Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»20 เคล็ดลับปรับแต่ง Android ให้เร็ว ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง ตอนที่ 1
    Android Platform

    20 เคล็ดลับปรับแต่ง Android ให้เร็ว ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง ตอนที่ 1

    EDDYBy EDDY29 พฤษภาคม 2021Updated:11 มกราคม 2024
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    รวมเคล็ดลับง่ายๆ สำหรับปรับแต่ง Android ให้เร็วที่คุณเองก็ทำได้แต่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน รับรองว่าชีวิตของคุณจะง่ายขึ้นเยอะ

    ปรับแต่ง Android ให้เร็ว
    รวม 20 เคล็ดลับปรับแต่ง Android ด้วยตัวคุณเอง

    ปรับแต่ง Android ให้เร็วขึ้นนั้นหลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าต้องใช้เวลาหรือทำยาก รวมทั้งอาจจะมีหลายๆ Facebook Page ที่แนะนำไปถึงขึ้นการ Root เครื่องเพื่อโมปรับแต่ง(ซึ่งนั่นทำให้เครื่องของท่านหมดประกันทันที) ทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นบนตัวระบบปฎิบัติการ Android เองนั้นก็มีวิธีการปรับแต่งต่างๆ ซ่อนอยู่มากมายที่จะช่วยให้การใช้งานต่างๆ ของท่านนั้นเร็วและดีมากขึ้นกว่าเดิมได้ ในวันนี้เราจึงขอยกเอา 20 เคล็ดลับปรับแต่ง Android ที่ทำได้ด้วยตัวคุณเองมาให้ทุกท่านได้ศึกษากัน

    ก่อนอื่นที่จะเข้าสู่เคล็ดลับทั้ง 20 วิธีนั้นเราขออธิบายตัวระบบปฏิบัติการ Android ให้ทุกท่านได้รู้จักกันในเบื้องต้นก่อน โดยตัวระบบปฎิบัติการ Android นั้นเป็นระบบปฏิบัติการของผู้พัฒนายักษ์ใหญ๋อย่าง Google ที่ในปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยสาเหตุที่ว่าตัวระบบปฏิบัติการ Android นั้นเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด(Open Source) ที่อนุญาตให้ผู้พัฒนาอื่นสามารถที่จะหยิบเอาไปทำการพัฒนาต่อได้ด้วยตัวเอง(ตัวอย่างเช่น Amazon Fire OS ของ Amazon หรือ Harmony OS ของ Huawei) ทำให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น

    อย่างไรก็ตามผู้พัฒนายังคงสามารถที่จะเลือกอยู่กับ Google ได้อยู่ซึ่งทาง Google ก็จะมีการออกข้อบังคับให้ผู้ที่เลือกที่จะใช้ระบบหลักโดยรวมเป็นของ Google นั้นจะต้องใช้ระบบพื้นฐานของ Android จาก Google ทั้งหมด(โดยผู้พัฒนาจะเลี่ยงไปปรับแต่ง UI มาครอบทับตัวระบบปฏิบัติการ Android ของทาง Google แทนเช่น One UI ของ Samsung เป็นต้น) ดังนั้นแล้วหากท่านใช้สมาร์ทโฟนที่ใช้พื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android โดยเลือกบริการของ Google มาทั้งหมดนั้นก็สามารถที่จะใช้งานเคล็ดลับทั้ง 20 วิธีที่อยู่ในบทความนี้ได้ทันที

    โดยปกติแล้วระบบปฏิบัติการ Android นั้นจะมีหลักการทำงานที่คล้ายๆ กับระบบปฏิบัติการ Windows ของทาง Microsoft อยู่พอสมควร สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ตัวเครื่องช้าลงเลยนั้นก็จะคล้ายๆ กันคือเมื่อใช้ไปนานมากๆ จะมีการสร้างไฟล์ขยะขึ้นมาในตัวเครื่องทำให้กินพื้นที่แหล่งเก็บข้อมูลไป

