หนึ่งในผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของ Apple ในปีนี้ ที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ของการเปิดตัว รวมไปถึงสร้างกระแสความสนใจขึ้นมาได้ไม่น้อยก็คือส่วนของ iPod Touch ที่ล่าสุดได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 5 แล้ว โดยใช้ชื่อเรียกง่ายๆ ว่าเป็น iPod Touch Gen 5 และแน่นอนว่า SpecPhone เราก็สนใจจะหยิบมารีวิวด้วยเช่นกัน ก่อนจะรีวิว เรามาดูวิวัฒนาการแบบคร่าวๆ ของ iPod Touch กันก่อนดีกว่าครับ
ถ้าดูจากหน้าตาของ iPod Touch แต่ละรุ่นแล้ว จะพบว่า iPod Touch Gen 5 นี้เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ทั้งในเรื่องของขนาดหน้าจอที่ขยายขึ้นมาเป็น 4″ เท่ากับ iPhone 5 ฝาหลังที่มีการเปลี่ยนวัสดุ และปิดท้ายด้วยเรื่องสีสันที่มีให้เลือกมากกว่าเดิมที่มีเพียงขาวและดำ ทำให้ iPod Touch Gen 5 นี้มีจุดที่น่าสนใจในหลายๆ ส่วนมากทีเดียว
ซึ่งสีที่มีให้เลือกนั้นมีให้เลือกตั้งแต่สีดำ สีเทาที่เป็นสองสีคลาสสิก ไปจนถึงสีสันฉูดฉาดอย่างชมพู เหลืองและฟ้า นอกจากนี้ยังมีสีแดงซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มของโครงการ PRODUCT RED อีก โดยมีความพิเศษกว่ารุ่นปกติคือ Apple จะหักเงินจากราคาเครื่องที่เราจ่ายไปส่วนหนึ่งไปสมทบทุนโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ในแอฟริกา ซึ่ง Apple ได้เข้าร่วมโครงการนี้มาหลายปีแล้ว
นอกจากนี้ความพิเศษของรุ่นสีแดงหรือ PRODUCT RED นั้น ก็คือมันจะไม่มีวางจำหน่ายในร้านทั่วไป จะมีให้สั่งซื้อแต่ใน Apple Store Online เท่านั้น ไม่ว่าจะทั้ง iPod Touch, iPod nano, iPod Shuffle, เคส iPad และเคสบัมเปอร์ของ iPhone
คลิปพรีวิว iPod Touch Gen 5 จากต่างประเทศ
ด้านของสเปก iPod Touch Gen 5 นั้น ก็เป็นอีกส่วนที่ได้รับการปรับปรุงจากรุ่นเก่า โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- ชิปประมวลผล Apple A5 ความเร็ว 800 MHz (ชิปตัวเดียวกับ iPad 2 แต่ความเร็วน้อยกว่า)
- RAM 512 MB
- ความจุที่มีให้เลือกคือ 32 กับ 64 GB
- หน้าจอพาเนล IPS ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 1136 x 640 ความคมชัดอยู่ในระดับ Retina Display เท่ากับ iPhone 5
- กล้องหลังความละเอียด 5 MP
- กล้องหน้าความละเอียด 1.2 MP
- น้ำหนักตัวเครื่อง 88 กรัม
- ราคารุ่น 32 GB : 9,900 บาท
- ราคารุ่น 64 GB : 13,500 บาท
เริ่มจากการแกะกล่องก่อนเลย โดยตัวของ iPod Touch Gen 5 เครื่องนี้ ทางทีมงานเราสั่งตรงมาจาก Apple Store Online (วิธีการสั่งซื้อผ่าน Apple Store Online) โดยมีทาง DHL เป็นผู้นำมาส่งให้ถึงออฟฟิศ? ซึ่งกล่องพัสดุจะมาเป็นรูปร่างดังในภาพด้านบนครับ มีการปกป้องตัวกล่อง iPod Touch ไว้ในระดับหนึ่ง
