วัดสภาพแสงและลำโพงสนทนา
ซึ่งในการจัดวางส่วนต่างๆ ดูเหมือน OPPO F1 จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากมือถือ OPPO ตระกูล R7 ไปแบบเต็มๆ ด้านล่างของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งของปุ่มควบคุมหลักอย่างปุ่ม Home,Back,Recent เช่นเดียวกับ OPPO R7 ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับช่องเสียบหูฟังทั่วๆ ไป ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงซึ่งตัวปุ่มกดนั้นใช้วัสดุที่คล้ายกับโลหะอีกด้วย
ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Power และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro SIM ซึ่ง OPPO F1 นั้นรองรับการใช้งาน 2 ซิมและยังรองรับการใช้งาน Micro SD เหมือนเช่นเคย แต่มีข้อจำกัดเล็กๆ น้อยๆ ตรงการใช้งานแบบ 2 ซิม ซึ่งช่องใส่ซิมที่ 2 นั้นเราจะต้องเลือกระหว่างจะใช้งานซิมการ์ดหรือจะใช้งาน Micro SD เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของช่อง Micro USB ที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ ใกล้กันจะเป็นไมโครโฟนของตัวเครื่องที่ใช้ในการสนทนาโทรศัพท์
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในมือถือ OPPO F1 นั่นก็คือความรู้สึกเวลาถือตัวเครื่องไว้ในมือ OPPO F1 นั้นจัดว่าเป็นมือถือที่พกพาง่ายมากๆ เพราะตัวเครื่องนั้นมีขนาดความบางเพียง 7.25 มิลลิเมตรเท่านั้นและก็มีน้ำหนักแค่เพียง 147 กรัม ดังนั้นในเรื่องของการพกพาไม่ว่าจะถือไปไหนมาไหน หรือจะใส่กระเป๋าใบเล็กๆ ก็สามารถพกพาได้สะดวกแล้วล่ะครับ
ถ้าจะพูดถึงเรื่องความแข็งแรงในด้านของดีไซน์นั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน ด้านบนของฝาหลังจะเป็นตำแหน่งของกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับแฟลชแบบ LED ที่จะช่วยทำให้เราถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น ใกล้กันจะเป็นโลโก้ OPPO ซึ่งจะเห็นได้ว่าการจัดวางตำแหน่งของกล้องถ่ายภาพ,ไฟแฟลช,โลโก้แบรนด์ นั้นจะใกล้เคียงกับ OPPO R7 เช่นเดียวกับด้านหน้าของตัวเครื่อง ด้านล่างจะเป็นตำแหน่งของลำโพง ที่เมื่อผมลองเปิดเพลงฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงของ OPPO F1 นั้นดังฟังชัดกำลังฟังสบายๆ แต่เมื่อได้วางตัวเครื่องแนบไปกับพื้นในขณะที่เปิดเพลงก็ได้พบกับข้อสังเกตบางอย่างที่น่าตกใจนั่นคือ เสียงที่ออกมาจากลำโพงตัวเครื่องนั้นแทบจะไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้เลย เมื่อใส่เคสที่แถมมากับเครื่องก็พบว่าเสียงก็ยังคงเบามากอยู่
เนื่องจาก OPPO F1 มาพร้อมกันดีไซน์แบบแบนราบจึงทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ดังนั้นหากเราต้องการฟังเพลงจากลำโพงตัวเครื่องเราก็จะต้องคว่ำหน้าจอแนบไปกับพื้นจึงจะฟังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรืออีกหนึ่งทางเลือกที่เราสามารถทำได้นั่นคือการฟังเพลงผ่านหูฟังซึ่งทาง OPPO ก็ได้แถมหูฟังมาให้ในกล่องของ OPPO F1 ด้วยเช่นกัน เมื่อลองฟังเพลงผ่านหูฟังก็พบว่าเสียงของหูฟังนั้นมีความใสกังวาน เบสกระชับ กำลังฟังสนุก เป็นไปได้ว่าทางผู้ผลิตอาจจะแนะนำเป็นนัยๆ ว่าควรจะใส่หูฟังขณะฟังเพลงจะดีที่สุด ซึ่ง OPPO F1 มาพร้อมกับเทคโนโลยีด้านระบบเสียงอย่าง Real HD Sound ซึ่งจะทำงานก็ต่อเมื่อเราเสียบหูฟังเข้ากับตัวเครื่องเท่านั้น ถือว่าตรงจุดนี้ต้องชื่นชมว่า OPPO ใส่ใจผู้ใช้งานได้ดีจริงๆ และมาพูดถึงเรื่องถัดไปนั่นคือเรื่องของซอฟท์แวร์กันบ้างดีกว่าครับ
