ถ้าพูดถึงจุดเด่นของสมาร์ทโฟน Huawei รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Huawei P10 ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกล้อง เพราะเป็นเหมือนจุดเด่นของโทรศัพท์มือถือในตระกูล P Series ตั้งแต่เมื่อตอน Huawei P8 กับการถ่ายไฟ พอมาถึง Huawei P9 ก็ทำให้ตะลึงกันทั้งบางด้วยกล้องคู่ Leica และต่อยอดมาจนถึง Huawei P10 ที่มาพร้อมกับกล้องคู่ Leica รุ่นที่ 2 ให้ความละเอียดที่มากขึ้น รวมถึงโหมดต่าง ๆ ก็มีการพัฒนาขึ้นจากเดิม
สำหรับสเปคของกล้องหลัง Huawei P10 ใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome ขาว – ดำ) กับเซ็นเซอร์ตัวที่ 2 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (RGB) เลนส์มาตรฐาน Leica ในรุ่น SUMMARIT-H ระยะ 27 มิลลิเมตร รูรับแสง f/2.2 ชิ้นเลนส์แบบ Aspherical โดย SUMMARIT จะเป็นชื่อของเลนส์ Leica ส่วน H ที่ต่อท้ายคือการแสดงให้เห็นว่าเป็นรุ่นพิเศษ เฉพาะ Huawei เท่านั้น
กล้องคู่ที่มี 2 ตัวนั้นก็ทำได้หลากหลายหน้าที่ ตั้งแต่การซ้อนภาพระหว่างภาพสี กับภาพขาวดำ เพื่อให้ได้ภาพที่มี Dynamic Range สูง สามารถเก็บรายละเอียดในส่วนที่มืดสุด ไปจนถึงส่วนที่สว่างที่สุดได้ดี อันเป็นจุดเด่นของเซ็นเซอร์ขาวดำ Monochrome และใช้สีจากเซ็นเซอร์ RGB ซึ่งทำให้ได้ภาพที่มีสีสันครบถ้วน ในขณะเดียวกันก็มีมิติ และรายละเอียดที่คมชัด หรือจะใช้ในการซูมภาพ ด้วยเทคโนโลยีการซูม 2 เท่า Huawei Hybrid Zoom ทำให้การซูมภาพมีได้รายละเอียดที่คมชัดไม่แพ้ Optical Zoom และกล้องคู่ใน Huawei P10 ยังใช้ในการ Refocus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัด – หลังเบลอได้อีกด้วย
อ่านบทความ: เปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่าง Huawei P10 และ Huawei P9 แบบช็อตต่อช็อต ทั้งภาพสีและขาวดำ
แต่หนึ่งในไฮไลท์ของ Huawei P10 นอกจากการอัพความละเอียดของเซ็นเซอร์ขาวดำ Monochrome ก็คงหนีไม่พ้นโหมดใหม่ในกล้อง Huawei P10 ที่เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งวงการ กับ Portrait Mode หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล ที่ Huawei ได้ร่วมมือกับทาง Leica ในการพัฒนาซอฟท์แวร์ โดย Portrait Mode จะมีหลักการทำงานดังนี้ครับ
- เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่สามารถตรวจจับลักษณะต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
- ฟีเจอร์การปรับแสง – มีอัลกอริทึ่มการตรวจจับอัตโนมัติซึ่งสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของแสงสว่างแวดล้อมและปรับค่าคอนฟิเกอร์เรชั่นของการถ่ายภาพโดยอัตโนมัติ ทั้ง การปรับสมดุลสีขาวอัตโนมัติ ความเร็วชัตเตอร์ และอื่น ๆ ถ่ายภาพได้สวยเฉียบในทุกสภาพแวดล้อม
- ฟีเจอร์ปรับภาพแต่ง Portrait – มีอัลกอริทึ่มการสร้างภาพที่อาศัยข้อมูลจากการวิจัยอย่างละเอียดในเรื่องรูปทรงของใบหน้าและสีผิวที่แตกต่างและหลากหลาย ใช้ฟีเจอร์การปรับแต่งภาพบุคคลให้สมบูรณ์แบบได้ตามความต้องการเฉพาะและเป็นธรรมชาติ
- ฟีเจอร์ถ่ายภาพโบเก้ ที่สวยเหมือนงานศิลปะ – มีอัลกอริทึ่มจังความชัดตื้นชัดลึกที่สามารถสร้างสีสันที่คมชัด สดใสให้กับภาพถ่าย พร้อมทำให้ฉากหลังเบลอ เป็นภาพบุคคลสไตล์โบเก้ที่สวยสะดุดตา นอกจากนัน ยังสามารถหาจุดโฟกัสภาพใหม่หลังจากกดชัตเตอร์แล้วได้อีกด้วย
สรุปให้เข้าใจกันง่าย ๆ สำหรับ Portrait Mode ใน Huawei P10 ก็คือโหมดที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ เมื่อถ่ายแล้วก็จะให้ภาพบุคคลที่เป็นมากกว่าการทำหน้าขาวใส แต่จะการจัดแสงแบบสตูดิโอ, การทำโบเก้ คือเน้นเรื่องความเป็น “ศิลปะ” เข้าไปในภาพถ่าย และไม่จำเป็นว่าคนถ่ายจะต้องเป็นมือโปร หรือต้องมีสตูดิโอที่มีการจัดแสง เพราะมันเป็นหน้าที่ของ Portrait Mode ใน Huawei P10 นั่นเอง