เมื่อหยิบกล่องออกมา พบว่าตัวกล่องก็ยังคงเป็นพลาสติกใสเช่นเดียวกับ iPod Touch รุ่นก่อนๆ โดยจากในภาพข้างบนเป็นการนำมาเปรียบเทียบกับกล่องของ iPod Touch Gen 2 เครื่องเก่าของผมเองครับ
ุถึงเวลาแกะกล่อง iPod Touch Gen 5 กันบ้าง ข้างในก็จะมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
- iPod Touch Gen 5
- หูฟัง EarPods แบบไม่มีไมค์และรีโมท โดยใส่มาในกล่องกระดาษอ่อน ไม่มีฝาพลาสติกปิด
- สาย Lightning to USB
- สายคล้องแขน (Loop)
- คู่มือและเอกสารเล็กน้อย
- สติ๊กเกอร์โลโก้ Apple
การแกะ iPod Touch ออกมาจากแท่นรองพลาสติกนั้น ให้ง้างพลาสติกใสทางด้านที่มีพอร์ต Lightning ออกดังภาพตัวอย่างด้านบนครับ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถนำเครื่องออกมาได้โดยง่ายแล้ว แต่ถ้าไปฝืนดึงออกด้วยวิธีอื่น รับรองว่าเหนื่อยแน่ๆ แถมตัวเครื่องอาจจะเป็นรอยด้วยก็ได้
ด้านของอุปกรณ์เสริมที่ให้มาภายในเครื่องครับ มีการจัดสรรพื้นที่ภายในมาพอดีๆ โดยตัวของหูฟัง EarPods นั้นถูกเก็บมาในกล่องกระดาษสีขาว ดูแล้วน่าจะเป็นกระดาษรีไซเคิล แน่นอนว่าคงไม่สะดวกกับการใช้เก็บหูฟังหลังใช้งานซักเท่าไร เช่นเดียวกับตัวสาย Lightning ที่ใช้เป็นการมัดมาด้วยกระดาษแข็งและแถบกาว ทำให้หลังจากแกะกระดาษออกแล้ว จะไม่สามารถปิดกลับไปอย่างเดิมได้ ผิดกับใน iPhone 5 ที่ใช้แถบพลาสติกใสในการมัดสาย Lightning เอาไว้ด้วยกัน ส่วนสาย Loop นั้นก็แค่พับขดมาเล็กน้อยให้สวยงามแค่นั้นครับ
มาเริ่มเปิดเครื่องกันดีกว่า ขั้นตอนแรกก็คือลอกแผ่นพลาสติกด้านหน้าเครื่องออก
เมื่อเปิดเครื่องจะพบกับคำว่า iPod และให้เราสไลด์เพื่อแถบด้านล่างเพื่อทำการตั้งค่าการใช้งานเครื่อง เช่นการล็อกอินบัญชี iCloud / Apple ID ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้งาน iDevice ไปแล้ว
มาดูหน้าจอกันแบบชัดๆ ครับ รวมไปถึงภาพด้านล่างนี้ด้วย โดยถ้าในเรื่องของความรู้สึกหลังการจับและใช้งานมาระยะหนึ่ง สิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคือน้ำหนักของเครื่องที่เบามาก สามารถถือเล่นเกมได้อย่างสบายๆ
จอของ iPod Touch Gen 5 นี้ใช้พาเนลแบบ IPS ที่ให้ข้อดีคือสีสันที่แม่นยำ คมชัด และมุมมองของจอที่กว้างกว่าจอพาเนล TN ปกติ ที่มักเห็นกันตามจอของอุปกรณ์ทั่วไป ส่วนเรื่องโทนสีของจอนั้น เครื่องที่เราได้รับมาก็ขาวค่อนข้างปกติ ออกไปทางโทนสีฟ้าเล็กน้อย แต่ถ้าใช้งานธรรมดานั้น ก็จัดว่าเป็นจอที่ให้สีออกมาได้ดีที่สุดจอหนึ่งของอุปกรณ์พกพาแล้วครับ ทั้งด้านสีสัน ความคมชัดและแสงสว่าง