    นอกไปจากนั้นแล้วอีกหนึ่งจุดเด่นของระบบปฏิบัติการ Android ที่ค่อนข้างจะเหมือน Windows ก็คือการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันพื้นหลังที่เปิดเอาไว้จริงๆ(เสมือนกับว่าเปิดหน้าต่างโปรแกรมหลายๆ หน้าต่างในระบบปฏิบัติการ Windows) ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้นั้นจะใช้ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับการใช้งานแอปพลิเคชันไปมาได้อย่างรวดเร็วแต่นั่นก็แลกมากับการที่มันจะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชันในหน่วยความจำค่อนข้างมาก เป็นผลทำให้สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android ในปัจจุบันนั้นในรุ่นท๊อปๆ ก็จะมาพร้อมกับหน่วยความจำที่มากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องแล้ว

    ด้วยความที่ตัวระบบปฏิบัตการ Android เป็นไปดังที่ได้บอกเอาไว้ในตอนต้นนี้เองทำให้จริงๆ แล้วนั้นทาง Google เองได้มีการใส่ Trick ต่างๆ มากมายเอาไว้ในการใช้งานเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานต่างๆ มาด้วย ซึ่ง Trick ต่างๆ เหล่านี้นั้นนอกจากจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ของตัวระบบได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้วมันยังเป็นการย่นระยะเวลาในการเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ที่เป็นฟีเจอร์หลักของตัวระบบปฏิบัติการ Android อีกด้วย สำหรับ 20 เคล็ดลับที่เราคัดสรรมาจะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย


    • Uninstall แอปพลิชันที่คุณไม่ต้องการทิ้งไป
    • ใช้งานฟีเจอร์ Digital Wellbeing
    • ใช้งาน Phone App คู่กับ Windows 10
    • แก้ไข Quick Settings
    • Install แอปพลิเคชันจาก Play Store ข้ามเครื่องได้
    • Install แอปพลิเคชันจาก Store อื่นๆ
    • ติดตั้ง Launcher ได้หลากหลาย
    • ปรับแต่ง Message Notifications
    • ปรับแต่งหน้า Home และเพิ่ม Widgets
    • เพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลผ่าน MicroSD Card

    1. Uninstall แอปพลิชันที่คุณไม่ต้องการทิ้งไป

    เริ่มต้นกันที่เคล็ดไม่ลับอย่างแรกสุดเลยกับการ Uninstall แอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งานแต่แถมมากับตัวเครื่องทิ้งไป ด้วยสาเหตุที่อธิบายเอาไว้ในตอนต้นแล้วนั้นว่าตัวระบบปฏิบัติการ Android นั้นจะคล้ายๆ กันกับระบบปฏิบัติการ Windows ที่บางแอปพลิเคชันนั้นจะมีการเปิดใช้งานตัวเองอัตโนมัติ ซึ่งนั่นทำให้มันจะถูกเก็บเอาไว้ในหน่วยความจำของตัวเครื่องให้เปลืองไปเปล่าๆ ทั้งๆ ที่ท่านเองอาจจะไม่ได้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวนั้นเลย

    นอกไปจากนั้นแล้วการที่มีแอปพลิเคชันดังกล่าวอยู่ในตัวเครื่องแล้วด้วยนั้นก็ยังเป็นการกินพื้นที่ของแหล่งเก็บข้อมุลของท่านโดยใช่เหตุอีกต่างหาก ซึ่งหากมีมากๆ หลายๆ ตัวแล้วก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาเม็มเต็มหรือ Out of Storage ได้โดยไม่รู้ตัวดังนั้นแล้วหากท่านไม่ใช้งานแอปพลิเคชันอะไรก็สามารถที่จะ Uninstall ทิ้งได้เลยตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชัน Podcast หรือ web browser ตัวอื่นๆ เป็นต้น(หากท่านใช้แค่ Chrome ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องลง browser ตัวอื่นเพิ่ม)

    วิธีการ Uninstall แอปพลิเคชันนั้นให้เข้าไปที่ Settings > Apps แล้วเลือกไปที่แอปพลิเคชันที่ต้องการจะ Uninstall แล้วทำการ Uninstall ได้ทันที

    อีกวิธีหนึ่งที่ง่ายกว่านั้นก็คือให้ท่านจิ้มที่ไอคอนแอปพลิเคชันที่ต้องการจะ Uninstall ค้างเอาไว้สักครู่จนมี pop up เด้วขึ้นมาจากนั้นก็เลือกที่ Uninstall ได้เลยก็ได้เช่นเดียวกัน


