ถึงเเม้ว่า Motorola จะล้มหายตายใจไปบ้านเราหลังจากยุคเเห่งความรุ่งเรืองของ MOTORAZR ได้จางหายไปตามกาลเวลา หลังจากนั้น Motorola เองก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่นัก จนกระทั่งได้ Android มาใช้ซึ่งก็สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้พอสมควร โดยเฉพาะยุคของ Dual Core ในปีนี้ Motorola เองก็ได้ออก Flagship มาสองตัว ตัวหนึ่งนั้นก็คือ Motorola Atrix นั้นเองครับ ซึ่งถ้านับเวลาออกจากต่างประเทศเเล้ว ตัวนี้ถือเป็นตัวที่สองเลยก็ว่าได้ที่เป็น Dual Core ส่วนตัวเเรกนั่นก็คือ LG Optimus 2X นั่นเอง เเล้วตัว Atrix จะมีอะไรเทคโนโลยีดีพอที่จะต่อกรกับคู่เเข่ง Dual Core ไหม หรือเเบรนด์สุดขลังยี่ห้อนี้จะเสื่อมความนิยมไปเเล้ว
Hardware
*เเก้คำพูดผิดในวีดีโอนะครับ ตัวนี้กล้อง 5 ล้านพิกเซลนะครับ
กล่องของ Atrix นั้นก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร มาเเบบบ้านๆ ครับ ชุดนี้ก็มีของมาตามมาตรฐาน ปลั๊กหัวเเปลง USB, สาย micro USB, สาย micro HDMI ก็มีมาให้ด้วย หูฟังสมอลทอล์กเเละก็คู่มือครับ
การออกเเบบโดยรวมคล้ายกับ Motorola Defy เพียงเเต่เปลี่ยนวัสดุเป็นพลาสติกเท่านั้น ปุ่มข้างล่างเป็นเเบบสัมผัส สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือกล้องหน้าความละเอียด VGA นี่เอง ส่วนกล้องหลังก็มากับ Dual LED Flash พร้อมกับกล้องความละเอียดห้าล้านพิกเซล ฝาหลังเองก็เป็นพลาสติกพิมพ์ลายเช่นกัน ถึงเห็นจะเป็นลวดลายเหมือนขรุขระเเต่จริงๆ เเล้วเป็นเเบบเรียบครับ น้ำหนักค่อนข้างเบาเนื่องจากเป็นพลาสติกทั้งตัวครับ เเต่งานประกอบเเน่นหน้าดี ฝาหลังถอดได้ง่าย ไม่ต้องออกเเรงเยอะ เวลาถอดหรือใส่นี่กรึ๊บๆ ลงล็อกง่ายมาก
จุดเด่นอีกอย่างที่เจ้าอื่นไม่มีก็คือระบบสเเกนนิ้วมือ ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่มเปิดปิดด้วย สามารถใช้ตั้งเพื่อความปลอดภัยในการเข้าถึงได้ (โอเวอร์ไปไหม) โดยการสเเกนนี้ไม่ใช่เเค่การเเตะเฉยๆ นะเเต่ต้องมีการลากนิ้วด้วย เพราะพื้นที่ของ Fingerprint มีจำกัด อาจจะสงสัยว่าถ้าเกิดลายนิ้วมือเกิดเพี้ยนหรือมีปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง ก็ไม่ต้องห่วงเพราะว่าเวลาใส่ลายนิ้วมือเข้าไป ระบบจะให้ตังค่า PIN เป็นเลข 4 หลักเพื่อเป็นตัวเลือกในการอันล็อคเครื่องได้เช่นกัน เเต่เวลาใช้งานจริงๆ พบว่าการลากนิ้วไปมามันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้เป็นบุคคลระดับ Top Secret อาจจจะไม่จำเป็นต้องใช้เลยก็ได้ ;P
ลำโพงหลังเเบบ mono คุณภาพเสียงโอเค ไม่อายชาวบ้านเวลาเปิดดังๆ