ส่วนเรื่องความละเอียดจอนั้น iPod Touch Gen 5 ใช้จอที่มีขนาดและความละเอียดที่เท่ากับ iPhone 5 ทำให้ไม่มีข้อแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากนัก สามารถใช้งานแอพพลิเคชันเดียวกับที่ใช้งานบน iPhone 5 ได้อย่างไม่มีปัญหาด้านการแสดงผลเลย (แอพไหนที่รองรับแล้วก็แสดงได้เต็มจอ แอพไหนที่ยังไม่รองรับก็จะมีขอบดำเล็กน้อย)
กล้องหน้าของ iPod Touch Gen 5 นี้มีความละเอียดถึง 1.2 MP เรียกได้ว่าชัดเกินกว่าในอุปกรณ์กลุ่มโมบายล์หลายๆ เครื่องอยู่พอสมควร ซึ่งคุณภาพของภาพที่ออกมาก็ขึ้นอยู่กับสภาพแสงเป็นหลักครับ ถ้าแสงดี ภาพก็ออกมาโอเคในระดับหนึ่งเลย
ปุ่มโฮมด้านล่างก็ยังคงใช้เป็นรูปแบบเดิม
มาดูด้านหลังกันบ้าง เนื่องด้วยเครื่องที่เราสั่งเป็นเครื่องในกลุ่ม PRODUCT RED ดังนั้นสีจึงเป็นสีแดงสดอย่างที่เห็น ยิ่งถ้าอยู่ในที่มีแสงสว่าง ก็จะยิ่งแดงสดเข้าไปอีก บางทีก็ถึงขั้นแสบตาได้เลย เหมาะกับคนที่ต้องการอุปกรณ์สีสันสดใสเตะตามากๆ
วัสดุที่ใช้เป็นฝาหลังของ iPod Touch Gen 5 ก็คืออะลูมิเนียมที่ผ่านการอะโนไดซ์มาแล้ว ผิวเรียบเนียนน่าสัมผัสมาก ขณะชาร์จไฟ ถ้าบ้านไม่มีสายดิน รับรองว่ามีไฟดูดกันบ้างแน่ๆ ครับถ้าเราไปจับตัวเครื่องส่วนที่เป็นอะลูมิเนียม (ผมลองมาแล้ว) ส่วนเรื่องการเป็นรอยขีดข่วนนั้น เท่าที่ใช้มาหนึ่งสัปดาห์ไม่พบว่ามีร่องรอยเกิดขึ้นแต่อย่างใดครับ
รายละเอียดอื่นๆ ของฝาหลังนั้น ขอไล่ไปทีละจุดนะครับ เริ่มด้วยมุมซ้ายบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหลังซึ่งจะนูนออกมาจากฝาหลังพอสมควร แต่ก็มีขอบอะลูมิเนียมสีเทาช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ตาม ขณะใช้งานคงต้องระวังกันซักหน่อยนะครับ เพราะมีโอกาสที่ตัวกระจกปิดหน้ากล้องจะไปกระแทกกับวัตถุอื่นได้เหมือนกัน ถัดมาทางขวาของกล้องก็จะเป็นแฟลช LED ทำให้ iPod Touch Gen 5 เป็น iPod Touch รุ่นแรกที่มีแฟลชสำหรับถ่ายรูปติดมาให้ ส่วนแถบดำๆ ทางขวาสุดนั้นเป็นแถบพลาสติกที่ภายในจะมีเสาสัญญาณ WiFi อยู่
ด้านล่างของฝาหลังนั้น มีส่วนที่เป็นจุดเด่นของตัวเครื่องอยู่ตรงมุมซ้าย นั่นคือจุดวงกลมสีเทา นั่นก็คือจุดที่ใช้สำหรับแขวนสาย Loop นั่นเอง โดยตัวหมุดนั้นทำมาจากอะลูมเนียมสีเทา ดูตัดกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
ตัวอย่างขณะใส่สาย Loop ครับ โดยตัวสายนั้นทำมาจากผ้ากำมาหยี่ ด้านนอกเรียบเนียน ด้านในเป็นขุยๆ เล็กน้อย เพื่อให้ไม่ลื่นเวลากคล้องกับแขน ส่วนที่เป็นหัวของสายจะมีความแข็งกว่าปกติเล็กน้อย ตรงปลายจะช่องจะมีขนาดเล็กลงเพื่อให้สามารถล็อกสาย Loop เข้ากับตัวแกนของหมุดได้
