แนะนำ 5 Cloud Storage สำหรับเก็บข้อมูลและรูปภาพ ยี่ห้อไหนดีคุ้มสุด แต่ละแบบมีราคาเท่าไหร่บ้างปี 2021
เชื่อว่าหลายคนที่ทำงานเกี่ยวกับสายกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ หรือว่างานถ่ายรูป รวมไปถึงงานไฟล์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเก็บจำนวนมาก ก็จำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลเยอะตามไปด้วย ยิ่งทำงานเยอะมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ต้องเพิ่มพื้นที่ในการใช้งานให้มากขึ้นตามไปด้วย และก็แน่นอนว่าการเก็บข้อมูลบนเครื่องคอมฯ หรือโน๊ตบุ๊คนั้นอาจจะมีพื้นที่พอ แต่หากจำนวนที่เก็บมีเยอะมากขึ้นก็อาจจะทำให้เครื่องเริ่มอืดได้ และถึงแม้ว่าจะมี External Hard Drive เข้ามาเป็นตัวช่วยให้เก็บได้มากขึ้น แต่ถ้าหากเราจำเป็นต้องแชร์ข้อมูล หรือไม่ได้พกพาไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลาก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี สิ่งที่จะเข้ามาช่วยในยุคที่อินเทอร์เน็ตกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ได้ก็มีเพียงสิ่งเดียวคือ Cloud Storage จากยี่ห้อต่างๆ ที่มีมากกว่า 10 เว็บให้ใช้งานฟรีๆ ในจำนวนการใช้งานพื้นที่น้อย ไปจนถึงการใช้งานหลาย TB ที่ต้องเสียเงินรายปีกันเลยทีเดียว แล้วยี่ห้อไหนราคาเท่าไหร่หรือจะใช้ยี่ห้อไหนดี? เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาแนะนำ 5 Cloud Storage สำหรับเก็บข้อมูลและรูปภาพ จะใช้ยี่ห้อไหนดีที่คุ้มที่สุด แต่ละยี่ห้อมีราคาเท่าไหร่บ้างในปี 2021 ไปดูกันเลย
5 Cloud Storage สำหรับเก็บข้อมูลและรูปภาพ ยี่ห้อไหนดีอันไหนคุ้มสุด
สำหรับ Cloud Storage ทั้ง 5 ยี่ห้อหรือเว็บที่เราจะเอามาแนะนำกันในวันนี้ แต่ละแบบนั้นก็จะมีทั้งรูปแบบการใช้งาน และราคาที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการใช้บริการแบบฟรีที่ให้พื้นที่การใช้งานที่ต่างกันด้วย ซึ่งแต่ละอันนั้นก็ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการเก็บไฟล์รูปภาพเท่านั้น ถึงแม้ว่าบางอันจะมีพื้นที่เก็บแยกให้เก็บรูปโดยเฉพาะอย่างเดียวไปเลยก็ตาม ดังนั้นยี่ห้ออื่นๆ ก็อาจจะมีให้เก็บรวมกันไปเลยในพื้นที่เดียวกันแทน สามารถดูได้จากการเปรียบในตารางด้านล่างได้เลย
ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่า Cloud Storage คืออะไรจะขออธิบายสั้นๆ ให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นไฟล์อะไรก็ตามที่สามารถอัพโหลดฝากไว้ และสามารถดาวน์โหลดออกมาได้ โดยการใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงทั้งหมด ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็จะไปถูกเก็บไว้ในบัญชีของเราเอง อีกทั้งในปัจจุบันนี้ก็สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงได้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Smart Phone หรือแท็บเล็ตก็ตาม และด้วยการเข้าถึงที่ง่าย และมีพื้นที่ให้ใช้งานเยอะมากนี้เอง จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนยี่ห้อทั้ง 5 ยี่ห้อจะมีอะไรน่าใช้งานและมีรายละเอียดอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. Google One
