จะไปแล้วโดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างที่จะชื่นชอบในการฟังเพลงอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ค่อยที่จะได้ใช้หูฟังที่เป็นบลูทูธซักเท่าไหร่นัก เพราะด้วยความที่คุณภาพเสียงที่ออกมานั้น อย่างที่ทราบๆ กันดีก็คือ ไม่สามารถสูงกับหูฟังแบบสายได้ รวมไปถึงระบบป้องกันเสียงรบกวน (Noise) ยังทำได้ไม่ดีพอ หากไม่ซื้อหูฟังบลูทูธอันละ 3,000 4,000 บาทหรือมากกว่านั้น (สำหรับผมมันดูราคาสูงไปหน่อย)
ซึ่งหลักๆ มาย้อนกันหน่อยว่า หูฟังบลูทูธจะถูกแบ่งเป็น 2 แบบด้วยกัน ที่นิยมใช้กันจะเป็นแบบโมโน ก็คือ ใช้ในการโทรเข้าโทรออกรับสายสนทนาเพียงอย่างเดียว ลักษณะจะเป็นแบบแนบหูเอาไว้ เกี่ยวหูเอาไว้ และแบบที่ 2 จะเป็นแบบสเตอริโอเพื่อรองรับการใช้งานในการฟังเพลง พร้อมทั้งควบคุมการเล่นอีกด้วย ที่ในส่วนของลักษณะจะเป็นแบบครอบหูหรือไม่ก็เป็นแบบ เป็นตัวบลูทูธที่แยกออกมาจากตัวหูฟัง แน่นอนว่าสำหรับหูฟังบลูทูธนั้นมีหน้าที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่มือไม่ว่างสะดวกรับสาย หรือระหว่างนั้นอาจจะกำลังทำกิจกรรมอื่นอยู่
ที่ในวันนี้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับหูฟังบลูทูธแบบสเตอริโอรุ่นใหม่จาก BLUETREK ในรุ่น MusiCALL ที่มาพร้อมเทคโนโลยีบลูทูธเวอร์ชั่น 2.1 พร้อมทั้งรองรับโปรไฟล์ A2DP?Advanced Audio Distribution Profile และ?AVRCP (Audio/Video Remote Control Profile) ที่จะทำให้การใช้งาน?BLUETREK?MusiCALL ง่ายมายิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากนี้ ยังมีในส่วนของเทคโนโลยี?NoiseLock ที่จะค่อยตัดเสียงรบกวนภายนอกระหว่างที่เรากำลังสนทนากับปลายสายได้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด เท่าที่ทราบมาตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2พันบาทนิดๆ เท่านั้น โดยเราสามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนสำหน่ายของ SIS ได้ทั่วไป
ที่ต้องขอกล่าวชมกับ?BLUETREK?MusiCALL ว่ากล่องแพ็คเกจมีความสวยงามน่าสนใจใช้ได้ทีเดียว อีกทั้งยังมีการแนะนำคุญสมบัติต่างๆ ที่ดูแล้วเข้าใจได้ง่าย
คุณสมบัติหลักๆ ของหูฟังบลูทูธสเตริโอ?BLUETREK?MusiCALL
- สนทนาต่อเนื่องสูงสุด 6 ชั่วโมง
- ฟังเพลงต่อเนื่องสูงสุด 6 ชั่วโมง
- สแตนด์บายนานสูงสุด 10 วัน
- น้ำหนักไม่รวมหูฟัง 15 กรัม / รวมหูฟัง 26 กรัม
- ขนาดมิติตัวเครื่อง ยาว x กว้าง x สูง ?43 x 34 x 14?ม.ม.
