Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Editorial»แนะนำ 3 กลุ่มหลักที่เหมาะกับ iPhone 16e – ถ้าซื้อไปใช้ รับรองว่าคุ้ม!
    Editorial

    แนะนำ 3 กลุ่มหลักที่เหมาะกับ iPhone 16e – ถ้าซื้อไปใช้ รับรองว่าคุ้ม!

    ZeroSystemBy ZeroSystem13 พฤษภาคม 2025
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email
    iphone 16e

    แต่เดิม iPhone ในซีรีส์ SE จะมีจุดเด่นในด้านของสเปคที่ดีในราคาจับต้องง่ายสุดในบรรดา iPhone รุ่นปัจจุบันที่วางขายอยู่พร้อมกัน กับราคาไทยที่เริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาท แต่พอมาเป็นยุคของ iPhone 16e ที่มีการปรับดีไซน์เป็นแบบไร้ปุ่มโฮมเหมือนกับรุ่นหลัก กลับมีราคาที่สูงขึ้นเป็นเริ่มต้น 22,900 บาท ในขณะที่สเปคก็มีการตัดทอนจากรุ่นหลักในหลายจุด จนทำให้หลายคนมองว่ายอมจ่ายเพิ่มเพื่อไปซื้อ iPhone 15 หรือ iPhone 16 ไปเลยดีกว่า

    ในบทความนี้เราจะมาลองดูกันครับว่าถ้ามองจากหลาย ๆ มุม ตัวของ iPhone 16e จะเหมาะกับใครบ้าง กลุ่มไหนที่หากซื้อไปใช้ น่าจะคุ้มเงินสุด

    1) ผู้ที่ต้องการซื้อ iPhone มาใช้ทำธุรกรรม

    แม้ว่ามือถือ Android จำนวนมากในปัจจุบันจะมีระบบความปลอดภัยที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้วก็ตาม บางรุ่นถึงกับมีระบบปิดกั้นการลงแอปแบบใช้ไฟล์ .apk จากนอก Play Store ซึ่งก็ช่วยลดความเสี่ยงในการโดนมัลแวร์เจาะได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ซีเรียสกับเรื่องการทำธุรกรรมผ่านมือถือจริง ๆ ก็ยังมองว่าการหาซื้อ iPhone ซักเครื่องมาเพื่อใช้ในด้านนี้โดยเฉพาะก็ยังคงเป็นเรื่องที่คุ้มกับการลงทุนอยู่ ด้วยความที่ iPhone มีจุดเด่นที่เกี่ยวข้อง เช่น

    1. การอัปเดต iOS ที่นานกว่า

    ถ้าซื้อรุ่นใหม่หน่อย ก็รองรับการอัปเดต iOS ได้นาน เท่ากับยังสามารถอัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่ ๆ ตามได้หลายปี ลดความเสี่ยงที่จะถูกตัดการสนับสนุนจากนักพัฒนาแอป จนไม่สามารถใช้แอปได้ อย่างเช่นแอป K Plus เวอร์ชันล่าสุด รองรับการใช้งานได้ที่ขั้นต่ำ iOS 15 เท่ากับว่าแม้จะเป็น iPhone 6s ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2015 ก็ยังสามารถใช้งานแอป K Plus ได้อยู่ (ช้า/เร็วขนาดไหนก็เป็นอีกประเด็น) ในขณะที่มือถือ Android หลาย ๆ รุ่นที่เปิดตัวในปี 2015 กลับไม่สามารถใช้แอปดังกล่าวได้แล้ว เนื่องจากไม่สามารถอัปเดต Android ขึ้นมาได้ถึงระดับความต้องการขั้นต่ำของแอป