เริ่มต้นกันด้วย Cloud Storage อันแรกกันก่อนเลย เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักหรือว่าไม่เคยใช้งานกันแน่นอน ถ้าทำงานและต้องใช้พื้นที่การฝากรูปหรือฝากไฟล์เยอะๆ เพราะว่าแต่ก่อนทาง Google ได้ปล่อยให้ใช้งาน Google Photos กันแบบฟรีๆ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นแบบเสียเงินแทนแล้ว ทั้ง Google Photos และ Google Drive ก็ได้รวมมาไว้ที่เดียวกันหมดคือ Google One นั่นเอง โดยพื้นที่เริ่มต้นสำหรับผู้ที่มีบัญชีของ Google อยู่แล้ว (อย่างเช่นบนมือถือ Android ที่จะมีติดเครื่องมาให้เลย) ก็จะมีพื้นที่ให้ใช้ฟรีๆ 15GB ได้ทั้ง Google Photos, Google Docs, Gmail และ Google Drive แต่ไฟล์ทั้งหมดจะถูกเก็บบนพื้นที่เดียวกัน จึงทำให้คนที่ต้องเก็บทั้งรูปและไฟล์งานอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้ แต่ถ้าแยกเก็บแค่รูปก็พอไหวแน่นอน ส่วนเรื่องการใช้งานก็ต้องบอกเลยว่าสะดวกและรวดเร็วมากที่สุดแล้วก็ว่าได้ จึงไม่แปลกใจที่หลายคนนิยมเลือกใช้งานบน Google One กันมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ
2. OneDrive
Cloud Storage ที่ได้รับความนิยมตามเคียงคู่กันมาติดๆ นั่นก็คือ OneDrive จาก Microsoft หรือจากผู้พัฒนา Windows ที่เราใช้กันอยู่นั่นเอง โดยการใช้งานของ OneDrive เริ่มต้นนั้นเราจะได้ใช้งานฟรี 5GB เมื่อมีบัญชีของ Microsoft ทั้ง Hotmail หรือในเครือของ Microsoft ทั้งหมด และการฝากไฟล์ต่างๆ จะสามารถฝากได้ตั้งแต่เอกสารของ Office ทั้งหมด รวมไปถึงไฟล์วิดีโอ รูปภาพหรือไฟล์อื่นๆ ได้ทั้งหมดเลย ซึ่งความสะดวกในการจัดเก็บ เท่าที่ได้ใช้งานดูแล้วจะสามารถใช้งานได้ง่ายพอๆ กับ Google Drive ที่มีการแยกไฟล์ได้อย่างชัดเจน ข้อดีของ OneDrive ก็คือการเข้าถึงที่สามารถใช้งานได้แทบทุกระบบปฏิบัติการณ์ ทั้งบนคอมฯ และบนมือถือ Smart Phone ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด หากใช้บัญชีเดียวกัน หรือจะแชร์ไฟล์ไปให้คนอื่นก็ได้ ที่สำคัญก็คือหากสมัครการใช้งานแบบรายปี จะได้ใช้งาน Outlook, Microsoft Word, Microsoft Excel และ Microsoft PowerPoint มาใช้งานแบบฟรีๆ อีกด้วย
3. iCloud