เเบตเตอรี่ขนาด 1930 mAh ถือว่าเยอะที่สุดของสมาร์ทโฟน Android เเล้วในตอนนี้
ปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ทางด้านขวา ปกติเเล้วเราจะเห็นอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนตัวพอร์ท micro HDMI, micro USB ซึ่งเอาไว้ต่อกับ Lapdock หรือ Multimedia Dock ที่ขายเเยกต่างหากได้
โดยรวมเเล้วก็ถือว่าไม่ต่างกับตัวรุ่นก่อนหน้าคือ Motorola Defy มากนักในเเง่ความรู้สึกการใช้งาน เเต่ก็เพิ่มมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือในเรื่องของขนาดหน้าจอที่มากขึ้นกว่าเดิม มีกล้องหน้า ระบบ Fingerprint เเละพอร์ท HDMI ครับ
NVIDIA Dual Core Platform ? Tegra 2 + ULP Geforce
ในสภาวะของ Dual Core ตอนนี้นั้น ทำให้สภาวะของสมาร์ทโฟนดูครึกครื้นมากขึ้น(รึเปล่า) เพราะจากคำบอกเล่าของผู้ผลิตเเต่ละค่ายเองต่างก็ให้ข้อมูลกันมากมายว่ามันเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงระดับ 200 ? 300% กันเลยทีเดียว เเต่ในโลกเเห่งความเป็นจริงคงไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น เเต่ในการอธิบายปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นนั้น ก็ต้องทำความเข้าใจกับสภาวะ Hardware Fragmentation ที่หนักขึ้นกว่าเดิมของ Android – -a เพราะผู้ผลิตเเต่ละรายใช้ซีพียู Dual Core เเตกต่างกันได้อีก เเละจะมีปัญหาเฉพาะเกมส์เท่านั้นเเต่ไม่มีกระทบกับการใช้งานทั่วไป
Manufacturer | Partner | Example Devices | Processor | GPU | Gaming Support |
NVIDIA | LG, Motorola Samsung | LG Optitmus 2X, Motorola Atrix | NVIDIA Tegra 2 | ULP Geforce | Low |
TI OMAP | BlackBerry, Nokia, LG | LG Optimus 3D, BlackBerry Playbook | TI OMAP 4430 | PowerVR SGX540 | High |
Qualcomm | HTC, Sony Ericsson | HTC Sensation, Sony Ericsson Xperia Duo (Unconfirmed) | Qualcomm MSM8260 | Adreno 220 | High |
ARM | Samsung (Exclusive) | Samsung Galaxy S II | Exynos 4210 | Mali 400-MP | Low |
ในกรณีของ NVIDIA นั้นถือเป็น Dual Core ที่ออกมาตัวเเรกก็คือช่วงต้นปี เเละถือว่าเป็นน้องใหม่ในวงการตัวประมวลผลของระดับอุปกรณ์พกพาสายสมาร์ทโมนเเละเเท็บเล็ต ซึ่งบริษัทนี้จริงๆ เเล้วถ้าใครพอรู้จักฮาร์ดเเวร์ของคอมพิวเตอร์ก็คงเคยได้ยินชื่อของ NVIDIA ในฐานะของ Graphic Card ที่มีมาตั้งเเต่ระดับหลักพันจนไปถึงหลักหมื่น ซึ่งพอ NVIDIA ขยายลงมาในอาณาเขตนี้อย่างเต็มตัวเเล้วก็คงเป็นที่น่าสนใจว่าจะทำได้ดีเเค่ไหนกัน