    2. ระบบที่แน่นหนากว่า เสี่ยงต่อมัลแวร์น้อยกว่า

    หากเป็นในอดีต ต้องบอกว่าข้อนี้คือจุดแข็งมาก ๆ ของ iPhone ด้วยการสร้างให้ระบบเป็นแบบปิด สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้ผ่านทาง App Store เท่านั้น การจะติดตั้งส่วนเสริม จะลงโปรไฟล์เพิ่มก็มีวิธีค่อนข้างซับซ้อน จึงทำให้ตัวระบบค่อนข้างปลอดภัย มีอะไรแปลก ๆ มาฝังตัวในเครื่องได้ยาก จึงเป็นจุดที่ทำให้ iPhone เหมาะสำหรับใช้งานที่ต้องการระบบความปลอดภัยสูง เช่น การนำมาใช้ทำธุรกรรมด้านการเงิน การเก็บข้อมูลสำคัญ

    แต่ในปัจจุบัน อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าฝั่ง Android และบริษัทผู้ผลิตมือถือก็มีการพัฒนาระบบด้านความปลอดภัยให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีระบบช่วยปิดกั้นการติดตั้งแอปผ่านการใช้ไฟล์ .apk หรือติดตั้งผ่าน ADB ที่ก็ยังเปิดให้สามารถทำได้อยู่ แต่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงมีการนำ AI มาช่วยตรวจจับความผิดปกติของระบบด้วย ประกอบกับเหล่าผู้ไม่หวังดีก็มีเทคนิคในการเจาะที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ฝั่งของ iPhone เองก็ดูมีภาษีในด้านนี้ลดลงมาบ้างพอสมควร

    แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการออกแบบระบบที่เป็นเชิงปิด รวมถึงการมีระบบช่วยตรวจสอบ แจ้งเตือน ที่ถ้าผู้ใช้ไม่ได้แค่กดข้าม ๆ ไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการใช้งานได้อยู่ไม่น้อย จึงทำให้การซื้อ iPhone ซักเครื่องมาใช้ในการทำธุรกรรมสำคัญ ก็ยังน่าจะเป็นทางเลือกที่ไว้ใจได้อยู่ เช่น อาจจะซื้อมาแล้วลงใช้บัญชี Apple แยกจากเมลหลัก ติดตั้งเฉพาะแอปที่จำเป็น มีช่องทางติดต่อและส่งข้อมูลมาหาเครื่องหลัก/เบอร์หลักที่ใช้ประจำที่ปลอดภัย เท่านี้ก็น่าจะมั่นใจในความปลอดภัยได้มากทีเดียว

    3. ความหลากหลายของระบบมีน้อย ทำให้รับการแก้ไขปัญหาได้ง่ายกว่า

    ด้วยการที่ iPhone ใช้ iOS เป็นระบบปฏิบัติการ ประกอบกับไม่ได้มีความหลากหลายเท่ากับมือถือ Android ที่นอกจากจะมีหลายแบรนด์แล้ว แต่ละแบรนด์ยังมีการทำซอฟต์แวร์มาครอบ OS ไว้ รวมถึงแต่ละแบรนด์ก็มีมือถือหลากหลายรุ่นตามช่วงราคา ซึ่งก็อาจจะได้รับการอัปเดตเวอร์ชันที่ไม่เท่ากัน ฮาร์ดแวร์ก็มีสเปคที่หลากหลาย การใช้ชิปเซ็ตหลายยี่ห้อ จึงอาจทำให้นักพัฒนาแอปตามแก้ปัญหาที่เกิดในแอปของตนเองได้ไม่ทั่วถึง หรือใช้เวลาในการแก้ไขนานกว่า เพราะนอกจากจะต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ยังต้องมีเวลาในการทดสอบ เวลาในการตรวจสอบว่ามันจะไม่เกิดปัญหาใหม่ขึ้นในรุ่นอื่น ๆ อีก

    จึงทำให้ถ้าหากต้องการใช้งานแอปสำคัญ ๆ ได้แบบสบายใจ ถึงมีปัญหาก็สามารถตามแก้ไขได้เร็วกว่า การเลือกใช้ iPhone ก็น่าจะตอบโจทย์ในจุดนี้ได้ดี