- รองรับบลูทูธเวอร์ชั่น 2.1
- รองรับโปรไฟล์ A2DP, AVRCP
- สนับสนุนเทคโนโลยี NoiseLock
- รองรับช่องหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. (ถอดเปลี่ยนได้)
- หูฟังสเตอริโอแบบ In-Ear มาพร้อมยางหูฟัง 3 ขนาดให้เลือกใช้งาน
- ตัวบลูทูธลักษณะแบบคลิปหนีบน้ำหนักเบา
- ชาร์จด้วย USB เคเบิ้ลผ่านช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- เชื่อมต่อได้ทันทีไม่ต้องใส่รหัส
- มีไฟแสดงสถานะ 2 สี คือ แดง, น้ำเงิน
- สนับสนุนการใช้งานกับ iPhone ได้เต็มรูปแบบ
- เชื่อมต่อการฟังเพลงและรอรับสายสนทนาได้พร้อมๆ กัน
จัดได้ว่าคุณสมบัติที่ตัว?BLUETREK?MusiCALL มีให้มากพอสมควร ที่โดยส่วนตัวผมชอบมากๆ เลยก็คือสามารถเปลี่ยนหูฟังได้ รวมไปถึงมีขนาดเล็กน้ำหนักเบาพกพาไปไหนติดตัวไปด้วยได้สะดวก นอกเหนือจากนั้น คงเป็นส่วนของเทคโนโลยี?A2DP, AVRCP และ?NoiseLock ที่คงต้องมาดูในส่วนของการีวิวแล้วล่ะว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน กับราคาค่าตัวที่ไม่สูงมากนักเพียง 2 พันบาทต้นๆ
โดยเมื่อแกะกล่องออกมาเราจะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาให้ ไม่ว่าจะเป็นตัวบลูทูธ, หูฟัง, จุกยาง 3 ชุด, สายชาร์จ และถุงผ้าอย่างดี เพื่อไว้ใส่ป้องกันรอยขีดขวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ขณะที่เราพกพา
แต่ในส่วนของสายชาร์จที่ให้มา มีข้อสังเกตุอยู่ว่าเป็นแบบ USB ทางหนึ่งที่เราต้องไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เพื่อจ่ายไฟออกมา (ที่ชาร์จมือถือที่เป็นช่องแบบ USB ก็สามารใช้ชาร์จได้เช่นกัน) ส่วนอีกทางเป็นหัวแบบแจ็คเสียบหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. ที่เราต้องนำไปเสียบชาร์จกับตัวบลูทูธ ซึ่งเรียกได้ว่าต่างกับบลูทูธทั่วไป ที่มักจะใช้เป็น mini USB หรือ micro USB เป็นตัวเชื่อมต่อ ส่งผลให้ต้องคอยเก็บสายชาร์จที่ติดมาให้นั้นเป็นอย่างดี เพราะว่าถ้าหายทีเดี๋ยวจะยุ่งยากไปซื้อหาเส้นใหม่มาทดแทนนะครับ
ในส่วนของการออกแบบดีไซน์ตัวบลูทูธจะเป็นลักษณะแบบคลิปหนีบ โดยมีโลโก้ BLUETREK อยู่ทางซ้าย วัสดุที่ใช้จะเป็นโลหะขัดมันกับพลาสติกที่ดูแล้วมีความแข็งแรงทนทาน ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีแป้นควบคุมกันเล่นเพลงต่างๆ ทั้งหมด 2 ปุ่มด้วยกัน อาทิ?เล่น/หยุด/เปิด – ปิด (กลาง), เพิ่มเสียง (บน), ลดเสียง (ล่าง), ย้อนกลับ (ซ้าย) และเลื่อนเพลงถัดไป (ขวา) ที่จากการใช้งานจริงถือว่าใช้ได้อย่างสะดวกสบาย นอกเหนือจากนั้นก็จะมีไฟแสดงสถานะแบบ LED สีฟ้ากระพริบแสดงสถานะตลอดเวลาขณะที่เรากำลังใช้งานอยู่