เนื่องจากสถาปัตยกรรมภายในของ NVIDIA Tegra นั้นถือว่าเป็นน้องใหม่ในตอนนี้ ทำให้ Platform ของ Tegra ยังมีเกมส์รองรับเป็นจำนวนน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับทั้งหมด สำหรับเกมส์สองมิติอย่าง Angry Bird, Battle Heart นั้นไม่มีปัญหาในการเล่นเเต่อย่างใด เเต่สำหรับเกมส์สามมิติ โดยเฉพาะของ Gameloft เกมส์ที่เล่นได้มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งต่างกับตัวที่ใช้ตัวประมวลผลกราฟฟิคอย่าง Adreno หรือ PowerVR จะสนับสนุนกับเกมส์ทั่วไปมากกว่า โดยเฉพาะถ้าซื้อมาด้วยเหตุผลทางด้านเกมส์ ต่อให้เครื่องเเรงเเค่ไหน เเต่เปิดเกมส์ไม่ได้ ก็เหมือนรถสปอร์ตที่น้ำมันหมดครับ
จากที่ลองได้ใช้งานอย่างจริงจังเเล้ว ถ้าถามว่า Dual Core จำเป็นสำหรับทุกคนไหม คำตอบคงคือว่าไม่ เพราะเพียงสมาร์ทโฟนตัวระดับกลางอย่าง LG Optimus Black, HTC Incredible S ก็สามารถตอบสนองทั้งเกมส์เเละการใช้งานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก เพียงเครื่องระดับกลางตอนนี้ก็สามารถเเสดงผลได้สบายๆ อยู่เเล้ว เเต่สำหรับ Dual Core นั้นก็คงเป็นที่เเน่นอนเเล้วว่าอนาคตยังไงก็มา ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เเต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องการเเสดงผลสามมิติ ซึ่งส่วนมากถูกใช้ในเกมส์เเล้ว ถือว่าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้
ปัญหาในเรื่องของเกมส์นั้น NVIDIA เองก็ทราบปัญหาตรงนี้ จึงได้จัดทำ Tegra Zone ขึ้นมาเพื่อเป็นเเหล่งรวมเกมส์ที่รับรองว่าสามารถเล่นบน Tegra 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกมส์ในตอนนี้ก็มีจำนวนน้อยถ้าเทียบกับเกมส์ของ Android ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยระยะเวลาสักระยะหนึ่ง จึงจะมีคนพัฒนาเกมส์มาลงมากพอ ซึ่งก็ถือเป็นปัญหา Hardware Fragmentation ของ Android นอกจากเรื่องเฟิร์มเเวร์ของ Android ที่บางรุ่นก็ไม่สามารถรับอัตเดทตัวใหม่ได้
ดังนั้นถ้าใครคิดจะซื้อ Motorola Atrix ของ LG Optimus 2X รวมไปถึง Samsung Galaxy S II? นั้นควรคำนึงไว้ก่อนครับว่าบางเกมส์สามมิติที่คุณอยากจะเล่น(ตอนนี้)นั้นอาจจะเล่นไม่ได้ เเละต้องรอผู้พัฒนาอัพเดทเพื่อรองรับเครื่องของคุณ เเต่ถ้าเกมส์ไหนที่สามารถเล่นได้ เรื่องของการเเสดงผลนั้นถือว่าทำได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนระดับกลางเเน่นอนทั้งในเเง่ของความเร็วเเละรายละเอียดต่างๆ ของเกมส์ที่สวยงามมากขึ้น เเต่ในเเง่การใช้งานทั่วไปเเล้ว ถึงเเม้ว่าจะเร็วขึ้นก็จริง เเต่ก็ไม่ถึงขั้นกับว่าเเตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เเต่ก็ทำให้การใช้งานทั่วไปราบลื่นขึ้น จากเดิมที่อาจจะมีอาการโหลดค้างซักสองวินาที ตอนนี้อาจจะไม่จำเป็นต้อรอ? ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรอมส่วนหนึ่งด้วยว่าทำออกมาได้ดีเเค่ไหน เเต่สหรับ Motorola Atrix นั้น ถือว่าทำออกมาได้เสถียร เเละเร็วเป็นที่น่าพอใจ ถือว่าพอๆ กับ Motorola Defy เเต่ต้องอย่างลืมว่า Atrix นี่หน้าจอเป็นเเบบ qHD คือ 960 x 540 พิกเซลจึงต้องอาศัยพลังประมวลผลมากกว่าเดิม เมื่อรวมๆ กันจึงถือว่าเร็วไม่ต่างกับ Defy มากนัก เเต่จะได้ข้อได้เปรียบตรงหน้าจอที่เเสดงรายละเอียดได้มากขึ้น ไม่ต้องเลื่อนไปมาเพื่อดูเนื้อหาบ่อยๆ
สรุปก็คือ NVIDIA Tegra 2 นั้นยังเป็นเเพลตฟอร์มที่ค่อนข้างใหม่ เเละยังไม่ดึงดูดใจนักพัฒนาเกมส์มากพอที่จะมาลงทุนพัฒนาเพิ่ม เเต่ในอนาคตนั้น เกมส์ที่ใช้งานบน Tegra 2 รวมไปถึง Exynos นั้นก็คงมีจำนวนมากขึ้นกว่าตอนนี้ เเต่จึงเหมือนซื้อมาเเต่ยังใช้ได้ไม่ครบเงิน เเต่ถ้าจะซื้อมาเผื่อใช้ไว้ยาวๆ ในอนาคตเเล้ว เเล้ว Dual Core ก็เป็นตัวเลือกที่เลือกได้เเบบไม่ต้องคิดครับ อย่างน้อยก็อยู่ได้ถึงปีหน้าอย่างเเน่นอน ซึ่งเหมือนกับ HTC Desire HD ที่เป็นตัวไฮเอนด์ของปีที่เเล้ว
ในกรณีที่ผู้ใช้มีความรู้พอสมควร ก็สามารถรูทเครื่องเเละลง Chainfire 3D เพื่อปรับเเต่งให้เล่นเกมส์สามมิติที่มีปัญหาได้เหมือนกัน เเต่คงไม่เขียนในบทความนี้เนื่องจากไม่เกี่ยวกับตัวของ Atrix ครับ
Pentile LCD Display : ข้อดีหรือข้อเสีย
ในเชิงเทคนิคนั้น หน้าจอของ Motorola Atrix นั้นใช้การเรียงเม็ดสีเเบบ Pentile นั่นคือโดยปกติเเทนที่จะใช้ RGB เพื่อเเสดงสีทั้งหมด เเต่การเรียง subpixel เเบบ Pentile นั้นจะมีเม็ดพิกเซลที่ใหญ่กว่าเดิม สิ่งที่เเตกต่างจากการเรียง subpixel เเบบปกติสองอย่างใหญ่ๆ คือ
- อย่างในภาพตัวอย่างนั้นในเเนวนอน การเรียงพิกเซลเเบบปกตินั้นจะมีจำนวน 12 พิกเซล เเต่การเรียงเเบบ Pentile นั้นใช้เพียง 8 เท่านั้น เท่ากับว่าลดจำนวนของพิกเซลลงเหลือเพียง 2/3 จากปกติเท่านั้น ซึ่งเเม้ว่าพิกเซลจะน้อยลงกว่าเดิม 1/3 เเต่จากการทดลองของ nouvoyance กล่าวว่าไม่รู้สึกถึงความเเตกต่างของภาพเเต่อย่างใด มาจากข้อจำกัดของสายตาคนไม่สามารถสังเกตรายละเอียดที่เล็กขนาดนั้นได้
- การเพิ่มพิกเซลสีขาว (เป็น RGBW) เเทรกเข้าไปในบางส่วนของการเเสดงผล ทำให้หน้าจอมีความสว่างมากกว่าเเบบ RGB ธรรมดา