    ซึ่งถ้าหากต้องการซื้อ iPhone ซักเครื่องมาเพื่อใช้งานด้านธุรกรรมการเงินเป็นหลัก โดยอาจจะใช้เป็นแค่เครื่องที่เปิดสแตนด์บายไว้ ในขณะที่มือถือเครื่องหลักอีกเครื่องก็อาจจะเป็นมือถือ Android ในแบบที่ตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว การเลือกซื้อ iPhone 16e 128GB ซักเครื่องก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ด้วยสเปคที่จัดว่าค่อนข้างใหม่มาก เพราะได้ชิป A18 ที่รองรับการทำงานไปได้อีกหลายปี อัปเดตได้อีกยาว ส่วน GPU ที่แม้จะมีคอร์ลดลงมาจากชิปในรุ่นหลัก แต่ก็ยังแรงมากพอสำหรับการเล่นเกมบ้างในเวลาว่าง เรียกว่าได้สเปคระดับเรือธงรุ่นใหม่ ๆ ได้อยู่เหมือนกัน คือแรงเกินพอสำหรับใช้ทำธุรกรรม แต่ก็ยังแรงมากพอที่จะสลับมาใช้เป็นเครื่องหลัก เครื่องส่วนตัวได้

    ส่วนหน้าจอก็ได้เป็น OLED ขนาด 6.1″ เท่า ๆ กับ iPhone รุ่นหน้าจอปกติ ซึ่งก็ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป อยู่ในระดับที่กำลังพกพาสะดวก ใส่กระเป๋าข้างก็สบาย ส่วนกล้อง ถ้าไม่ได้เน้นมาถ่ายรูปอยู่แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาเลย แถมมีแค่กล้องเดียว ดูแลง่ายกว่าซะด้วยซ้ำ แต่จุดเด่นที่ชัดมากก็คือเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานกว่า iPhone หลาย ๆ รุ่น ถ้าใช้สแตนด์บายเพื่อรอหยิบมาใช้งาน รับรองว่าอยู่ได้ 2 วันแบบสบาย ๆ หรืออาจจะนานกว่านั้นก็ยังไหว ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน

    2) ซื้อมาให้เด็ก ๆ หรือผู้สูงอายุใช้งาน

    หากครอบครัวเป็นสายที่ใช้ iPhone หรือมีอุปกรณ์ของ Apple หลายชิ้นอยู่แล้ว การเลือกซื้อ iPhone ให้กับบุตรหลานหรือผู้สูงอายุในครอบครัวก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ด้วยความสะดวกในการเชื่อมต่อ การแชร์บริการต่าง ๆ ในครอบครัวที่จะทำได้ง่ายกว่า ซึ่งตัวอย่างของบริการและระบบที่สามารถใช้งานในครอบครัวได้ เช่น

    • ระบบ Find My สำหรับค้นหาตำแหน่งจาก iPhone และอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น AirPods, Air Tag และ iPad
    • ระบบการแชร์คอนเทนต์ที่ซื้อไว้ เช่น เพลง ภาพยนตร์ เกม
    • ระบบช่วยควบคุมและจัดการเวลาการใช้งานแอปต่าง ๆ เช่น การกำหนดระยะเวลาการเล่นเกมให้กับเด็ก ๆ
    • สามารถควบคุมการจ่ายเงินเพื่อซื้อ in-app purchase ได้

    ซึ่งถึงแม้ว่าหลาย ๆ อันจะมีแอปอื่นที่ทำงานทดแทนกันได้บ้างก็จริง แต่การใช้ระบบที่มีอยู่แล้วในเครื่อง ก็จะสามารถควบคุมได้ลึกและเริ่มใช้งานได้ง่ายกว่าด้วย สำหรับการซื้อ iPhone ให้เด็ก ๆ ใช้งาน ตัวของ iPhone 16e ก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้หลาย ๆ ด้าน อย่างสเปคก็สามารถใช้เล่นเกมได้แน่นอน หน้าจอขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เกินไปสำหรับมือและกำลังแขนของเด็ก แบตเตอรี่ที่อยู่ได้นาน รองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลาย และใช้การชาร์จผ่านสาย USB-C ที่สามารถหาหยิบยืมได้ง่าย อีกทางหนึ่งก็คือจากการที่ iPhone 16e รองรับ Apple Intelligence ด้วย ทำให้ตัวเครื่องมีลูกเล่นหลายอย่างที่มากกว่า iPhone 15 ลงมา เช่นมี Image Playground ให้เด็ก ๆ ลองสร้างภาพเล่นจากการใส่ prompt ในแบบที่สามารถจิ้มเลือกได้ง่าย รวมถึงอาจจะมีฟังก์ชันอื่น ๆ เพิ่มมาให้ในอนาคตอีกด้วย