Software
มาพูดถึงเรื่องของซอฟท์แวร์กันบ้าง OPPO F1 มาพร้อมกับ Color OS เวอร์ชั่น 2.1.0i ที่อยู่บนพื้นฐานของ Android 5.1.1 เรื่องของความสเถียรของระบบนั้นทำได้ดี เท่าที่ผมได้ใช้งานมาก็ไม่พบปัญหาที่เกิดจากเรื่องของซอฟท์แวร์เลย เรียกว่าต้องชื่นชมทาง OPPO ที่เขียนโปรแกรมออกมาได้ดีแบบนี้ แอพที่ติดเครื่องมาส่วนใหญ่จะเป็นแอพจาก Google อย่างเช่น Google Chrome , Gmail , Maps , Youtube , Google Drive ซึ่งแต่ละแอพเรียกว่าเป็นแอพที่เราต้องใช้งานกันในแต่ละวันกันอย่างแน่นอน และข้อดีที่ผมสังเกตได้นั่นคือไม่มีแอพที่เป็นแอพขยะติดมากับ OPPO F1 เลยมีเพียงแอพพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น หน้าตาของ UI ก็มาในสวยงามตามสไตล์ OPPO เหมือนเช่นเคย และสิ่งที่น่าสนใจในจุดนี้นั่นคือเราสามารถเปลี่ยน Theme ของตัวเครื่องในแบบที่เราชอบซึ่งมี Theme ที่เราสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีเยอะแยะมากมายตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ด้านซอฟท์แวร์ของ OPPO F1 นั้นน่าใช้งานมากกว่ามือถือทั่วๆไป
Feature
มาต่อกันที่เรื่องของฟีเจอร์ที่จะมาพร้อมกับ OPPO F1 กันต่อเลยดีกว่า OPPO F1 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั้งในด้านของการใช้งาน และในแง่ของการรักษาสุขภาพ และมาดูกันว่า OPPO F1 จะมีฟีเจอร์ไหนบ้างที่น่าสนใจและมีประโชน์จริงต่อการใช้งานในแต่ละวัน ซึ่งฟีเจอร์ที่ผมคิดว่าน่าสนใจและมีประโยชน์นั้นก็มีดังต่อไปนี้
Gesture & Motion
เป็นสิ่งที่ OPPO ใส่มาให้ในมือถือของตัวเองหลายต่อหลายรุ่น ยกตัวอย่างเช่น การวาดนิ้วเป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานแอพ หรือ การปรับระดับเสียงในขณะที่ปิดหน้าจอเป็นต้น ซึ่งในหัวข้อนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่การสั่งการในขณะหน้าจอเปิด และ การสั่งการในขณะที่หน้าจอนั้นปิดอยู่ ซึ่งลูกเล่นที่ผมคิดว่าน่าสนใจนั่นก็คือการแตะ 2 ครั้งที่ปุม Home เพื่อล็อคหน้าจอ และการปลุกเครื่องจากโหมด Sleep เมื่อเราแตะที่หน้าจอ 2 ครั้ง ซึ่งเมื่อเปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้ก็เท่ากับว่าเราได้ยืดอายุปุ่ม Power ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นไปในตัวอีกด้วย
Real HD Sound
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์กับการใช้งานนั่นก็คือ Real HD Sound เทคโนโลยีด้านระบบเสียงที่ OPPO ใส่เข้ามาใน OPPO F1 หลักในการทำงานก็คือการปรับโทนเสียงให้เหมาะสมกับแนวเพลงที่เราฟังอยู่ซึ่งก็มีตัวเลือกให้เราได้เลือกปรับตามแนงเพลงที่เราฟัง ซึ่งเราจะต้องเข้าไปปรับเองว่าอยากได้โทนเสียงแบบไหนซึ่งก็มีให้เลือกปรับทั้งแบบ Pop, Rock, Country, Jazz, Classical, Metal, Blues, Hip Hop, Dance , Electronic และ Customize ที่ให้เรานั้นเลือกโทนเสียงเองว่าเราอยากได้โทนเสียงแบบไหน
Eye Protection Display
เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยรักษาสุขภาพดวงตาของเราด้วยการปรับสีของหน้าจอให้นุ่มนวลสบายตาโดยจะอาศัยการตัดแสงสีฟ้าทำให้เรานั้นสามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้อย่างยาวนาน ไม่เล่นไปนานๆ แล้วรู้สึกปวดตาเหมือนกับกับมือถือที่ไม่มีฟีเจอร์นี้ และเราสามารถตั้งค่าได้ถึง 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่ Low, Medium และ High ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานหน้าจอของ OPPO F1 จะกลายเป็นโทนสีอุ่น