จากจำนวนพิกเซลที่น้อยลง เเละการเพิ่มพิกเซลสีขาวเเทรกมาในการเเสดงผล ทำให้จอ Pentile เเบบ RGBW นั้นมีความสว่างมากกว่าจอปกติทั่วไป กินพลังงานน้อยกว่า เเละสามารถสู้เเสงเเดดได้ดีมาก สำหรับคนที่นึกภาพไม่ออก จอของ Motorola Defy นั้นก็เหมือนกับ Motorola Atrix เลยครับ
หนึ่งในข้อถกเถียงของ Motrola Atrix ก็คือตัวนี้ไม่ได้ใช้การเรียงสีพิกเซลเเบบธรรมชาติหรือ RGB โดยเฉพาะเรื่องพิกเซลที่ใหญ่กว่าเเบบจอธรรมดา ทำให้ในทางทฤษฏีเเล้วภาพจะมีความหยาบมากกว่าจอเเบบทั่วไป เเละอ่านตัวอักษรได้ยาก เเต่จากการใช้งานทั่วไปเเล้ว ก็เเทบจะไม่เห็นความเเตกต่างเท่าไรนัก ถ้าไม่จ้องลงไปจับถึงเม็ดพิกเซลจริงๆ การเเสดงผลของตัวอักษรก็ยังอยู่ในระดับที่คมชัด ไม่ได้เเย่อย่างที่หลายคนว่า ดังนั้นอาจจะต้องไปลองจับดูก่อนครับ เเต่สำหรับคนที่มองความเเตกต่างไม่ออก จอของ Atrix นั้นจัดอยู่ในจอคุณภาพสูงได้พอกับ Sony Ericsson Xperia Arc หรือ HTC Incredible S เลยทีเดียว
MOTOBLUR On Atrix
Motorola Atrix เองก็มาพร้อมกับ Android 2.2 ถึงเเม้ว่า Motorola จะมีชื่อเสียด้านการออกตัวอัพเดทที่ช้าเหลือเกิน (ก็ยังดีกว่าไม่มา) เเต่ยังไงตัวนี้ อนาคตคงไปไกลได้ถึงตัวอัพเดท 2.4 ค่อนข้างเเน่นอน ส่วนอินเตอร์เฟซ Android ของ Motorola นั้นเรียกว่า MOTOBLUR ซึ่งจุดเด่นก็คือการ Intergrate โซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitterไปถึงบริการอื่นๆอย่าง Photobucket, LastFM หรือ Picasa ซึ่งถ้าใครใช้บริการเหล่านี้ก็อาจจะได้ใช้ประโยชน์ เเต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็ถือว่ามีเอาไว้กันเหนียวเเล้วกัน ;P ก็เป็น FYI ว่ามีเยอะกว่าชาวบ้านเท่านั้นเเหละครับ
ในส่วนของ Launcher เองก็หน้าตายังเหมือนเดิมกับ Motorola Defy ไม่เปลี่ยนเเปลง จุดเด่นของ MOTOBLUR Widget ก็ยังคงเป็นเรื่องดีไซน์ที่ออกดูโมเดิร์นเล็กๆ เเข็งๆ สไตล์ Motorola เเละพวก Social Widget ดูสามารถดู Timeline รวมได้ทั้ง Facebook, Twitter นอกจากนี้ยังสามารถดูรูป ไลค์ หรือคอมเมนต์ผ่านใน Widget ได้
ในส่วนของ Contact นั้นเเตกต่างกับ Phonebook ก็คือส่วนเเรกจะมีเฉพาะรายชื่อที่มีเบอร์โทรศัพท์? ส่วน Contact นั้นจะรวมทั้งหมดไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเบอร์นั่นก็คือ Account ต่างๆ ที่เราเพิ่มเข้ามาในเครื่องไม่ว่าจะเป็น Linkedin, Facebook, Twitter, LastFM จะมาอยู่ใน Account นี้ทั้งหมด เเต่ข้อสังเกตนิดหน่อยก็คือว่ายังไม่มีฟีเจอร์ Suggestion นี่จะเเนะนำการลิงค์รายชื่อกันอัตโนมัติให้เเบบ HTC นั่นหมายความว่าต้องลิงค์กันเองเเบบ Manual เท่านั้น เเต่ก็เป็นงานที่เหนื่อยเที่ยวเดียวเพราะว่าทุกอย่างที่เราทำเอาไว้จะถูกเก็บไว้ใน MOTOBLUR Account ที่สมัครไว้ตอนเเรก เมื่อเลื่อนไปด้านซ้ายหรือขวาก็สามารถดูเป็น Timeline ได้