ถ้ามีของไมโครซอฟไปแล้ว จะไม่ให้พูดถึงพื้นที่บน Cloud ของ Apple ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากความนิยมในการใช้งานที่พอกัน ยิ่งถ้าใครที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple เป็นหลักในการทำงานอยู่แล้วก็จำเป็นต้องใช้ iCloud กันอย่างแน่นอน เนื่องจากเมื่อเริ่มต้นใช้งานด้วยการสมัคร Apple ID เราก็จะได้พื้นที่มาใช้งานทันที 5GB ซึ่งพื้นที่ในจำนวนนี้จะรวมทุกอย่างของการใช้งานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล Back up, รูปภาพและวิดีโอ, ข้อมูลสำรองจากแอปต่างๆ และอื่นๆ ถ้าใครที่ใช้งาน iPhone ก็น่าจะเคยเจอกับปัญหาพื้นที่ Backup ไม่พอหรือมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาบ้างแหละหากใช้งานเยอะ (ดูวิธีแก้ปัญหา iCloud เต็มที่นี่) ส่วนการใช้งานนั้นถ้าเป็นอุปกรณ์ระหว่าง Apple ด้วยกันจะใช้งานค่อนข้างง่ายหน่อย เพราะเชื่อมต่อกันทั้งหมดด้วย Apple ID ไปเลย แถมยังสามารถเรียกดูข้อมูลทั้งหมดได้จากหน้าเว็บโดยตรงเลยด้วย แต่จะไม่สามารถจัดไฟล์รูปหรือวิดีโอได้นะ เพราะเหมือนเป็นการเก็บข้อมูล Backup ไว้มากกว่า ถ้าใครใช้ Mac ในการตัดต่อหรือทำงาน การเลือกใช้พื้นที่บน iCloud จะสะดวกและดีที่สุดแล้ว
4. Dropbox
อีกหนึ่งพื้นที่ใช้งานบน Cloud ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และน่าจะเคยคุ้นตากับตัวโลโก้กันเป็นอย่างดี โดยหลักๆ แล้ว Dropbox นั้นจะเหมือนกับการฝากไฟล์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งาน หรือรูปภาพและวิดีโอก็ตาม ที่จะให้เราได้ใช้งานกันแบบเริ่มต้นที่ 2GB ถ้าใครที่เคยฝากไฟล์สมัยยุคแรกๆ ที่ส่งลิงค์กันไปมาก็น่าจะเข้าใจการใช้งานได้ง่ายๆ นั้นก็คือเมื่อเราทำการอัพโหลดไฟล์ลงไปแล้ว เราก็จะสามารถแชร์ลิงค์เหล่านั้นไปให้ใครก็ได้ เพียงแค่ส่งลิงค์ไปก็จะสามารถกดดาวน์โหลดไฟล์นั้นได้ทันที (ขนาดของไฟล์ที่ส่ง ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่สมัครด้วย) และด้วยความง่ายนี้เองจึงทำให้การฝากไฟล์ลงไปบน Dropbox ได้รับความนิยมพอสมควรเลย แถมยังไม่ได้จำกัดขนาดของไฟล์อีก จะเหมาะกับการอัพโหลดเพื่อส่งไฟล์แบบง่ายๆ มากกว่าการจัดการไฟล์เยอะๆ เหมือนของ Google Drive หรือ OneDrive
5. MEGA
Cloud Storage แบบสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่การเก็บไฟล์ใหญ่ๆ ระดับต้นๆ ไม่แพ้ของแบรนด์อื่นๆ เลย เพียงแค่สมัครเข้าไปใช้งานก็จะได้รับพื้นที่ไปใช้ฟรีๆ แล้ว 20GB สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้ง Smart Phone และบนคอมฯ โดยการใช้งานหลักๆ แล้วจะเป็นการเก็บไฟล์แบบส่วนตัวมากกว่า เนื่องจากมีรหัสในการเข้าถึง และเน้นเรื่องความปลอดภัยสูง ถ้าหากต้องการส่งไฟล์หรือให้คนอื่นมาโหลดนั้น ก็จะต้องเข้าคีย์ก่อนเสมอ ส่วนใหญ่คนที่ใช้งานก็จะฝากรูปหรือวิดีโอเยอะๆ กันมากกว่า เพราะสามารถเปิดดูได้จากบนหน้าเว็บใน MEGA ได้เลยด้วย ที่สำคัญคือการอัพโหลดหรือดาวน์โหลดนั้นจะทำได้อย่างรวดเร็ว แต่หากใช้งานฟรีอาจจะติดปัญหาเรื่อง Quota Transfer หรือข้อจำกัดในการโหลดแต่ละครั้ง ที่หมดเมื่อไหร่ก็จะไม่สามารถโหลดหรือทำอะไรต่อได้เลย ดังนั้น MEGA จึงเหมาะกับการใช้งานแบบส่วนตัวและการสมัครแบบรายเดือนหรือรายปีมากกว่าใช้ฟรี เนื่องจากข้อจำกัดที่เยอะกว่านั่นเอง
