ก็เรียกได้ว่าเปิดตัวมาได้พักหนึ่งแล้วสำหรับแพลตฟอร์ม BlackBerry 10 ที่ RIM ตั้งใจส่งลงมาสู้กับสมาร์ทโฟนแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานหลักๆ ให้เน้นการใช้งานด้วยระบบสัมผัสมากกว่าการใช้ปุ่มอย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งคีย์บอร์ดอันเป็นจุดเด่นไปซะทีเดียว เพราะมันยังมีติดตั้งมาให้ในหลายๆ รุ่นอยู่เช่นเคย เพียงแต่ RIM จะดันระบบสัมผัสให้มีความโดดเด่นมากขึ้น โดยฟีเจอร์ใน BlackBerry 10 ที่น่าสนใจก็ได้แก่
Gesture
เนื่องด้วยคอร์หลักของระบบถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานด้วยจอสัมผัส ไม่ว่าจะการเปิดหน้ารวมแอพจากหน้าโฮม การสลับแอพ การสลับไปยังหน้า inbox ที่ใช้แสดงการอัพเดตจากเครือข่ายออนไลน์หลายๆ แห่งรวมกัน เช่น อีเมล, IM, Facebook, Twitter ล้วนแล้วแต่ใช้การปาดหน้าจอ (swipe) ด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้สามารถใช้งานระบบได้ง่ายและไหลลื่นกว่าที่เคย ซึ่งหัวหน้าของส่วนซอฟต์แวร์จาก RIM ได้ให้ความมั่นใจเลยว่า ถ้าผู้ใช้ได้ลองใช้แล้ว จะไม่อยากเลื่อนมือจากจอไปไหนเลยทีเดียว
คีย์บอร์ด
คีย์บอร์ดที่ใช้ในการเดโมนี้เป็นคีย์บอร์ดบนจอสัมผัสที่ RIM ตั้งใจพัฒนามาให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่แตกต่างจากคีย์บอร์ดแบบปุ่มจริงๆ อย่างที่หลายคนคุ้นเคย แต่ยังมีการเพิ่มความสามารถในการจดจำและเรียนรู้คำศัพท์ที่ผู้ใช้พิมพ์บ่อยๆ เพื่อจะได้ใช้คำนั้นในการแนะนำระหว่างการพิมพ์ อันจะทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะมีการเรียนรู้ทั้งจากคำที่ผู้ใช้พิมพ์ และการเรียนรู้จากอีเมล, ข้อความแชท, SMS รวมไปถึงข้อความทั้งหมดที่เราเคยพิมพ์บนเครื่องเลยทีเดียว ซึ่งจะทำให้รูปแบบการแนะนำคำศัพท์เป็นรูปแบบที่ค่อนข้างเฉพาะตัวแต่ละคนกันไป
ส่วนการใช้งานคีย์บอร์ดนั้น ก็สามารถสลับไปพิมพ์อักขระอื่นๆได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่นถ้าต้องการพิมพ์ตัวเลข ก็เพียงแค่ปาดคีย์บอร์ดลงไปด้านล่าง ถ้าต้องการพิมพ์สัญลักษณ์ต่างๆ ก็แค่ปาดลงมาอีกครั้ง รวมไปถึงการลบตัวอักษรก็แค่ปาดนิ้วจากด้านขวาไปซ้ายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมาคอยจิ้มๆๆๆ ปุ่มลบอย่างที่เราใช้กันในปัจจุบัน
ก็เป็นอีกส่วนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ เพราะ BlackBerry 10 จะมาพร้อมกับการถ่ายภาพแบบ Burst mode (ถ่ายรัว) เช่นเดียวกับที่มีในสมาร์ทโฟน HTC One และ Samsung Galaxy S III ซึ่งใน BlackBerry 10 นี้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกภาพที่ต้องการจากการถ่ายรูปแบบปกติได้ เพราะระบบจะแอบถ่ายภาพแบบ Burst mode เอาไว้ในการถ่ายภาพทุกครั้งถ้าเปิดใช้งานระบบ Burst mode จากนั้นผู้ใช้ก็จะสามารถเลือกช็อตที่ตนเองชอบเก็บไว้เป็นภาพได้ ซึ่งภาพที่กล้องจะถ่ายเก็บไว้จะเริ่มตั้งแต่ก่อนผู้ใช้จะกดถ่ายไปจนถึงหลังจากกดถ่ายไปแล้วระยะหนึ่ง
แต่ในเครื่องสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมจะยังไม่มีการใส่ฟีเจอร์นี้ลงไป เพราะ RIM ต้องการจะพัฒนาให้ตัวระบบมีความง่ายกับผู้ใช้และสามารถมอบประสบการณ์การถ่ายรูปที่ดีให้กับผู้ใช้ จึงต้องใช้เวลาในการพัฒนาซักนิดนึง
ที่มา : CNET