ฟีเจอร์บางส่วนก็ซ้ำซ้อนเหมือนกัน อย่าง Mobile Hotspot สามารถเข้าไปได้ที่ Setting เเล้วเปิดฟีเจอร์นี้ หรือ Social Network ที่ดูซ้ำกับ Contact ไปบ้าง เเละฟังชั่น DLNA กับ Media Sharing ที่ดันอยู่ในหน้าเเอพลิเคชั่นเดียวกัน เเต่ถ้ามองในอีกเเง่ก็ทำให้ผู้ใช้บางคนที่เป็นมือใหม่เข้าถึงคำสั่งเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นถ้าไม่รู้จักศัพท์เฉพาะ เพราะใช้คำที่เข้าใจได้ง่ายอย่างบางคนอาจจะไม่รู้ว่า DLNA คืออะไรก็ได้ เเละก็มีเเอพที่ตาคล้ายของเก่าอย่าง Calendar ส่วน Music ก็เฉยๆ ส่วนใหญ่เป็นฟีเจอร์ที่ต้องใช้ในต่างประเทศมากกว่าครับ
การเเสดงผลที่ต้องใช้เนื้อที่เยอะอย่าง Web Browser หรือไฟล์เอกสาร นั้นทำได้ดี ถึงเเม้หน้าจอขนาด 4 นิ้วเเละความละเอียดเเบบ qHD (960 x 540 พิกเซล) ก็ไม่จำเป็นต้องซูมเข้าไปเพราะตัวหนังสืออ่านได้ง่ายเเม้ไม่ต้องซูม อาการตัวหนังสือเเตกไม่มีให้เห็นเเน่นอน
Message นั้นก็เป็นการรวมบริการข้อความเข้าทุกอย่างเหมือนกัน ที่รองรับก็คือบริการ DM ของ Twiiter, Message ของ Facebook, Email, หรือ SMS บนมือถือทั่วไป การเเสดงผลจะเป็นเเบบ Conversation Thread ที่สามารถอ่านเนื้อหาของข้อความก่อนหน้านั้นได้ง่าย เหมือนการสนทนากัน
ฟีเจอร์อื่นๆ
- ระบบสเเกนลายนิ้วมือเพื่ออันล็อคเครื่องอยู่ที่เดียวกันกับการเปิดปิดเครื่อง ซึ่งการใช้งานจริงๆ ไม่ได้ใช้เพียงเเค่เเตะตรง Fingerprint เท่านั้น ต้องลากนิ้วเพื่อสเเกนลายนิ้วมือทั้งหมดด้วย ซึ่งใช้จริงๆ เเล้วก็ไม่ได้สะดวกกว่าเดิมนัก เเต่บางคนอาจจะชอบก็ได้นะ
- ระบบ Battery Saver สามารถตั้งค่าการเปิดปิดการรับส่ง data เเละการปรับเเสงสว่างขอจอ เเต่ก็ปรับไม่ได้เยอะนัก ถ้าโหลดเเอพมาปรับเองจะปรับได้ละเอียดกว่านี้ เช่นการปิด Wi-Fi หรือ GPS อัตโนมัติ
- Data Manager เอาไว้ดูว่าเราใช้ Data ไปเท่าไหร่เเล้ว ซึ่งจะนับเฉพาะการเชื่อมต่อที่เป็น EDGE หรือ 3G เท่านั้น ตัวนี้ Wi-Fi ไม่นับนะจ๊า
- File Manager เอาไว้ดูข้อมูลใน SD Card หรือ Internal Storage ได้โดยตรง
- Gallery เเสดงผลเเบบสองมิติ เเสดงผลไวมากตามฉบับ Dual Core
- ระบบ Noise Cancelling ปรับระดับได้
- Task Manager ไว้ขืนใจปิดเเอพ
- พื้นที่ติดตั้งเเอพ 1.42 GB พื้นที่เก็บข้อมูลอื่นๆ อีก 10.71 GB
- สัญญาณ GPS จับได้ไวมาก สถานที่เเม่นยำ พอๆ กับ Galaxy S II