Camera
พูดถึงเรื่องที่เป็นไฮไลท์ของ OPPO F1 นั่นก็คือเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่ OPPO ได้ชูโรงให้ OPPO F1 เป็นมือถือ Camera Phone รุ่นแรกๆ ภายในปีนี้ที่ได้เปิดตัวออกมา OPPO F1 เป็นมือถือ Selfie Expert ที่มาพร้อมกับกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซล f/2.2 ระบบโฟกัสแบบ Phase detection เช่นเดียวกับในกล้อง DSLR และยังมีโหมดในการการถ่ายภาพอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นโหมด
- Beautify
- Ultra HD
- Various Filters
- Panorama
- HDR
- GIF
- Slow Shutter
- Audio Photo
- Double Exposure
- Super Macro
- Expert Mode
และที่น่าสนใจนั่นคือ OPPO F1 สามารถถ่ายภาพแบบ RAW ได้อีกด้วย ซึ่งการถ่ายภาพแบบ RAW ก็เพื่อนำไปปรับแต่งเพิ่มเติม เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ภาพแบบเพียวๆ ไร้การปรับแต่งจากซอฟท์แวร์ เพื่อนำไปใส่ฟิลเตอร์ชิคๆ บน VSCO Cam หรือแม้แต่นำไปปรับแต่งภาพต่อด้วยแอปพลิเคชัน ซึ่งเดี๋ยวนี้เราจะเห็นว่าพวกบริษัทที่ผลิตซอฟท์แวร์ปรับแต่งรูปภาพก็เริ่มหันมาให้ความสนใจทำแอปแต่งรูปบนมือถือแล้ว เช่น Adobe ที่ตอนนี้ก็มี Photoshop และ Lightroom สำหรับมือถือออกมาให้ใช้งานกัน
เพื่อนๆ ก็สามารถเลือกโหมดถ่ายภาพแบบ RAW ได้ นอกจากนี้ OPPO F1 ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซลซึ่งเป็นความละเอียดที่เหมาะกับการถ่ายภาพแบบเซลฟี่ และผมจะขอพูดถึงเฉพาะโหมดที่คนส่วนใหญ่ใช้งานอยู่บ่อยๆ ได้แก่
Beautify
Beautify หรือโหมดที่ใครหลายคนอาจจะเรียกกันติดปากแล้วว่าโหมดบิวตี้หรือโหมดหน้าสวยนั่นเอง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นโหมด Beautify ในมือถือ OPPO นั้นได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานโดยเฉพาะผู้หญิง ซึ่งโหมด Beutify ใน OPPO F1 ก็จะสามารถปรับระดับความฟรุ้งฟริ้ง หรือความกระจ่างใสของใบหน้าได้ถึง 3 ระดับด้วยกันได้แก่ Weak, Medium และ Strong ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่เราว่าจะปรับความเนียนของใบหน้าในระดับใด และนี่คือภาพตัวอย่างที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify
Various Filters
Various Filters เป็นโหมดที่ช่วยให้ถ่ายภาพออกมาอย่างมีศิลปะซึ่งจะมีตัวเลือกให้เลือกถึง 11 แบบด้วยกันได้แก่ Natural , Bright , Afternoon , Sunrise , Warm , Nostalgic , Tokyo , Sunlight , Yellowing และ Mono Various Filters เป็นโหมดที่จะทำให้เราเพลิดเพลินในการถ่ายภาพบน OPPO F1 ด้วยฟิลเตอร์แบบต่างๆ ตามต้องการ และนี่คือตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากโหมด Various Filters
HDR และ Ultra HD
Ultra HD หรือโหมดความละเอียดสูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโหมดที่ต้องได้ใช้งานกันอย่างแน่นอน ซึ่งการถ่ายในโหมดนี้จะต้องอาศัยมือนิ่งๆ อยู่เหมือนกันจะใช้เวลานานกว่าการถ่ายแบบปกติแต่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีมากขึ้น โดยปกติแล้วกล้องของ OPPO F1 นั้นจะสามารถจับภาพได้ไว โฟกัสแม่นยำ เพียงไม่กี่วินาทีก็จะได้ภาพดีๆ มาอยู่ในมือแบบง่ายๆ และนี่คือภาพตัวอย่างจากโหมด Ultra HD
