หนึ่งในคุณสมบัติเด่นๆ ของ iPhone เลยก็คือตัวกล้องถ่ายรูปที่หลายๆ คนยอมรับว่าเป็นกล้องมือถือที่ให้ผลออกมาค่อนข้างดี แสงสีดูแล้วสวยงาม ทำให้มีการนำ iPhone มาใช้ในการถ่ายรูปมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการแชร์ภาพขึ้นสู่ social network สามารถทำได้ง่ายและกว้างขวางมาก จึงทำให้เทรนด์การถ่ายรูปด้วย iPhone เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในบทความนี้เราก็จะมาดูกันครับว่า การถ่ายรูปด้วย iPhone นั้น จะถ่ายอย่างไรให้ออกมาดูดี ดูสวย เราไปดูกันทีละข้อเลยดีกว่า
1. หาสถานที่ประกอบฉากเหมาะๆ
ข้อนี้ถ้าคุณอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มักมีการจัดตำแหน่งสิ่งของและสถานที่ต่างๆ ให้เหมาะสำหรับการถ่ายรูปแล้ว ก็ไม่น่าจะต้องกังวลมากครับ เพียงแค่หามุมเหมาะๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องมาถ่ายในสถานที่ที่ไม่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ เรียกง่ายๆ ว่าถ่ายสดๆ นั่นละครับ อันนี้อาจจะต้องพิจารณาดูในภาพที่พรีวิวบนจอซักหน่อยว่ามันมีวัตถุอะไรแปลกๆ อยู่บนจอหรือเปล่า บางทีอาจมีถังขยะ หรือวิวอะไรที่ไม่ค่อยสวยงาม ถ้าเจอก็พยายามเปลี่ยนมุมถ่ายดูครับ อย่างน้อยก็เอาให้วิวโดยรอบดูดีไว้ก่อนละนะ
2. การจัดองค์ประกอบภาพให้ดูเก๋
เรื่องของการจัดองค์ประกอบภาพนั้น อันนี้ก็ไม่เชิงว่าจะมีทฤษฎีตายตัวครับ เพราะมีค่อนข้างจะหลากหลายแบบมาก ทั้งแบบที่มีการกำหนดมาเป็นอัตราส่วน หรือจะเป็นแบบที่ใช้กะประมาณเอาก็มี ตัวอย่างก็เช่น
- การถ่ายภาพวิวแนวระนาบ ควรให้สิ่งที่เราต้องการทำให้เด่น กินเนื้อที่ในภาพราวๆ 2/3 ของทั้งหมด เช่นภาพดวงอาทิตย์ตกขอบฟ้าทะเล ถ้าจะเน้นท้องฟ้าก็ให้มีท้องฟ้าอยู่เป็น 2/3 ของภาพ และถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรถ่ายแบบอัตราส่วนภาพเป็นครึ่งต่อครึ่งนะครับ เพราะมันจะดูเหมือนเป็นการแบ่งรูปออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด
- การจัดตำแหน่งของวัตถุ ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงกลางเสมอไป อาจจะจัดให้อยู่ทางใดด้านหนึ่งของภาพก็ได้ ซึ่งสามารถใช้ตัวช่วยที่มีอยู่แล้วได้ นั่นคือ grid line ที่จะเป็นตาราง 9 ช่องขึ้นมา พยายามลองจัดให้จุดที่เราต้องการให้เด่นของภาพอยู่ตรงจุดตัดของภาพดูครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องพยายามเกลี่ยองค์ประกอบอื่นๆ ให้ภาพดูสมดุลกันด้วยนะ (เริ่มยากละ)
- การถ่ายภาพคน ไม่จำเป็นต้องถ่ายเต็มตัวเสมอไป อาจถ่ายแค่ครึ่งตัว โดยให้ตัวแบบยกแขนขึ้น และขอบภาพอยู่ใต้ศอกลงไป หรืออาจจะลองหามุมเก๋ๆ อื่นๆ ดูก็ได้ครับ
ซึ่งเรื่องขององค์ประกอบภาพนี่พูดได้อีกยาวเลยทีเดียว เพราะมันมีเยอะมากๆๆ
3. การกำหนดจุดโฟกัส หน้าชัดหลังเบลอ
