ล้ำหน้าเข้าไปอีกขั้นแล้วสำหรับ AIS ที่ล่าสุดได้มีการเปิดตัวบริการ 4.5G ครั้งแรกของโลกเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานดาต้าความเร็วสูงบนมือถือ และนอกจากนี้ยังพร้อมที่จะเริ่มให้บริการ 4.5G เชิงพาณิชย์เป็นรายแรกของโลกอีกด้วย โดยความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้นั้นอยู่ที่ 550 Mbps และจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็น 1 Gbps ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นโดยการร่วมมือกันของทาง AIS และ Huawei ที่ได้คิดค้นจนออกมาเป็นเครือข่ายอัจฉริยะ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทย อย่างเช่นเรื่องของการให้บริการวิดีโอความละเอียดสูง หรือ การใช้งานแอปพลิเคชันในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น Virtual Reality หรือ Drone เป็นต้น และทุกวันนี้ AIS 4G Advance จัดได้ว่าเป็นโครงข่าย 4G ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยยอดผู้ใช้งานรวมกว่า 5.6 ล้านเลขหมาย
ซึ่งเทคโนโลยีเบื้องหลังของ 4.5G ประกอบไปด้วย Carrier Aggregation (1800+2100)+4*4MIMO และนวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง LTE-U/LAA ที่จะเป็นการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาติให้ใช้งาน บวกกับคลื่นความถี่สาธารณะอย่างเช่น Wi-Fi เพื่อใช้ในการรับส่งสัญญาณ และนำทั้งสองอย่างนี้มารวมกัน จนได้ความเร็วที่มากขึ้น แต่มือถือของเราก็จะต้องรองรับการทำ Carrier Aggregation ด้วยอีกเช่นกัน และคุณสมบัติที่ทาง AIS ได้พัฒนาขึ้นนั้นมีดังต่อไปนี้
- Download Carrier Aggregation (CA) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การรวมคลื่นความถี่ปัจจุบันเข้ากับคลื่นความถี่สาธารณะในการให้บริการ เพื่อประสบการณ์การดาวน์โหลดที่แรงมากกว่าเดิม
- Upload Carrier Aggregation (CA) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้การรวมคลื่น 2 ความถี่ในการให้บริการ เพื่อการอัพโหลดที่เร็วแรงขึ้นมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า
- Download MIMO 4×4 เป็นเทคโนโลยีที่สามารถรับส่งสัญญาณจากสถานีฐานด้วยการใช้งานระบบ 4 เสา สามารถรับส่งข้อมูลได้ในจำนวนมากๆพร้อมๆกัน เปรียบได้กับการทำถนนเป็น 4 ชั้นเพื่อให้รถจำนวนมากๆวิ่งได้พร้อมกัน เพื่อเพิ่มประสบการณ์การดาวน์โหลดที่ แรงขึ้นอีก 2 เท่า
- Download Modulation 256QAM / Upload Download 64QAM เป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลจำนวนมากๆ เปรียบได้กับการที่รถบรรทุก ที่สามารถจุของได้เยอะในการวิ่ง 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มประสบการณ์การดาวน์โหลดที่ แรงขึ้นอีก 30%
สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป จะเริ่มมีอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ออกวางจำหน่าย และเครือข่าย AIS 4.5G จะใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่รองรับทันที โดยไม่ต้องมีการตั้งค่าใหม่หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด และจะเน้นพื้นที่ให้บริการในกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อนในช่วงแรก ซึ่งทาง AIS ได้มีแผนการที่จะจะขยายไปในจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีการใช้งานด้านข้อมูลสูงต่อไป
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pantip.com
ที่มา AIS