ภาพข้างบนนี้ก็เป็นตัวอย่างการใช้งานสาย Loop ครับ รวมไปถึงภาพความสูงของตัวหมุดหลักจากกดขึ้นมาแล้ว ซึ่งถ้าจะใช้งานก็เพียงแค่กดลงไปหนึ่งครั้ง หมุดก็จะเด้งขึ้นมา ถ้าต้องการเก็บลงไปก็ให้กดไปที่ตัวหมุดอีกครั้ง ส่วนถ้าใช้งานสาย Loop อยู่ จะไม่สามารถกดหมุดลงไปได้ เพราะหัวของสายจะค้ำหมุดอยู่
ส่วนข้างของตัวเครื่องก็ใช้อะลูมิเนียมอะโนไดซ์เนื้อเดียวกับฝาหลัง โดยมีจุดน่าสนใจดังนี้
- ด้านบนของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด/ปิดอยู่ทางฝั่งขวา (หันจอเข้าหาตัว)
- ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต Lightning และช่องลำโพงที่ให้เสียงแบบ Mono เสียงที่ได้จากลำโพงจะแหลมกว่า iPhone เล็กน้อย แต่มีน้ำหนักของเสียงน้อยกว่าพอสมควรเลย
- ด้านซ้ายของเครื่องมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
มาดูความหนาของตัวกล้องกันเล็กน้อยครับ ถ้ากะด้วยสายตาก็คือหนาจากฝาหลังขึ้นมาประมาณ 1 มิลลิเมตร เตี้ยกว่าหมุดสำหรับคล้องสาย Loop ที่ดันตัวขึ้นมาอยู่เล็กน้อย
น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ราว 88 กรัมตามที่เว็บไซต์ Apple แจ้งครับ (เครื่องชั่งมีโอกาสคลาดเคลื่อน น้ำหนักจึงไม่เท่ากับในเว็บ)
ทีนี้เรามาเทียบกับ iPhone 5 กันบ้าง พบว่าความสูงของตัวเครื่องนั้นพอๆ กัน
ส่วนถ้าดูความบาง จะพบว่า iPod Touch Gen 5 มีความบางกว่า iPhone 5 อยู่เล็กน้อย
ต่อไปเรามาดูเรื่องซอฟต์แวร์และประสิทธิภาพของ iPod Touch Gen 5 กันหน่อยครับ
ตัวของ iPod Touch Gen 5 นั้น ล็อตแรกๆ จะมาพร้อมกับ iOS 6.0 แต่หลังจากนี้ไปซักระยะหนึ่งน่าจะมาพร้อมกับ iOS 6.0.1 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุดในขณะนี้ โดยความจุของรุ่น 32 GB นั้น เมื่อใช้งานจริงจะเหลือพื้นที่อยู่ราว 28 GB
จุดหนึ่งที่ผู้ใช้ iPod Touch Gen 5 ทุกท่าต้องรับทราบก็คือตัว iPod Touch Gen 5 นี้ไม่ได้มีการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดแสงมาให้ เนื่องจากตัวเครื่องที่บางมากจนไม่มีพื้นที่เหลือให้ติดตั้งได้ ทำให้ระบบไม่สามารถปรับแสงสว่างของหน้าจอให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เลย ดังนั้นใครที่ต้องพกพา iPod Touch Gen 5 ไปใช้ต่างสถานที่ เช่น ใช้งานภายในอาคาร จากนั้นก็ออกมาเดินกลางแจ้งบ่อยๆ อาจจะลำบากพอสมควรเลย เพราะต้องมาคอยกดเข้า Settings เพื่อปรับระดับความสว่างหน้าจออยู่ตลอด
ซึ่งส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนมากนักกับการที่ระบบไม่สามารถปรับระดับแสงสว่างอัตโนมัติได้ แต่เอาจริงๆ แล้ว Apple ก็ควรจะเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้ เช่นอาจจะสร้างส่วนที่ใช้ปรับแสงสว่างหน้าจอให้สามารถเข้าไปปรับได้ง่ายกว่าต้องมาเข้า Settings > Brightness & Wallpaper แทบทุกครั้งที่ต้องปรับความสว่างหน้าจอ เช่น อาจจะนำแถบปรับความสว่างหน้าจอไปแอบไว้ที่แถบ Notifications ก็ได้ (จะโดนฟ้องว่าคล้าย Android เปล่าหว่า)