กล้องของ iPhone สามารถเลือกตำแหน่งของภาพที่เราต้องการจะโฟกัสได้ ซึ่งการโฟกัสก็คือการหาจุดที่เราต้องการให้ภาพมีความชัดที่สุด เพราะถ้าสังเกตดีๆ ถ้าเราถ่ายภาพในระยะที่ค่อนข้างพอดีๆ ส่วนของภาพที่อยู่นอกจุดที่เราโฟกัสจะดูเบลอๆ เลือนๆ เล็กน้อย ส่วนวิธีการโฟกัสหลายๆ ท่านคงทราบกันอยู่แล้ว นั่นคือแตะไปที่หน้าจอ iPhone ตรงตำแหน่งที่เราต้องการ จากนั้นก็รอจนภาพโฟกัสเสร็จ จากนั้นก็กดถ่าย (ในกรณีที่ถ่ายรูปด้วยแอพถ่ายรูปของ iPhone เอง)
4. การปรับตำแหน่งของจุดวัดแสง
อันนี้จะเป็นฟีเจอร์ในบางแอพเท่านั้นครับ เช่น Camera+ ที่เราเคยรีวิวไปแล้ว โดยตำแหน่งของจุดวัดแสงเรียกได้ว่าจำเป็นทีเดียว เพราะการที่แสงสว่างของรูปจะมากเกินหรือน้อยเกินก็เกิดมาจากการวัดแสงของกล้องนี่ละครับ โดยถ้ากล้องจับดูแล้วพบว่าแสงที่จุดวัดแสงมีมากแล้ว กล้องก็จะปรับลดการชดเชยแสงในกล้องให้ เพื่อทำให้ภาพสว่างพอดีๆ เช่นเดียวกับถ้ากล้องพบว่าที่จุดวัดแสงมีแสงน้อยเกินไป กล้องก็จะพยายามหาแสงมาชดเชยให้ เพื่อให้ภาพออกมาสว่าง
ทีนี้ถ้ากลับกัน ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งจุดวัดแสงได้อิสระ เราก็จะสามารถควบคุมได้ว่าเราอยากให้ภาพที่ออกมามีแสงพอดี หรือแสงมากกว่าปกติ แสงน้อยกว่าปกติ ซึ่งจะช่วยให้เราสร้างสรรค์ภาพออกมาได้อีกหลายรูปแบบเลย ที่สำคัญยังช่วยแก้ปัญหาที่บางทีถ่ายออกมาแล้วภาพมืดเกินได้ด้วย ทั้งนี้เพราะเกิดมาจากกล้องไปวัดแสงอัตโนมัติในจุดที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง
5. ใช้แอพช่วย รับรองสวยแน่นอน
อีกทางหนึ่งที่ค่อนข้างจะเห็นผลชัดเจนเลยก็คือการหาแอพมาช่วยให้รูปออกมาสวยเก๋ ทุกวันนี้แอพ iPhone ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับการถ่ายภาพก็มีมากมายทีเดียว แถมยังมีฟีเจอร์ในตัวที่เรียกได้ว่าครบเครื่องเลยก็ว่าได้ ทั้งถ่ายรูป ปรับแต่งรูป ใส่ฟิลเตอร์ รวมไปถึงแชร์ขึ้น social network ในตัวเลยก็ยังได้ ทำให้การถ่ายรูปสมัยนี้สะดวกขึ้นมากๆ
ซึ่งแอพแต่ละตัวก็มีจุดเด่นของตนเอง เช่น Camera360 ที่มีเอฟเฟ็คท์และฟิลเตอร์ให้เลือก รวมไปถึงการปรับแต่งที่เรียกได้ว่าครบครัน หรือจะเป็น AfterFocus ที่ผู้ใช้สามารถทำให้ภาพฉากหลังเบลอดุจถ่ายด้วยกล้อง DSLR ตัวใหญ่ๆ ก็ยังได้ (แต่ต้องอาศัยฝีมือหน่อยนะ) รวมไปถึง Instagram ที่ยังคงได้รับความนิยมอยู่ก็ด้วย เชื่อว่าหลายคนจะต้องมีแอพถ่ายรูปไม่ต่ำกว่าสามแอพติดเครื่องแน่นอน 😀
จากทิปทั้ง 5 ข้อข้างต้นนี้ก็น่าจะทำให้หลายๆ คนพอจะนำไปปรับใช้กับการถ่ายรูปด้วย iPhone ของตนได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนด้วยครับ ว่าจะครีเอทภาพของเราเป็นอย่างไร เผลอๆ ภาพที่สวยมันก็ไม่ได้สร้างด้วยทฤษฎี แต่มันสร้างมาจากใจและสมองของเรานี่ล่ะครับ 🙂