- Motorola Phone Portal เป็นการจัดการข้อมูลบนเครื่องโดยผ่านสาย USB หรือ Wi-FI ทั้งรายชื่อ ริงโทน รูปถ่าย เเต่ถ้าเคยชินกับ Android เเล้วไปจัดการผ่าน USB Mass Storage จะไวกว่า
Camera
Atrix นั้นมากับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เเละ Dual LED Flash ซึ่งการให้รายละเอียดของภาพนั้นออกในโทนสีมืดเล็กน้อย ไม่ได้สว่างสดใสใสเท่าไรนัก สีจึงออกเเนวธรรมชาติมากกว่า เเต่ก็ถ่ายออกมาให้รายละเอียดที่คมชัด รายละเอียด เเละไล่โทนสีได้ดี ถึงเเม้จะไม่เป็น 8 ล้านตามสมัยนิยมเเต่ก็ถือว่าให้คุณภาพระดับที่ดีครับ เเล้วก็ไม่ได้สนับสนุนการทัชโฟกัส ปุ่มชัตเตอร์ไม่มี ตัวอย่างรูปภาพคลิกที่ภาพเพื่อดูรูปขนาดเต็มได้ : )
Performance & Battery Life
ส่วนจุดหนึ่งที่เราทำการทดสอบก็คือเรื่องเเบตเตอรี่ โดยเปิดไฟล์ avi ความละเอียด 480p ความสว่าง 50% ปรับเสียงระดับ 7 เมื่อเทียบกับ LG Optimus Black นั้นสามารถใช้งานได้มากกว่าประมาณ 25% ครับ โดยเปิดทิ้งไว้จนกว่าเครื่องจะดับเอง ซึ่งปัจจัยการประหยัดเเบตนี้ก็มาจากเรื่องจอเเบบ Pentile เเละเเบตเตอรี่ที่ขนาดเกือบ 2000 mAh
Devices | Battery Duration |
LG Optimus Black | 5 ชั่วโมง 10 นาที |
Motorola Atrix | 6 ชั่วโมง 56 นาที |
การมัลติทัชนั้นทำได้สองจุด เเละไม่มีปัญหาเรื่องมัลติทัชเพี้ยนเเต่อย่างใด ส่วนการทดสอบการเรนเดอร์ภาพสามมิติที่ถูกใช้ส่วนใหญ่ในเกมส์หรือเเอพลิเคชั่นที่เอฟเฟคเยอะอย่าง Neocore นั้นคะเเนนที่ได้ตกลงมาเล็กน้อยเหลือเพียง 53 เฟรมต่อวินาที ซึ่งปกติเเล้วจะอยู่ประมาณ 60 เฟรม เนื่องจากความละเอียดของจอมากกว่าครับ
ก็ทำเอาไว้อิงเฉยๆ ครับเพราะว่าจุดเด่นของ GPU บน Tegra 2 จะเน้นด้านการเเสดงพื้นผิวที่สวยมากกว่าเดิมเป็นหลัก ถึงเเม้เฟรมเรทจะพอๆ กันก็ตาม ถ้าเกมส์ปรับมาให้เข้ากับ Tegra 2 เเล้วรายละเอียดจะดีกว่าชัดเจน ยกตัวอย่างคือเกมส์ Asphalt 6 ครับ GPU บน Dual Core เเสดงผลได้ดีกว่าเดิมเกือบเท่านึงในกรณีที่ดีที่สุด ซึ่งก็คือพวกเกมส์ที่ทำมากับ Tegra 2 รวมไปถึง Gameloft บางเกมส์อย่าง Asphalt 6 ด้วยครับ? จริงๆ ถ้าความละเอียดจอเท่ากับสามรุ่นที่นำมาเทียบน่าจะชนะได้ทุกด้านนะครับ
สรุป
Motorola Atrix นั้นส่วนประกอบทุกอย่างนั้น คุณภาพอยู่ในขั้นที่สูง เเต่กลับเป็นตัวค่อนข้างพูดถึงน้อยถ้าเทียบกับ Dual Core ตัวอื่นๆ อันเนื่องจากมาจากไม่มีดราม่าหรือเรื่องราวให้เป็นที่โจษจันกันเเบบบางค่าย เเละ SIS ที่เป็นตัวเเทนจำหน่ายก็ยังทำตลาดอยู่ในระดับที่ไม่ Mass มากนักทำให้ Atrix ดูไม่หวือหวาเท่าที่ควร จึงไม่เป็นที่สะดุดตาของคนมากนัก? ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบ ความง่ายในการใช้งาน บวกกับการออกเเบบที่จะเรียกว่าคลาสสิค (ประมาณนั้น) ซึ่งอาจจะดูทื่อการไปสำหรับบางคนซึ่งก็เหมือนกับ วัสดุเป็นพลาสติกเกรดดี ก็มีความทนทานที่สูงก็จริง เเต่ยังไงความรู้สึกอาจจะสู้เเบบอลูมิเนียมไม่ได้อยู่ดี กับราคา 18,900 บาทที่เป็นมาตรฐานของ Dual Core ทั้งสี่ตัว