    ส่วนถ้าเป็นการซื้อให้ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุในบ้าน แน่นอนว่าก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน แต่จะมีข้อสังเกตเรื่องขนาดหน้าจอนิดนึง เพราะโดยส่วนมากแล้วขนาด 6.1″ จะค่อนข้างเล็กไปนิดนึงสำหรับสายตาของผู้สูงอายุ แม้จะปรับขนาดตัวอักษรให้มีขนาดใหญ่สุดแล้วก็ตาม สำหรับกรณีนี้อาจจะทดลองดูก่อนว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็อาจจะต้องขยับไปเป็นรุ่นหน้าจอใหญ่กว่า เช่น iPhone 15 Plus เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม iPhone 16e จะมีการตัดระบบหนึ่งไปที่อาจส่งผลกับการนำไปให้เด็ก ๆ หรือผู้สูงอายุใช้งาน นั่นคือการตัดชิป Ultra-Wide Band 2 (UWB 2) ที่ใช้ช่วยเสริมในการหาตำแหน่งในระยะใกล้ไป ทำให้ถ้าหากใช้แอป Find My ในการค้นหา ก็จะเป็นการชี้ตำแหน่งในแผนที่โดยอาศัยข้อมูลของการเชื่อมต่อ cellular และข้อมูล GPS ของเครื่องเป็นหลัก ซึ่งจะได้เป็นตำแหน่งแบบคร่าว ๆ ทำให้เวลาในการค้นหาก็จะยากขึ้นกว่าการใช้ UWB ของทั้งสองเครื่องเชื่อมต่อกัน ที่จะสามารถหาทิศทางและระยะได้อย่างแม่นยำกว่า โดยตามปกติ UWB จะสามารถทำงานได้ในระยะห่างกันประมาณ 30-100 เมตร ขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของชิปและสิ่งกีดขวางสัญญาณ (รีวิว Air Tag)

    ทำให้ถ้าหากต้องการค้นหาตำแหน่ง iPhone 16e ผู้ค้นหาก็จะทราบเพียงตำแหน่งคร่าว ๆ ว่าอยู่ในบริเวณนี้ แล้วพอค้นหาอย่างละเอียดก็จะต้องอาศัยการสังเกตด้วยสายตามากหน่อย ผิดกับถ้ามี UWB ระบบก็จะชี้ทิศทางและบอกระยะห่างให้เลย ตรงนี้ถ้าหากมองว่าฟังก์ชันในการค้นหาตำแหน่งผ่าน Find My เป็นเรื่องสำคัญ ก็อาจจะใช้เป็นการซื้อ iPhone 16e + Air Tag ซักอัน เวลาใช้งานก็พกสองชิ้นนี้ติดตัวไปพร้อมกัน โดยอาจจะใช้ Air Tag มาทำเป็นพวงกุญแจ แบบนี้ก็แน่นอนว่าราคารวมถูกกว่าไปซื้อ iPhone รุ่นอื่น รวมถึงยังมั่นใจด้วยว่า Air Tag จะสามารถชี้ตำแหน่งได้ เพราะมี iPhone อีกเครื่องอยู่ข้าง ๆ ตลอดอยู่แล้ว