ทดสอบ Portrait Mode ใน Huawei P10
ในการทดสอบโหมด Portrait ผมจะทำการถ่ายภาพเปรียบเทียบระหว่าง Portrait กับโหมดปกติ โดยนางแบบคนเดียวกัน สภาพแสงเดียวกัน และมุมเดียวกัน เพื่อให้เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนที่สุด สามารถรับชมตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดปกติ เทียบกับ Portrait ได้จากรูปด้านล่างเลย
ภาพด้านล่างตอนถ่าย ผมลองเปิดม่านให้มีแสงลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อย เพื่อจะลองดูว่า Portrait Mode จะทำอย่างไรกับตัวแบบ ผลก็คือได้ภาพที่เหมือนใช้ไฟสตูดิโอจริง ๆ ยิงเข้าตัวแบบในมุม 45 องศา มุมที่เหมาะกับการถ่าย Portrait มากที่สุด และมีการปรับแต่งสีเล็กน้อย ให้ดูเป็นศิลปะมากขึ้น (สังเกตจากสีผม)
หลังจากที่ลองถ่ายภาพบุคคลในอาคารแล้ว ก็มาลองถ่ายข้างนอกกันบ้าง เวลาที่ออกไปถ่ายภาพก็ช่วงประมาณ 17.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ไม่แรงจนเกินไป โดยภาพที่ได้จากโหมด Portrait ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ มีการปรับแต่งทั้ง Skin tone และการทำละลายหลังได้ดีไม่แพ้กล้อง DSLR เลยล่ะ
รูปนี้นอกจากผมจะถ่ายตัวแบบด้วย Auto กับ Portrait Mode แล้ว ยังมีการเลือกระยะที่การซูม 2 เท่า ด้วยเทคโนโลยี Huawei Hybrid Zoom ทำให้การซูมไม่เสียรายละเอียด ได้ภาพที่ชัดไม่แพ้การซูมแบบ Optical เทียบเท่าระยะประมาณ 50 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นระยะที่เก็บตัวแบบได้ชัด, มีพื้นที่ฉากหลังให้พอจะบอกเล่าเรื่องราวได้ และที่สำคัญคือมันเป็นระยะที่ผมรู้สึกว่าถ่ายออกมาแล้วฉากหลังเบลอได้เนียนตามาก ๆ
อีกอย่างหนึ่งที่เราเลือกใช้ระยะซูม 2 เท่าก็เพราะว่ามันมีความบิดเบี้ยวน้อยกว่าระยะปกติที่ออกจะเป็นเลนส์มุมกว้าง ซึ่งเหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลมมากกว่า เพราะตัวแบบจะไม่บวมจากการบิดเบี้ยวของระยะเลนส์นั่นเอง
Portrait Mode นอกจากจะใช้ในโหมดภาพสีได้แล้ว ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Monochrome ได้อีกด้วย ส่วนตัวผมมองว่าการถ่ายภาพขาวดำ Monochrome และเปิดโหมด Portrait เป็นอะไรที่เจ๋งมากครับ ได้ภาพที่ให้อารมณ์ศิลป์สุด ๆ
รูปขาวดำทุกรูป เราถ่ายที่ระยะเทียบเท่าประมาณ 50 มิลลิเมตร ด้วยฟีเจอร์ Huawei Hybrid Zoom เช่นเคยครับ
นอกจากกล้องหลังของ Huawei P10 จะมาพร้อมกับโหมดถ่ายคน Portrait Mode แล้ว กล้องหน้าของ Huawei P10 ก็มีโหมดนี้เช่นกัน แถมยังเป็นกล้องหน้าที่ใช้เลนส์ Leica อีกด้วย ส่วนความละเอียดก็อยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 ตัวอย่างภาพถ่ายก็ประมาณนี้
ภาพรวมของ Portrait Mode ส่วนตัวผมว่ามันทำให้การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนสนุกขึ้นอีกเยอะเลย และเป็นการทำให้กล้องของสมาร์ทโฟน Huawei ครบเครื่องมากยิ่งขึ้น จากที่เมื่อก่อนสมาร์ทโฟน Huawei จะเด่นที่โหมดขาวดำ Monochrome แต่พอมาเป็น Huawei P10 นอกจาก Monochrome ดีขึ้นแล้ว ยังมี Portrait Mode เอาไว้สำหรับถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ ให้ภาพที่มีความเป็นศิลปะมากกว่า ทั้งการจัดแสงแบบอัตโนมัติ ไปจนถึงอารมณ์ของภาพถ่าย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม http://consumer.huawei.com/th/mobile-phones/p10-plus/index.htm