ลองทดสอบการเปิดหน้าเว็บดูครับ ก็ไม่ต่างกับ iPhone 5 เท่าไร เนื่องด้วยขนาดหน้าจอและความละเอียดหน้าจอที่เท่ากัน
ส่วนต่อมาเป็นภาพถ่ายที่ได้จากกล้องหลังของ iPod Touch Gen 5 ครับ
ภาพที่ได้จาก iPod Touch Gen 5 ก็จัดได้ว่าค่อนข้างน่าพอใจสำหรับการถ่ายในที่มีแสงสว่าง สีสันดูคมเข้มพอสมควร โดยเฉพาะการดูจากหน้าจอของ iPod Touch เอง แต่ถ้าต้องถ่ายในที่ที่มีแสงน้อย จะพบว่าภาพดูสว่างก็จริง แต่ก็เป็นการสว่างเนื่องจากการเร่ง ISO ผสมกับการลดความเร็วชัตเตอร์ลงมา ทำให้ผู้ถ่ายจำเป็นจะต้องวางมือให้นิ่งพอสมควร เพื่อให้ภาพที่ออกมาไม่ดูสั่น แต่อย่างไรก็ตามคงต้องทำใจกับเรื่อง noise ที่เกิดขึ้นในภาพด้วยครับ
ตัวอย่างไฟล์ภาพถ่ายจาก iPod Touch Gen 5 :?http://www.mediafire.com/?adgetcwi60lprmh
มาดูเรื่องของผลเทสประสิทธิภาพกันบ้าง เริ่มจากแอพ GeekBench ก่อนเลย พบว่า iPod Touch Gen 5 สามารถทำคะแนนได้ 623 คะแนน อยู่ในระดับใกล้ๆ กับ iPhone 4S ที่ใช้ชิปประมวลผล Apple A5 เช่นเดียวกัน
BrowserMark
เป็นการทดสอบการประมวลผลชุดคำสั่งต่างๆ ผ่านทางเว็บเบราเซอร์ของเครื่อง ซึ่งคะแนนที่ได้นั้น ยิ่งเครื่องไหนได้คะแนนมาก ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพที่สูงกว่า
SunSpider
เป็นการทดสอบการประมวลผลชุดคำสั่ง Javascript แล้วนับเวลาที่ประมวลผลชุดคำสั่งทั้งหมดเสร็จ ใช้เวลาเป็นหน่วยมิลลิวินาที โดยยิ่งเครื่องไหนใช้เวลาในการประมวลผลน้อย ก็แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของชิปประมวลผลที่ดีมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าในเรื่องของการประมวลผลของ CPU ตัว Apple A5 ที่ทำงานด้วยความเร็วเพียง 800 MHz คงจะสู้ชิปอื่นที่ใหม่กว่า สดกว่า และทำงานด้วยความเร็วที่สูงกว่าได้ไม่เต็มที่นัก
GLBenchmark 2.1 : High
เป็นการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกของ GPU ซึ่งในการทดสอบนี้จะมีเรื่องของความละเอียดหน้าจอเข้ามาเป็นปัจจัยด้วย ดังนั้นอาจจะไม่สามารถเทียบประสิทธิภาพระหว่างเครื่องได้โดยตรง แต่จะเป็นการชี้วัดมากกว่าว่าเครื่องนั้นๆ สามารถแสดงผลได้ลื่นมากน้อยเพียงใด โดยยิ่งตัวเลข (fps) สูงเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่ายิ่งลื่นขึ้นเท่านั้น
