สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง ดังนั้นแล้วการทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานกับเราได้ยาวนานที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่าเราจะยืดอายุของแบตเตอรี่ได้อย่างไรกันบ้าง
การออกจากบ้านในขณะที่แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนกำลังจะหมดคือฝันร้าย ผู้ใช้ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นและเวลาในการชาร์จที่รวดเร็ว หลายคนใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับการเดินทางกลางแจ้งเพื่อรักษาการเข้าถึงแบบดิจิทัลจากสมาร์ทโฟน(ใช้ Power bank)
นั่นคือเหตุผลที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยการออกแบบโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพพร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นและความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถปรับปรุงอายุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนได้ด้วยการปฏิบัติตามพฤติกรรมการชาร์จต่อไปนี้
- อย่าใช้เครื่องชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน
- หลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วเว้นแต่ว่าสมาร์ทโฟนของคุณรองรับ
- หลีกเลี่ยงการใช้งานแบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยง
- หลีกเลี่ยงการชาร์จมากเกินไป
- ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นก่อนชาร์จ
- หลีกเลี่ยงวงจรการชาร์จ/การคายประจุที่สมบูรณ์
- อย่าเล่นเกมขณะชาร์จ
- อย่าปล่อยให้สมาร์ทโฟนของคุณร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป
- เปิดใช้งาน Dark Mode และลดความสว่างหน้าจอของคุณ
- ชาร์จเพียง 85% เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
- ปิดการระบุตำแหน่งและคุณสมบัติไร้สายชั่วคราว
อย่าใช้เครื่องชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน
ในปัจจุบันนี้นั้นมีผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนิยมไม่แถมที่ชาร์จมาให้ในกล่องจำหน่ายสมาร์ทโฟนมากขึ้น นั่นทำให้เกิดปัญหาที่ผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ ต้องหาซื้อที่ชาร์จมาใช้งานแทน หากคุณต้องการยืดอายุแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นแล้วล่ะก็ควรใช้ที่ชาร์จที่แนะนำและจัดหาโดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของคุณเสมอ
วิธีนี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นหากสมาร์ทโฟนของคุณรองรับการชาร์จเร็ว เครื่องชาร์จของแท้คุณภาพดีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นและดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและที่ชาร์จได้รับการออกแบบและทดสอบร่วมกัน จึงมีแนวโน้มที่จะทำงานได้อย่างเหมาะสมที่สุด
อย่าใช้ที่ชาร์จของเพื่อนหากไม่ได้ใช้เครื่องรุ่นเดียวกัน ที่สำคัญก็คืออย่าใช้ที่ชาร์จจากบริษัทที่ไม่ได้มีการรับรองจากผู้ผลิต(หรือใช้มาตรฐานเดียวกันกับระบบชาร์จของสมาร์ทโฟน) ที่ชาร์จราคาถูกจนเกินจริงอาจทำให้แบตเตอรี่ของคุณเสื่อมได้เร็วมากขึ้นนอกไปจากนั้นแล้วยังอาจส่งผลกับชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ในสมาร์ทโฟนได้อีกด้วยต่างหาก
หลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วเว้นแต่ว่าสมาร์ทโฟนของคุณรองรับ
ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีชาร์จเร็วมีออกมามากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ แต่ละบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต่างก็พยายามที่จะทำเทคโนโลยีการชาร์จเร็วของตัวเองออกมากันเต็มไปหมด ในที่สุดแล้วถึงแม้ว่าผู้ใช้จะได้ผลดีแต่มันก็มีข้อเสียอยู่ตรงที่ทำให้ที่ชาร์จของสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องนั้นมักจะใช้งานร่วมกันโดยใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วไปด้วยไม่ได้(ลองดู รู้ไว้!! เทคโนโลยีชาร์จเร็ว (FAST CHARGE) มีกี่แบบ ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง)
การชาร์จอย่างรวดเร็วจะทำให้แบตเตอรี่ร้อนขึ้นมากกว่าที่ชาร์จทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่มักจะสึกกร่อนเนื่องจากปฏิกิริยาออกซิเดชันจากความร้อน น่าเสียดายที่มันเป็นปัญหาทั่วไปสำหรับแบตเตอรี่จำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะใช้เครื่องชาร์จแบบเร็วในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดคือสมาร์ทโฟนของคุณต้องรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วนั้นๆ หรือคุณสามารถอาจเพิ่มความเร็วในการชาร์จโดยเปิดโหมดประหยัดพลังงานหรือโหมดใช้งานบนเครื่องบิน และปล่อยโทรศัพท์ไว้เฉยๆ ในขณะที่กำลังชาร์จจะช่วยทำให้แบตเตอรีมีอายุการใช้งานนานมากกว่าเดิมได้
หลีกเลี่ยงการใช้งานแบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณไม่หมดเกลี้ยงเพราะการที่แบตเตอรีหมดส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของสารเคมีภายในแบตเตอรี่(ที่เป็นแบตเตอรี่เทคโนโลยีที่นิยมใช้กันในยุคปัจจุบัน) ซึ่งยากต่อการแก้ไข ความไม่สมดุลนี้ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ลดลง
ดังนั้นแล้วคุณจะต้องชาร์จสมาร์ทโฟนบ่อยๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้แนะนำว่าหลังจากที่แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหมดเกลี้ยงจนเครื่องปิดไปเองแล้วนั้นคุณควรปิดเครื่องแบบนั้นแล้วชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้จนกว่ามันจะเต็ม 100% แล้วค่อยนำมาใช้งาน
หลีกเลี่ยงการชาร์จมากเกินไป
อย่าชาร์จสมาร์ทโฟนข้ามคืนขณะนอนหลับ การชาร์จมากเกินไปทำให้เกิดความร้อนภายในแบตเตอรี่ ซึ่งอาจทำให้องค์ประกอบของอิเล็กโทรไลต์ภายในแบตเตอรี่เปลี่ยนแปลง และในบางกรณีอาจทำให้เกิดแก๊สออกมาและแบตเตอรี่จะเกิดกาการบวม ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยตรง
ความร้อนที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่เท่านั้น แต่มันยังส่งผลเสียต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ใกล้เคียงของอุปกรณ์ของคุณด้วย
ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นก่อนชาร์จ
คุณมีแนวโน้มที่จะเปิดแอปพลิเคชันหลายตัวจากการใช้งานโดยปกติของคุณอยู่แล้ว(ทั้งอาจจะโดยตั้งใจและไม่รู้ตัว) ซึ่งทุกๆ แอปพลิเคชันนั้นจะได้รับส่วนแบ่งในการประมวลผลและการใช้หน่วยความจำที่สร้างภาระการประมวลผลบนสมาร์ทโฟน(อยู่ตลอดเวลา) แน่นอนว่าการทำงานต่างๆ เหล่านี้ย่อมต้องใช้งานพลังงานจากกระแสไฟฟ้าโดยดึงออกมาจากแบตเตอรี่ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะปิดแอปพลิเคชันในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน
หลีกเลี่ยงวงจรการชาร์จ/การคายประจุที่สมบูรณ์
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน(Li-ion) ที่ใช้ในสมาร์ทโฟนให้ประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถเก็บประจุที่ความจุสูงสุดสำหรับรอบการชาร์จ/คายประจุเฉลี่ย 400-500 รอบ แต่ละรอบการชาร์จ/คายประจุจะทำให้การชาร์จสึกหรอในแบตเตอรี่ หากคุณใช้สมาร์ทโฟนนานกว่าสองสามปี คุณจะสังเกตได้ว่าความจุของแบตเตอรี่จะลดลงเมื่อเทียบกับตอนที่ยังใหม่ๆ