ลักษณะของคลิปหนีบมีขนาดใหญ่แน่นหน้า และสปริงไม่ได้เหนียวเกินไป โดยตัวบอดี้ภายนอกยังทำมาจากโลหะผสมกับแกนที่เป็นพลาสติก รวมถึงปุ่มควบคุมเพลงต่างๆ ที่เป็นพลาสติกด้านสีดำครับ
มาต่อกันที่ด้านหลังของตัวบลูทูธก็จะเป็นวัสดุโลหะแบบขัดมันเช่นเดิม พร้อมกับมีโลโก้ BLUETREK อยู่ตรงกลางอย่างชัดเจน ที่สำคัญเลยก็คือ คลิบที่มีมาให้นั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้หนีบได้อย่างแน่นหนา และสปริงก็ไม่แข็งจนเกินไปที่จะทำให้ใช้งานได้ลำบาก
ด้านบนของตัวบลูทูธเองจะเป็นช่องไมค์ไว้รับเสียง ที่มีเทคโนโลยี?NoiseLock ไว้ตัดเสียงสัญญาณรบกวน โดยใช้เป็นตัวประมวลย่านคลื่นความถี่เสียงว่าเสียงไหนเป็นเสียงพูดของเรา เสียงไหนเป็นเสียงรบกวน ต่างจะบลูทูธตัวอื่นๆ ที่มีระบบตัดเสียงรบกวนที่ต้องใช้ไมค์ถึง 2 ตัวด้วยกัน จึงจะสามารถตัดเสียงรบกวนได้ แน่นอนว่าส่งผลให้ราคาค่าตัวของบลูทูธรุ่นนั้นๆ มีราคาสูงเกินไปโดยใช้เหตุ และจากการใช้งานจริงถือได้ว่าเทคโนโลยี?NoiseLock ในตัวของ?BLUETREK?MusiCALL ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี และถัดมาหน่อยก็จะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. ที่เราสามารถถอดเปลี่ยนหูฟังเดิมได้ หากเรามีหูฟังที่ดีกว่าอยู่แล้ว
โอกาสนี้ก็ขอกล่าวถึงในการใช้งาน BLUETREK?MusiCALL กันซักเล็กน้อย มาเริ่มกันด้วยการเปิดใช้งานเลยก็คือ ให้กดปุ่มกลาง (เล่น/หยุด) ค้างเอาไว้ประมาณ 5-6 วินาที ไฟสีฟ้าก็จะติดและกระพริบ นั่นก็หมายความว่าพร้อมใช้งานแล้ว
ต่อมากับการเชื่อมต่อตัวบลูธกับอุปกรณ์อื่นๆ (Pairing) ที่เรียกได้ว่าง่ายมากๆ ไม่ต้องทำการใส่รหัสใดๆ ทั้งสิ้น เพียงกดค้างไว้ที่ปุ่มกลางประมาณ 7-8 วินาที (ไม่ต้องเปิดเครื่องก่อน) ก็จะมีไฟสีแดงสีน้ำเงินกระพริบสลับกันไปมา จากนั้นก็ให้เราเปิดบลูทูธที่อุปกรณ์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นมือถือสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก แล้วทำการค้นหาชื่อ BLUETREK?MusiCALL และทำการเชื่อมต่อเท่านั้นเอง
โดยเมื่อเราเชื่อมต่อ BLUETREK?MusiCALL?ไปยังสมาร์ทโฟนแล้วนั้น ในการเล่นเพลงก็สามารถเลือกที่จะให้เสียงเพลงออกมาทางหูฟังบลูทูธหรือลำโพงก็ได้ รวมไปถึงเวลาโทรออกหรือระหว่างการสนทนาเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานสนทนาผ่านหูฟังบลูทูธ, บนตัวเครื่องสมาร์ทโฟน หรือด้วยลำโพงก็สามารถทำได้ครับ