ส่วนหน้าตาของ Launcher ก็ยังมาเรียบๆ เหมือนเดิม ไม่เเฟนซีเเบบ HTC Sense เเต่ก็เห็นว่า Motorola ทำออกมาให้ใช้งานได้ง่าย ถือเป็นสมาร์ทโฟน Android ที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ถึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับ Android ก็สามารถใช้งานได้เนื่องจากให้มาครบการใช้งานในเบื้องต้น ไม่ต้องหาโหลดเพิ่มให้มากมาย นอกจากคีย์บอร์ดภาษาไทยเท่านั้น เนื่องจากคีย์บอร์ดของ Motorola ไม่มีภาษาไทยมาให้ การใช้งานต่างๆ ก็ทำได้รวดเร็วสมกับเป็นตัว Dual Core กล้องเองก็อยู่ในคุณภาพที่ดี ระบบ Noise Cancelling ตัดเสียงรบกวนภายนอกเวลาสนทนาที่ปรับระดับได้ การจับสัญญาณ GPS ก็ทำได้รวดเร็ว? เรียกว่าไม่มีข้อเสียในด้านฟังชั่นให้ติมากนัก ยกเว้นเรื่องมัลติทัชสองจุด เเต่เอาจริงๆ เเล้วก็ไม่น่าจะมีการทัชเกินสามจุดต่อการใช้งานซักเท่าไหร่บนสมาร์ทโฟน
ส่วนอนาคตของ NVIDIA Tegra 2 ดูเเล้วก็คงมีไกลอยู่ กับการสนับสนุนเกมส์ใหม่ๆ จากการผลักดันของ NVIDIA อย่างที่บอกว่า Tegra นั้นยังอยู่มาไม่นานพอ ดังนั้นเรื่องเกมส์ก็เหมือนเเค่รอเวลาให้สนับสนุนมากขึ้นเท่านั้น ตรงนี้ผู้บริโภคจะชะลอการซื้อไปสักพัก หรือจะซื้อใช้เลยก็คงต้องลองคิดกันดูครับ เเต่ถ้าคิดว่าพร้อมที่รูทเครื่องเเละใช้งาน Chainfire3D ก็สามารถซื้อใช้ได้เลยถ้าอยากได้สมาร์ทโฟน Android ที่มีอายุการใช้งานยาวที่สุด ซึ่งในยุคที่สมาร์ทโฟนอยู่ได้ไม่เกินวัน เเต่กลับไม่มีใครสนใจเรื่องความจุเเบตเตอรี่มากนัก
The Good
- คุณภาพงานประกอบอยู่ในระดับสูง
- เเบตเตอรี่มีขนาดมากสุดของ Android ในขณะนี้ 1930 mAh
- หน้าจอ LCD เเบบ WRGB Pentile ให้ความสว่างที่สูงเเละกินพลังงานต่ำ
The Bad
- การสนับสนุนเกมส์บน NVIDIA Tegra 2 ขณะนี้ยังมีจำนวนไม่มากพอ (นอกจากจะผ่านการดัดเเปลงจาก Chainfire3D ให้เล่นได้ ถ้าทำได้ตรงนี้อาจจะตัดข้อเสียออกไปได้)
- วัสดุระดับเกือบสองหมื่นควรจะมีอลูมิเนียมบ้างให้รู้สึกดีขึ้น
- ไม่มี FM Radio (อาจจะจำเป็นสำหรับบางคน)
ขอขอบคุณเครื่องทดสอบจาก?บริษัท คูล ดิสทริบิวชั่น (Qool Distribution) เเละ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (SIS Distribution) ครับ ^^