ดังนั้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน ให้หลีกเลี่ยงการชาร์จ/คายประจุจนเต็ม การคายประจุบางส่วนจะส่งผลดีกว่าสำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เพราะฉะนั้นแล้วควรชาร์จเมื่อแบตเตอรี่อยู่ที่ระดับประมาณ 20% และไม่ควรชาร์จให้ระดับแบตเตอรี่เกิน 85%
อย่าเล่นเกมขณะชาร์จ
หลีกเลี่ยงการเล่นเกมและแอปพลิเคชันหนักๆ (กินไฟ) ขณะที่สมาร์ทโฟนของคุณกำลังชาร์จ เกมและแอปต้องการพลังในการประมวลผลซึ่งต้องใช้พลังงานไฟฟ้าผ่านแบตเตอรี่ การเล่นเกมหรือแอปพลิเคชันหนักๆ จะทำให้สมาร์ทโฟนร้อน ความร้อนนี้จะไปเพิ่มอุณหภูมิให้กับกระบวนการชาร์จที่ร้อนอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของสมาร์ทโฟนเสียหายได้
อย่าปล่อยให้สมาร์ทโฟนของคุณร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป
อย่าให้สมาร์ทโฟนของคุณร้อนขึ้นภายใต้แสงแดด, ใกล้เครื่องทำความร้อนหรือเตาอบ เนื่องจากสมาร์ทโฟนจะระบายความร้อนออกได้ช้าขึ้นเมื่อเจอความร้อนจัดจากภายนอก โดยสิ่งดังกล่าวข้างต้นนี้นั้นส่งผลต่อแบตเตอรี่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะเดียวกับการชาร์จมากเกินไปหรือการใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ไม่รองรับ จนก่อให้เกิดความเสียหาย ในทำนองเดียวกันอย่าเก็บโทรศัพท์ไว้ในที่เย็นจัดเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจทำให้อิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่แข็งตัวได้(อันเป็นผลให้ไม่สามารถที่จะแตกตัวมาใช้งานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น)
เปิดใช้งาน Dark Mode และลดความสว่างหน้าจอของคุณ
การตั้งค่าความสว่างหน้าจอของคุณอาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความสว่าง) ตั้งค่าความสว่างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในการใช้สมาร์ทโฟน นอกไปจากนั้นคุณยังสามารถใช้โหมดมืด(Dark mode) เพื่อลดการใช้แบตเตอรี่ได้อีกด้วยต่างหาก
ชาร์จเพียง 85% เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ขณะชาร์จสมาร์ทโฟน คุณอาจสังเกตเห็นว่าแบตเตอรีโทรศัพท์ชาร์จอย่างรวดเร็วจาก 20% เป็น 50% แต่จะใช้เวลานานกว่ามากเมื่อชาร์จจาก 70% เป็น 100% เป็นผลให้ประสิทธิภาพการชาร์จลดลง และการสึกหรอของแบตเตอรี่จะสูงเมื่อสมาร์ทโฟนเข้าใกล้ “แบตเตอรี่เต็ม” ดังนั้น แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ให้สูงถึง 85% เพื่อลดการสึกหรอของแบตเตอรี
ในส่วนของสมาร์ทโฟนจากทาง Samsung นั้นยังมีคุณสมบัติ “ปกป้องแบตเตอรี่(Protect Battery)” ในสมาร์ทโฟน ซึ่งจำกัดการชาร์จแบตเตอรี่สูงสุดไว้ที่ 85% เพื่อลดการสึกหรอของแบตเตอรี เนื่องจากความจุของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนส่วนใหญ่ในการเก็บประจุสูงสุดจะลดลงหลังจากรอบการชาร์จ 500 รอบ การป้องกันแบตเตอรี่อาจลดกระบวนการเสื่อมสภาพและเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้
ปิดการระบุตำแหน่งและคุณสมบัติไร้สายชั่วคราว
บางแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนใช้ตำแหน่งอุปกรณ์สำหรับบริการ อย่างไรก็ตามผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ อาจไม่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันและบริการดังกล่าวตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณนอนหลับ ในทำนองเดียวกัน คุณสมบัติไร้สาย เช่น Wi-Fi ข้อมูลมือถือ และบลูทูธ อาจไม่จำเป็นตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น การจำกัดคุณสมบัติเหล่านี้หรือปิดเมื่อไม่ต้องการสามารถช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้
ที่มา : makeuseof