สุดท้ายสำหรับการปิดการใช้งานก็ไม่ยากเช่นกัน เพียงกดค้างไว้ที่ปุ่มกลางเช่นเดิมประมาณ 5-6 วินาทีเช่นกัน จากนั้นก็จะมีไฟสีแดงติดขึ้นมา หรือถ้าเมื่อไหร่ที่เราปิดบลูทูธในสมาร์ทโฟนของเรา ซักพักตัว?BLUETREK?MusiCALL ก็จะเปิดตัวเองไปโดยอัตโนมัติ
รวมไปถึงยังสะดวกมากๆ ในการใช้งานบลูทูธกับอุปกรณ์ตัวเดิมในครั้งต่อไป เพราะว่าหากเราเปิดบลูทูธไว้อยู่แล้ว มันก็จะเชื่อมต่อและพร้อมทำการได้โดยทันที เช่นเดียวกันกับการที่เราออกจากระยะสัญญาณ (10 เมตร) แล้วถูกตัดไป เมื่อกลับเข้ามาในระยะตัวบลูทูธก็จะเชื่อมต่อให้ใหม่อีกครั้งเช่นกันครับ?(ไม่ต้องเสียเวลามา Pairing อีกครั้ง)
สรุปการใช้งานกับหูฟังบลูทูธ BLUETREK MusiCALL ถือได้ว่าให้ประสบการณ์ในการใช้งานได้ดีพอดี โดยในเรื่องของการเป็นหูฟังเพื่อใช้สำหรับฟังเพลงที่นับว่าเป็นจุดเด่น กับการที่ไม่ต้องมีสายมาเกะกะเหมือนอย่างหูฟังทั่วไป แต่ถ้าจะให้จริงจังด้านของคุณภาพเสียงที่ออกมานั้นแล้วล่ะก็ คงต้องบอกตามตรงว่าเพียงแค่พอฟังได้เท่านั้น ถึงแม้ว่าเสียงที่ได้มานั้นจะออกแนวใสๆ กลางๆ เสียงทุ่มและเสียงแหลมออกมาได้อย่างครบถ้วน แต่ก็เรียกได้ว่ายังถึงจุดที่ชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการใช้หูฟังดีๆ เข้ามาทดแทนหูฟังที่ติดมาให้ (บางตัวถ้ามีขนาดใหญ่เกินอย่างเช่น หูฟังแบบครอบหัว เสียงและคุณภาพก็จะลดลงกว่าเดิม จึงต้องระวังกันหน่อย)?ส่วนในด้านของการควบคุมการเล่นเพลงเรียกได้ว่าตอบสนองต่อการกดได้เป็นอย่างดี ที่ถึงแม้ว่าจะมีอาการหน่วงอยู่นิดหน่อยก็ตามที
ด้านการใช้เป็นบลูทูธหูฟังในการสนทนาโทรเข้ารับสายก็ให้ผลเป็นที่น่าประทับใจ ทั้งเรื่องของคุณภาพเสียงที่ชัดเจน รวมไปถึงเทคโนโลยีอย่าง?NoiseLock ที่สามารถใช้งานได้จริง จากการทดสอบใช้งานในที่ที่มีเสียงดังอย่างในห้างสรรพสินค้า หรือสถานีรถไฟฟ้า BTS เป็นต้น พบว่าถ้าปลายสายที่เรากำลังสนทนายังสามารถพูดคุยกันได้อย่างไม่ติดขัด
เรียกได้ว่าในราคา 2พันบาทต้นๆ ของ?BLUETREK MusiCALL หากเทียบกับความคุ้มค่าของบอกว่าน่าซื้อมาใช้งานเป็นอย่างยิ่ง เหมาะมากๆ กับคนที่ชอบฟังเพลงพร้อมกับทำกิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ ปั่นจักรยาน หรือแม้กระทั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไปด้วย โดยเมื่อมีสายโทรเข้ามาก็สะดวกในการรับสายเป็นอย่างดี เอาเป็นว่าใครสนใจก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ ที่สามารถซื้อผ่านทางตัวแทนจำหน่ายของ SIS ครับ 😀
คะแนนโดยรวม 7.5/10
ขอขอบคุณ?SIS ?และ BLUETREK Technology สำหรับเอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการีวิวครั้งนี้