Performance
ในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่อง OPPO F1 มาพร้อมกับซีพียู Snapdragon 616 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.5 GHz ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นปรับปรุงจาก Snapdragon 615 อีกที
โดยรวมถือว่า OPPO ทำซอฟท์แวร์ได้อย่างน่าประทับใจมาก เพราะเท่าที่ผมเคยได้สัมผัสกับมือถือที่ใช้ซีพียูรุ่นเดียวกันนี้ (Snapdragon 615) พบว่า ในขณะเล่นเกมหรือใช้งานซีพียูหนักๆ จะมีอาการกระตุกและอาการหน่วงให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่จากการใช้งาน OPPO F1 กลับไม่พบปัญหาดังกล่าวเลย สามารถเล่นเกม Asphalt 8 ปรับกราฟฟิกสูงสุดได้ลื่นไหลโดยไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด ดังนั้นเกมง่ายๆ ที่ใช้กราฟฟิคไม่มากอย่าง Subway Surfer หรือ Traffic Rider นั้นสามารถเล่นได้อย่างลื่นๆ และเมื่อทดสอบกับเกมที่ใช้กราฟฟิกสูงอีกหนึ่งเกมอย่าง God Of Rome ก็พบว่าสามารถเล่นได้อย่างสบายๆ เช่นเดียวกับ Asphalt 8
แรม 3 GB ที่มากับตัวเครื่องนั้นก็มีเหลือให้ใช้งานจริงราว 2 GB สำหรับภาพรวมของ OPPO F1 จัดเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่มีความสามารถรอบด้านไม่แพ้มือถือเรือธงที่มีราคาสูงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องที่ใช้วัสดุอย่างดีในการประกอบ หรือเรื่องของซอฟท์แวร์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสเถียร และความลื่นไหล หรือจะเป็นเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร รวมไปถึงเรื่องของราคาวางจำหน่ายซึ่ง OPPO F1 มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 8,990 บาทเท่านั้น
สำหรับคนที่กำลังมองหามือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนตัวผมว่า OPPO F1 เป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรจะมองข้ามเลยล่ะครับ และเพื่อเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพตัวเครื่องผมจึงได้ทำการทดสอบสอบประสิทธิภาพด้วยแอพอย่าง Antutu Benchmark ก็พบว่าในขณะทดสอบประสิทธิภาพด้านกราฟฟิค 3 มิติ OPPO F1 มีอาการหน่วงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในการทดสอบประสิทธิภาพแบบสูงสุด โดยคะแนนที่ OPPO F1 ทำได้นั้นอยู่ที่ 29,842 คะแนน ซึ่งเมื่อเทียบกับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่นงานประกอบ,วัสดุ,ซอฟท์แวร์ เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่ากับราคา 8990 บาทแล้วล่ะครับ
และสำหรับคนที่กำลังคิดว่าแบตเตอรี่ขนาด 2,500 mAh จะพอใช้งานในหนึ่งวันหรือเปล่า คำตอบคืออยู่ที่การใช้งานของเราว่าจะใช้งานหนักแค่ไหน หากใช้งานเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็พออยู่ได้ทั้งวันเนื่องจากหน้าจอขนาด 5 นิ้วความละเอียดแบบ HD นั้นกินพลังงานน้อยกว่าหน้าจอแบบ Full HD หรือ Super AMOLED อยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ผมแอบเสียดายเล็กน้อยที่ OPPO ไม่ได้ใส่เทคโนโลยี VOOC หรือฟีเจอร์ชาร์จไวเข้ามาใน OPPO F1 ดังนั้นการชาร์จแบตเตอรี่ก็ต้องอาศัยเวลามากกว่า ซึ่งถ้าไม่นับข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ OPPO F1 จะเป็นมือถือที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่งเลย