    2. ใช้งานฟีเจอร์ Digital Wellbeing

    เปลี่ยนแนวมาดูฟีเจอร์ดีๆ ที่หลายๆ ท่านอาจจะมองข้ามกันไปบ้างกับฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Digital Wellbeing ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาช่วยให้เราๆ ท่านๆ ใช้ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลกับไลฟ์สไตล์ปกติได้แบบลงตัวสุดๆ โดยท่านสามารถที่จะเข้าไปดูฟีเจอร์ดังกล่าวทั้งหมดได้ผ่านทาง Settings > Digital Wellbeing โดยฟีเจอร์หลักๆ ที่มีนั้นจะมีดังต่อไปนี้

    • Dashboard : เป็นหัวข้อที่จะแสดงการใช้งานตัวเครื่องสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตโดยรวมทั้งหมดว่าใน 1 วันนั้นเราใช้งานเครื่องไปนานเท่าไรและการใช้งานนั้นแบ่งออกเป็นแอปพลิเคชันอะไรบ้าง(ที่หน้าจอนี้สามารถช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะ Uninstall หรือ Disable แอปพลิเคชันไหนบ้าง)
    • Bedtime mode : เป็นโหมดสำหรับช่วยในการใช้งานสมาร์ทโฟนช่วงก่อนเข้านอนโดยเมื่อเข้าไปแล้วนั้นจะมี 2 ฟีเจอร์ย่อยคือ Do Not Disturb for bedtime mode หรือปรับให้ตัวเครื่องไม่ทำการแจ้งเตือนใดๆ ในช่วงเวลาที่คุณหลับ(ทำให้หลับได้สนิท) และ Grayscale หรือปรับแสดงผลหน้าจอให้แสดงสีแบบขาวดำเท่านั้นทำให้หากคุณยังคงใช้งานในการอ่านข่าวสาร ฯลฯ ต่างๆ บนตัวเครื่องก็จะทำให้สายตาไม่ถูกแสงสีฟ้ารบกวนทำให้นอนหลับได้ง่ายมากกว่าเดิม
    • Focus mode : เป็นโหมดสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยที่ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟนมาคอยแจ้งเตือนรบกวนเวลาทำงาน โดยในโหมดนี้นั้นเมื่อเข้าไปแล้วตัวเครื่องจะให้คุณตั้งค่าว่าจะแจ้งเตือนเฉพาะแอปพลิเคชันใดๆ ก็ได้ในช่วงเวลาการทำงานตามที่คุณกำหนด

    อย่างที่บอกไปว่าฟีเจอร์ดังกล่าวนี้นั้นจะเน้นการช่วยทางด้านสุขภาพในการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตให้ลงตัวกับการใช้ชีวิตจริงของผู้ใช้มากกว่า ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะมองข้ามฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ไป อย่างไรแล้วนั้นก็ควรลองดูกันเพื่อว่าท่านจะได้ใช้เวลากับคนสำคัญในชีวิตจริงได้มากขึ้นกว่าเดิม


    3. ใช้งาน Your Phone คู่กับ Windows 10

    เคยรู้สึกไหมว่าเวลาทำงานแล้วเราต้องคอยหันหน้าไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีงานอยู่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนแบบสลับไปมาบ่อยๆ นั้นจะทำให้เราใช้พลังงานมากขึ้นกว่าเดิม หากคุณเป็นผู้ใช้ Windows 10 อยู่แล้วล่ะก็ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปด้วยแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Your Phone ที่สามารถติดตั้งได้ผ่านทาง Play Store สำหรับ Android ส่วนบน Windows 10 นั้นจะมีติดตั้งมาให้อยู่แล้ว ทว่าหากไม่มีก็สามารถที่จะติดตั้งได้จาก Store เลย

    สำหรับวิธีการใช้งานนั้นบอกเลยว่าง่ายเอามากๆ โดยในตอนต้นนั้นคุณจะต้องทำการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 เข้าด้วยกันผ่านทางแอปพลิเคชัน Your Phone ก่อน(ตามขึ้นตอนของแอปพลิเคชัน Your Phone บน Windows 10) เมื่อเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นตอนที่คุณทำงานจริงๆ ก็วางสมาร์ทโฟนไปได้เลยเพราะแจ้งเตือนต่างๆ จะถูกถึงขึ้นมาแจ้งผ่านทางแอปพลิเคชัน Your Phone บนหน้าจอ Windows 10 ทั้งหมดแถมที่สำคัญแล้วนั้นก็คือคุณสามารถที่จะทำการตอบข้อความต่างๆ ผ่านทางหน้าจอคอมได้ทันที