ซึ่งตัว iPod Touch Gen 5 ก็ทำไปได้ 58 fps เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ลื่นทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยพื้นที่แสดงผล (ความละเอียดหน้าจอ) ที่น้อยกว่าเครื่องอื่นๆ ด้วย จึงอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ได้ fps ที่สูง
GLBenchmark 2.1 : Offscreen
ส่วนในการทดสอบนี้ จะเป็นการทดสอบโดยบังคับให้ระบบเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดเดียวกัน ดังนั้นจึงสามารถใช้ทดสอบประสิทธิภาพของ GPU ได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีปัจจัยเรื่องความละเอียดจอเข้ามาเกี่ยว
ผลออกมาก็คือ iPod Touch Gen 5 สามารถแสดงผลออกมาได้เฟรมเรตที่ 40 fps น้อยกว่า iPhone 5 ถึงเกือบสองเท่าครึ่งเลย
ด้านระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่?จากเท่าที่ใช้ฟังเพลง เล่นเกม ต่อ WiFi เล่น social network บ้าง ก็พบว่าสามารถใช้งานได้เป็นวันๆ ได้อย่างสบายๆ แถมยังเหลือข้ามไปอีกวันได้อย่างไม่มีปัญหาเลย และยิ่งถ้าใครมีไว้ใช้แค่ฟังเพลงเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องกังวลเลยครับ อยู่เป็นสัปดาห์ ก็ยังไหว (ถ้าไม่ต่อ WiFi นะ)
ด้านเสียง ขอพูดในแง่การฟังเสียงด้วยหูฟังนะครับ จากเท่าที่ทดลองใช้ฟังเพลงแทน iPhone 4 ด้วยหูฟังตัวเดียวกัน พบว่าเสียงที่ได้จาก iPod Touch Gen 5 จะดูแห้งกว่า น้ำหนักของเสียงน้อยกว่า iPhone 4 เล็กน้อย รายละเอียดเสียงค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยถ้าให้สรุปง่ายๆ ก็คือเสียงจะออกแนวใสๆ แห้งๆ เล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการฟังเพลงแบบเน้นเสียงร้องครับ เพราะมันค่อนข้างเด่นออกมาพอสมควร
ความร้อนขณะใช้งาน ถ้าใช้งานทั่วๆ ไปเช่นฟังเพลง เล่นเน็ต Facebook Twitter จะรู้สึกว่ามันไม่ร้อนเลย แต่ถ้าใช้งานกราฟิก เช่นเล่นเกมหนักๆ จะพบว่าหลังเครื่องมีบางจุดที่อุ่นๆ ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนจี๋จนแตะไม่ได้ครับ ข้อนี้สามารถป้องกันได้โดยการใส่เคส ซึ่งจะช่วยให้ไม่ร้อนมือเราก็จริง แต่แง่หนึ่งก็คือมันเป็นการปิดความร้อนให้อยู่แต่ภายในเคสด้วยเช่นกัน
สรุป
iPod Touch Gen 5 เครื่องนี้จัดว่าเป็นอุปกรณ์สร้างความบันเทิงให้กับผู้ใช้ได้ดีทีเดียว เนื่องด้วยจุดเด่นหลักก็คือน้ำหนักที่เบา ตัวเครื่องบาง ทำให้สามารถจับถือได้เป็นระยะเวลานานๆ ได้โดยไม่เมื่อย และยิ่งใครที่ชอบเล่นเกมบน iOS จะยิ่งรักมันเข้าไปใหญ่ เนื่องด้วยความง่ายในการจับถือนี่เอง แถมยังสามารถเล่นเกมแทบจะทั้งหมดได้อย่างไหลลื่น และคาดว่าจะยังเล่นเกมได้ลื่นไปอีกอย่างน้อยก็ปีกว่าๆ เลยทีเดียว เพราะชิป Apple A5 ยังมีการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ยังมีขายอยู่อย่าง iPad 2 และมีอยู่ใน iPad mini ด้วย