เปรียบเทียบข้อมูลและราคาของ Cloud Storage แต่ละยี่ห้อ
ข้อมูล\ ยี่ห้อบริการ | Google One | OneDrive | iCloud | Dropbox | MEGA |
ใช้ฟรี | 15GB | 5GB | 5GB | 2GB | 20GB |
รายเดือน | 100 GB/ 70 บาท 200 GB/ 99 บาท 2 TB/ 350 บาท | 100GB/ 69 บาท 1TB/ 209 บาท 6TB/ 289 บาท | 50GB/ 35 บาท 200GB/ 99 บาท 2TB/ 349 บาท | 2TB/ 335 บาท 2TB/ 570 บาท (ใช้ได้ 6 คน) | 400GB/ 196 บาท 2TB/ 391 บาท 8TB/ 783 บาท 16TB/ 1,175 บาท |
รายปี | 100 GB/ 700 บาท 200 GB/ 990 บาท 2 TB/ 3,500 บาท | 1TB/ 2,099 บาท 6TB/ 2,899 บาท | ไม่มี | 2TB/ 4,827 บาท 2TB/ 8,048 บาท (ใช้ได้ 6 คน) | 400GB/ 1,959 บาท 2TB/ 3,918 บาท 8TB/ 7,836 บาท 16TB/ 11,754 บาท |
ผู้ใช้งานร่วม* | 6 คนทุกแพ็คเกจ | 6 คนในแพ็กเกจ 6TB (คนละ 1TB) | 6 คนทุกแพ็คเกจ | – | – |
ระบบที่รองรับ | Android, Windows, iOS, MacOS | Android, Windows, iOS, MacOS | iOS, MacOS, Windows | Android, Windows, iOS, MacOS, Linux | Android, Windows, iOS, MacOS, Linux |
จากตารางด้านบนและข้อมูลของแต่ละยี่ห้อที่เราได้นำมาฝากกันนี้จะเห็นได้ว่า แต่ละเว็บหรือแต่ละยี่ห้อจะมีการใช้งานที่ต่างกันค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว รวมไปถึงข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละยี่ห้อที่ไม่เหมือนกันด้วย อย่างเช่น iCloud ที่ Android ไม่สามารถใช้งานได้ รวมไปถึงฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งาน และหน้าจาความยากง่ายในการจัดการไฟล์ และการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนด้วย ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือความคุ้มค่าในการใช้งาน กับราคาที่ต้องเสียไปในแต่ละเดือนหรือรายปี ถ้าหากว่าใช้งานเพียงคนเดียวก็คุ้มค่าเกือบทุกตัวอยู่แล้ว ในราคาหลักร้อยต่อเดือน ก็สามารถเก็บไฟล์ต่างๆ ไว้เป็นของตัวเองในปริมาณเยอะๆ ได้แล้ว ส่วนใครที่เป็นสายฟรีเว็บ MEGA และ Google One จะมีให้ใช้งานเยอะพอๆ กัน แต่ถ้าเรื่องความสะดวกในการใช้งาน และง่ายต่อการจัดการไฟล์ทั้งรูปและวิดีโอต้องยกให้กับ Google One เลย ส่วนใครที่อยากใช้งานหลากหลายทุกแพลทฟอร์มอาจจะเลือกเป็นตัว OneDrive ก็ใช้งานได้ดีเหมือนกัน สุดท้ายคือ iCloud ที่จะเหมาะกับคนที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple เป็นหลักมากกว่า นอกจากทั้ง 5 ยี่ห้อนี้ก็ยังมี Amazon, iDrive ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