    4. แก้ไข Quick Settings

    เคล็ดลับอันดับต่อมานั้นก็คือการทำ Shortcut ให้กับคำสั่งบางคำสั่งหรือการเรียกใช้งานแอปพลิเคชันบางแอปพลิเคชันได้ผ่านทาง Quick Settings ซึ่งจะปรากฏออกมาเมื่อคุณทำการลากแถบ Notifications ลงมา แล้วเลือกที่ได้เครื่องหมายคล้ายดินสอที่อยู่ทางด้านมุมขวาของหน้าต่าง(ดังรูป : แต่สมาร์ทโฟนบางยี่ห้ออาจจะอยู่ทางด้านซ้าย) เมื่อกดเลือกเรียบร้อยแล้วนั้นหน้าจอก็จะแสดงไอคอน Shortcut ทั้งหมดที่มีให้คุณสามารถเลื่อนขึ้นมาไว้ข้างบนได้ทำให้ในการใช้งานนั้นจะสามารถเข้าผ่านทางนี้ได้ทันทีไม่มีความจำเป็นต้องไปนั่งเปิดหาแอปพลิเคชันต่างๆ ให้เสียเวลาหลายรอบอีกต่อไป)

    หมายเหตุ – สำหรับ Shortcut ที่จะมีให้เลือกบน Quick Settings นั้นจะขึ้นอยู่กับทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชันว่าได้มีการใส่เข้ามาไว้หรือไม่ทำให้บางแอปพลิเคชันนั้นก็ยังคงไม่มี ทว่าในส่วนของฟีเจอร์หลักๆ ของตัวระบบปฎิบัติการ Android เองนั้นจะมีให้เลือกเกือบหมดตัวอย่างเช่น Focus Mode หรือ Dark Mode เป็นต้น)


    5. Install แอปพลิเคชันจาก Play Store ข้ามเครื่องได้

    ฟีเจอร์เด็ดอย่างหนึ่งที่ระบบปฏิบัติการ Android ดีกว่า iOS นั้นก็คือมันรองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่าน Play Store แบบข้ามเครื่องได้ตราบใดที่คุณใช้ชื่อบัญชีตอนเปิดเครื่องครั้งแรกเป็น Gmail Account อันเดียวกัน และเมื่อคุณใช้เครื่องใดเครื่องหนึ่งซื้อแอปพลิเคชันไปเรียบร้อยแล้วนั้นอีกเครื่องหนึ่งก็จะสามารถใช้งานแอปพลิเคชันนั้นได้ด้วยเช่นเดียวกันไม่ต้องซื้อใหม่ นอกเหนือไปจากนั้นแล้วคุณยังสามารถที่จะเข้าไป Install แอปพลิเคชันของคุณในเครื่องอื่นๆ ได้เลยจากการเข้าไปที่ Play Store > My apps & Games > Library เรียกได้ว่าบัญชีผู้ใช้เดียวจบครบทุกเครื่องจริงๆ 


    6. Install แอปพลิเคชันจาก Store อื่นๆ

    อีกหนึ่งจุดเด่นของการ Install แอปพลิเคชันบนระบบฏิบัติการ Android นั่นก็คือคุณสามารถที่จะติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมจาก Store อื่นๆ นอกเหนือไปจาก Play Store ของทาง Google ได้เอง(หรือที่เราเรียกกันว่า sideload) ซึ่งตรงนี้นั้นถือว่าเป็นข้อดีอย่างมากเพราะบางแอปพลิเคชันนั้นทาง Google ไม่รองรับให้ลงผ่าน Play Store ทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชันก็จะใช้วิธีในการไปให้โหลดตัวแอปพลิเคชันของตัวเองผ่านทาง Store อื่นๆ แทน ตัวอย่างเช่น AnTuTu Benchmark ชื่อดังหรือจะเป็นเกม Fortnite ของทาง Epic เป็นต้น

    หมายเหตุ – อย่างไรก็ตามแล้วนั้นมีข้อควรระวังก็คือคุณควรเลือกผู้ให้บริการ Store ที่ไว้ใจได้อย่างเช่น APKPure หรือ Up to Down เป็นต้น