ซึ่งถ้านับฟีเจอร์กันจริงๆ แล้ว จัดว่าแทบจะไม่แพ้ไปจาก iPhone เลย เสียก็ตรงที่ไม่สามารถใส่ซิมเพื่อโทรหรือเล่น 3G ได้ จึงอาจจะทำให้ลำบากเวลาเล่นขณะเดินทางอยู่บ้าง เพราะไม่สามารถใช้เน็ตได้จากตัวเครื่องเอง ดังนั้น iPod Touch Gen 5 จึงน่าจะเหมาะกับผู้ที่มีโทรศัพท์ที่ตนเองพึงพอใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหนก็ตาม แต่อยากได้อุปกรณ์เอาไว้ฟังเพลง เล่นเกมแก้เหงาขณะอยู่ว่างๆ เพราะ iPod Touch สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี แถมยังดีด้วยตรงที่สามารถเล่นได้อย่างแทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่โทรศัพท์เลย ต่างจากเวลาเล่นเกมจากมือถือที่ต้องคอยระวังว่าอย่าให้แบตเตอรี่หมด ยิ่งสมาร์ทโฟนสมัยนี้แบตอยู่ได้ 1 วันก็เก่งแล้วแบบนี้ด้วย
ถ้าถามว่าคุ้มกับค่าตัว 9,900 บาทมั้ย ในแง่ของราคาถ้าเทียบกับ iPod Touch Gen 4 ก็ต้องจับตัวความจุ 32 GB เท่ากันราคาปัจจุบันมาเทียบครับ จะพบว่ามันต่างกันอยู่ 1,400 บาท ซึ่งในแง่ของ 1,400 บาทนี้ผมว่าคุ้มเลยทีเดียว เพราะได้ทั้งประสิทธิภาพของเครื่องที่ดีขึ้น รูปร่างหน้าตาดีไซน์ใหม่ที่บางและเบากว่าเดิม กล้องหลังที่ได้รับการพัฒนามาเต็มๆ หน้าจอที่มีพื้นที่แสดงผลกว้างขึ้น ซึ่งเท่านี้เมื่อเทียบกับ iPod Touch รุ่นเก่าก็ถือว่าคุ้มแล้ว สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ iPod Touch อยู่แล้ว
ส่วนคนที่ยังไม่ได้ต้องการจะซื้อแต่กำลังตัดสินใจอยู่ ต้องมองจุดประสงค์ของตัวเองกับอุปกรณ์ที่มีในมือก่อนครับ เบื้องต้นก็คือดูว่าเราต้องการนำ iPod Touch มาใช้ทำอะไร ถ้าต้องการเล่นเกมบน iOS ต้องการฟังเพลงนานๆ หรือใช้เป็นอุปกรณ์แก้เบื่อระหว่างรอก็จัดว่าเหมาะมากทีเดียว เพราะไม่ต้องกังวลว่าแบตมือถือจะหมด แต่กับใครที่ไม่ได้มีความจำเป็น คิดว่ามือถือของตนก็ใช้ฟังเพลง เล่นเกม ตอบสนองความต้องการได้ดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ครับ เพราะบางที iPod Touch จะยิ่งมาเพิ่มความไม่สะดวกในการใช้งานซะอีกด้วย เช่นเล่นๆ อยู่ระหว่างนั่งรถแล้วอยากเข้าเน็ต จะต่อเน็ตผ่าน iPod Touch ในมือเลยก็ไม่ได้ ต้องหยิบมือถือขึ้นมาอีก
ข้อดี
- บาง
- เบา
- เร็ว
- ใช้พอร์ต Lightning ที่สามารถเสียบสายใช้งานได้ง่าย
- กล้องถ่ายรูปได้รับการพัฒนาจาก iPod Touch รุ่นเดิมมาก
- มีสายคล้องมาให้ในตัว
- วัสดุผิวฝาหลังน่าจะดีกว่า iPhone 5
ข้อสังเกต
- ไม่มีระบบปรับแสดงสว่างจอตามสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ
- ถ้าใส่ซิมแล้วใช้งาน 3G ได้จะเวิร์คมากๆ (ขอแค่ใช้เน็ต ไม่จำเป็นว่าต้องโทรได้)