    3) กลุ่มนักพัฒนาแอป / developer / ผู้ที่ต้องใช้ iPhone ทดสอบระบบ

    มาถึงกลุ่มสุดท้ายที่น่าจะได้ประโยชน์และความคุ้มค่าจากการซื้อ iPhone 16e มาใช้งาน นั่นก็คือกลุ่มของนักพัฒนาแอปที่แทบจะจำเป็นต้องมี iPhone มาใช้สำหรับทดสอบแอปที่พัฒนาขึ้นมาอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถการันตีได้ว่าแอปพลิเคชันของตนเองจะสามารถทำงานบน iPhone ทุกเครื่องได้อย่างราบรื่น หรือสามารถทดสอบเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่ลูกค้าพบระหว่างการใช้งานได้

    อีกกลุ่มที่น่าจะคุ้มก็คือผู้ที่ต้องการทดสอบระบบต่าง ๆ ว่าสามารถทำงานบน iOS ได้ดีหรือไม่ ซึ่งถ้ามีต้องใช้งานในลักษณะนี้บ่อย ๆ การซื้อ iPhone ไว้ซักเครื่องก็น่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างดี ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้ iPhone 16e ตอบโจทย์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของสเปคที่สดใหม่ แบตอึด มีแรมมาให้ 8GB ซึ่งอยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ตโฟนที่น่าใช้งานในปัจจุบัน รวมถึงยังรองรับการใช้งาน AI อย่าง Apple Intelligence ด้วย ทำให้น่าจะสามารถใช้ในการทดสอบระบบพื้นฐานได้อย่างครบถ้วน หรือถ้าในอนาคตมีการพัฒนาระบบหรือแอปพลิเคชันให้ทำงานร่วมกับ Apple Intelligence ก็ยังสามารถใช้ 16e ในการทดสอบได้โดยอาจไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องใหม่เลย

    ทั้งสามข้อนี้ก็น่าจะเป็นกลุ่มที่น่าจะลงตัวกับ iPhone 16e และน่าจะใช้ได้คุ้มค่า ด้วยราคาค่าตัวที่เปิดมาก็ยังมีส่วนต่างจากรุ่นหลักอยู่หลายพัน แต่ได้เครื่องที่มีสเปคสดใหม่ แบตอึดกว่า iPhone หลาย ๆ รุ่น รองรับการอัปเดตได้อีกหลายปี รูปร่างหน้าตาก็ยังดูไม่เก่ามากนัก จะหาอุปกรณ์เสริมก็ทำได้ง่าย ส่วนฟังก์ชันที่ถูกตัดออกไป เช่น MagSafe, UWB, เลนส์อัลตร้าไวด์ ต่างก็ล้วนเป็นสิ่งที่ค่อนข้างออกไปในทางเสริมประสบการณ์การใช้งาน เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ ไม่ได้ถึงกับเป็นฟังก์ชันหลักที่จะทำให้ใช้งานลำบากในกรณีที่ขาดหายไป จะมีก็แต่ประเด็นของหน้าจอ 60Hz ที่แม้จะดูด้อยกว่ามือถือ Android ก็ตาม แต่หากเทียบในมาตรฐานของ iPhone แล้ว ก็ต้องบอกว่ามันอยู่ในระดับเดียวกันกับ iPhone 16 อยู่ดี เพราะจะมีเพียงแค่รุ่น Pro เท่านั้นที่ได้จอ 120Hz

    ซึ่งถ้าเป้าหมายของการซื้อ iPhone คือต้องการเน้นราคาย่อมเยาแต่ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐาน ตอบโจทย์ในข้างต้นได้ รุ่นที่จะเข้ามาอยู่ในตัวเลือกก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มรุ่นที่ใช้จอ 60Hz เหมือนกันทั้งหมด ทำให้ประเด็นเรื่องหน้าจออาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซักเท่าไหร่

    Apple iPhone iPhone 16E
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    แนะนำ 3 กลุ่มหลักที่เหมาะกับ iPhone 16e – ถ้าซื้อไปใช้ รับรองว่าคุ้ม!

    13 พฤษภาคม 2025

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X