    7. ติดตั้ง Launcher ได้หลากหลาย

    ถ้าคุณเป็นคนที่ขี้เบื่อและเบื่อหน้าจอการใช้งานหลักเดิมๆ ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง Android ได้ให้ทางออกกับคุณเอาไว้แล้วนั่นก็คือการติดตั้งใช้งาน Launcher อื่นๆ ที่มีให้เลือกมากมายบน Play Store ไม่ว่าจะเป็น Action Launcher, Apex, the cleverly named Lawn Chair, Lightning, the Microsoft Launcher, Nova, Niagara หรือ Smart Launcher เป็นต้น

    Launcher ต่างๆ เหล่านี้นั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นข้อดีของมันก็คือการที่คุณจะสามารถปรับแต่งหน้าจอของตัวเครื่องได้หลากหลายมากกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นการปรับขยาย Widgets หรือกระทั่งการเปลี่ยนรูปแบบของ icons เป็นรูปอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมทำให้คุณไม่มีเบื่อ นอกไปจากนั้นแล้วบาง Launcher ยังมาพร้อมกับการปรับแต่งเอฟเฟคให้คุณได้เลือกใช้ด้วยอีกต่างหากงานนี้ไม่มีเบื่อแน่นอน

    หมายเหตุ – บาง Launcher นั้นก็เรียกร้องการใช้หน่วยความจำมาก ในขณะที่บาง Launcher ก็เรียกใช้น้อย ดังนั้นก่อนจะเลือกใช้ Launcher ใดควรอ่าน Review ที่มีผู้ใช้อื่นๆ Review เอาไว้ก่อน โดยส่วนตัวแล้วขอแนะนำ Nova Launcher ที่ทั้งเบาไม่กินสเปคเครื่องแถมยังปรับแต่งได้เยอะเอามากๆ


    8. ปรับแต่ง Message Notifications

    ระบบปฏิบัติการ Android นั้นมีการพัฒนาในส่วนของเรื่องการแจ้งเตือนข้อความมาอย่างต่อเนื่องซึ่งต้องบอกเลยว่าบน Android 11 นั้นมีตัวเลือกการปรับแต่งการแจ้งเตือนข้อความที่เยอะเอามากๆ โดยสิ่งหนึ่งที่ทุกท่านจะเห็นได้ชัดเจนหากเครื่องของท่านใช้ Android 11 ก็คือการแจ้งเตือนข้อความสนทนานั้นจะถูกนำเอาขึ้นมาอยู่เป็นหัวข้อแรกของ Notifications Bars ทำให้เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย(แยกกับแจ้งเตือนอื่นๆ เป็นกลุ่มไปเลย)

    นอกไปจากนั้นแล้วบน Android 11 ยังมาพร้อมกับระบบการตอบข้อความแบบใหม่ที่เรียกว่า Bubble โดยเวลาที่มีข้อความเข้ามาแล้วนั้นมันจะทำการแจ้งเตือนมาในรูปแบบของ Chat head(คล้ายๆ กับของ Messengers) ทำให้เราสามารถที่จะเข้าถึงแชทของแต่ละคนแต่ละแอปพลิเคชั้นได้ง่ายกว่าเดิม แต่ทั้งนี้แล้วนั้นฟีเจอร์ Bubble นั้นยังคงจำกัดการใช้งานอยู่กับบางแอปพลิเคชันเท่านั้นเพราะต้องรอให้ทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชันพัฒนาให้แอปของตัวเองรองรับฟีเจอร์นี้ก่อนถึงจะใช้งานได้(ตรงนี้นั้น Line ยังไม่รองรับซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมาก)


    9. ปรับแต่งหน้า Home และเพิ่ม Widgets

    ระบบปฏิบัติการ Android นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์การปรับแต่งหน้าจอที่หลากหลายอย่างการย้าย Icon การรวมกลุ่ม Icons รวมไปถึงการเพิ่ม Widgets(ที่ชาว iOS พึ่งจะมีให้ใช้งานกันก็ตอน iOS 14 ที่ผ่านมา) สิ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือการเพิ่ม Widgets ต่างๆ เข้าไปบนหน้าจอไม่ว่าจะเป็นปฏิธิน, แผนที่ ฯลฯ จะทำให้การทำงานของท่านนั้นเร็วมากขึ้นกว่าเดิมแถมบาง Widgets นั้นก็สามารถสั่งการต่างๆ แบบสำเร็จรูปผ่านทาง Widgets ได้เลยไม่มีความจำเป็นต้องเปิดแอปพลิเคชันหลักขึ้นมาอีกต่อไป

    หมายเหตุ – การเพิ่ม Widgets จะทำให้ตัวเครื่องใช้หน่วยความจำมากขึ้นดังนั้นแล้วก็ไม่ควรเพิ่มจนมากเกินไปเพราะบางแอปพลิเคชันนั้นตัว Widgets เขาก็ทำเป็นเสมือนแอปพลิเคชันหลักย่อๆ มาให้เราได้ใช้งานผ่านหน้าจอซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำงานอยู่ตลอดเวลานั่นเอง


    10. เพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลผ่าน MicroSD Card

    ปัญหา Out of Storage นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เก็บข้อมูลเอาไว้ในเครื่องมาก ดังนั้นแล้วสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android จึงมาพร้อมกับข้อดีบางอย่างนั่นก็คือการให้ Slot สำหรับเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลผ่านทาง MicroSD Card ได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นคงต้องยอมรับว่า MicroSD Card ความจุ 256 GB มีราคาถูกลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วหากสมาร์ทโฟนของคุณสามารถที่จะเพิ่มแหล่งเก็บข้อมุลผ่านทาง MicroSD Card ได้ก็ให้ทำการซื้อ MicroSD Card มาเพิ่มดีกว่า(และมันยังช่วยทำให้ข้อมูลของคุณอย่างเช่นรูปภาพและวีดีโอต่างๆ นั้นเก็บไว้ใน Card ทำให้ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนเครื่องใหม่หรือเผลอทำเครื่องเดิมพังก็ยังมีข้อมูลสำรองเอาไว้ไม่ต้องเสียเงินง้อระบบ Cloud โดยใช่เหตุ



    อ่านบทความเพิ่มเติม/เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

    • รวมมือถือ Snapdragon ซีรี่ส์ 800 ทั้งหมดที่มีขายในไทย [อัพเดต พ.ค. 2564]
    • Infinix เตรียมปล่อย HOT 10S ชิป Helio G85 และจอ 90Hz พร้อมขาย 6 มิ.ย. นี้
    • รวมวิธีเช็คเม็มทุกระบบทุกอุปกรณ์ กันไว้ก่อนที่จะเต็ม
    • วิธี Backup iPhone และกู้คืน iPhone ทั้งบน iCloud/ลงคอมฯ ป้องกันข้อมูลหายหรือย้ายไปเครื่องใหม่
    • สุดยอด Emulator สำหรับเล่นเกมยุค 90 หรือ ยุค 2000 ในปัจจุบัน
    Android trick and tip ทริค ปรับแต่ง
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    EDDY

    Related Posts

    วิธีลบโพสในเฟสทั้งหมด ลบโพสและรูปทีละเยอะๆ และซ่อนโพส Facebook ไม่ให้คนอื่นเห็นทำยังไงในโทรศัพท์

    19 พฤษภาคม 2025

    รวมโทรศัพท์ Samsung ทุกรุ่นพร้อมราคาล่าสุดกลางปี 2025 ที่วางขายมีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง

    19 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 10 โทรศัพท์ซัมซุงราคาไม่เกิน 5000-10000 บาทปี 2025 รุ่นไหนดี สเปคครบในงบเบาๆ

    17 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    Worldwide Developers Conference ของ Apple จะเริ่มต้นในวันที่ 10 มิถุนายน

    21 พฤษภาคม 2025

    หลุดภาพ สเปค Redmi Pad 2 แท็บเล็ตรุ่นเน้นคุ้ม คาดเปิดตัวปลายปีนี้

    21 พฤษภาคม 2025

    Apple ประกาศวันจัดงาน WWDC25 เตรียมเปิดตัว iOS 19 และซอฟต์แวร์อื่นแบบครบชุด

    21 พฤษภาคม 2025

    เปลี่ยนหน้าจอไอโฟนราคาเท่าไหร่ปี 2025 และราคาเปลี่ยนกระจกหลังไอโฟนราคาล่าสุดเท่าไหร่บ้าง

    20 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X