หลังจากที่ Asus เปิดตัวมือถือใหม่ด้วยกัน 2 รุ่นในงาน CES 2015 ได้แก่ Asus Zenfone 2 และ Asus Zenfone Zoom ซึ่งถ้าพูดถึงสเปคก็คงไม่มีอะไรกังขาแล้วใช่ไหมครับ เพราะทุกอย่างได้ถูกอัพขึ้นมาจากตอน Zenfone รุ่นแรกพอสมควร รวมถึงหน้าตาก็ออกแบบออกมาได้น่าใช้งานยิ่งขึ้น ว่าแต่มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจใน Asus Zenfone 2 บ้าง เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยครับกับ 10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2
**หมายเหตุ บทความนี้จะเน้นไปที่ Asus Zenfone 2 ซะเป็นส่วนมากครับ แต่ก็ยังสามารถใช้อ้างอิงกับ Asus Zenfone Zoom ได้เช่นเดียวกัน**
อันดับแรก ก่อนที่จะเข้าสู่ รวม?10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2 เรามาทำความรู้จักกับ Asus Zenfone 2 และ Asus Zenfone Zoom กันก่อน จากบทความนี้เลย
10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2
1. Ram ที่มากที่สุดในโลกของมือถือสมาร์ทโฟน
จาก Zenfone รุ่นแรกที่ทำตลาดแตกด้วย Ram 2 GB มาถึงตอนนี้ Asus Zenfone 2 ก็ยังคงมาพร้อมกับ Ram 2 GB เหมือนเคยสำหรับตัวเริ่มต้น แต่ถ้าพูดถึงตัวท็อปของ Asus Zenfone 2 หน่ะหรอ มันมาพร้อมกับ Ram 4 GB เลยครับ รับรองว่าใน Asus Zenfone 2 Ram 4 GB จะเปิดกี่แอพก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันมี Ram ให้ใช้พอๆ กับโน้ตบุ๊คเครื่องนึงเลยหล่ะ
2. หน้าจอที่ละเอียดกว่าเดิม พิกเซลมากกว่าเดิม และคมชัดยิ่งกว่าเดิม
ตอน Asus Zenfone รุ่นแรกนั้น ความละเอียดสูงสุดของหน้าจอต่อให้เป็นรุ่นท็อปสุดอย่าง Asus Zenfone 6 ก็ยังเป็นแค่หน้าจอความละเอียด HD 720p เท่านั้นเอง แต่สำหรับ Asus Zenfone 2 จะจัดเต็มยิ่งกว่าเดิม ด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลที่ 403 ppi (มากกว่า iPhone 6 Plus อีก) แถมขอบจอยังบางเฉียบเพียง 3.9 มิลลิเมตรอีกต่างหาก
3. แฟลชคู่ LED
อาจจะดูเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่การที่มีแฟลช LED 2 ดวงอยู่ที่กล้องหลัง นอกจากจะสว่างขึ้นด้วยไฟ LED 2 ดวงแล้ว แฟลชยังเป็น 2 สีเหมือนอย่าง iPhone อีกต่างหาก โดยแฟลช 2 ดวง 2 สีจะทำให้มันยิงแสงแฟลชได้เนียนและดูเป็นธรรมชาติกว่าเดิม
4. OIS ?ป้องกันภาพสั่นไหว บอกลาการถ่ายวีดีโอแล้วภาพชักกระตุกได้เลย
OIS หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือระบบกันภาพสั่นไหวด้วยตัวฮาร์ดแวร์ เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่พบได้ในมือถือระดับท็อป เช่น iPhone 6 Plus แต่แล้วยังไงหล่ะ ในเมื่อ Asus Zenfone 2 ราคาประมาณ 6,500 บาทก็มีเหมือนกันนั่นแหละ ทีนี้จะแสงน้อย หรือจะถ่ายวีดีโอก็หมดปัญหาภาพสั่นไหวแน่นอน
5. กล้องหน้าที่รองรับการ Selfie แบบเต็มๆ
นอกจากกล้องหลังของ Asus Zenfone 2 จะเทพแล้ว กล้องหน้าของ Asus Zenfone 2 ก็ได้รับการยกระดับอัพเกรดให้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล ตามสมัยนิยม และเลนส์ Wide มุมกว้างที่นอกจากจะเซลฟี่ตัวเองแล้วยังเซลฟพี่เพื่อนๆ ได้ทั้งกลุ่มเลยทีเดียว
6. ชิปเซ็ต 64 Bit จำนวน Core ที่มากกว่าเดิม และแรงกว่าเดิม
ชิปเซ็ต Intel Atom Z3580 บน Asus Zenfone 2 แรงกว่าชิปเซ็ตตัวเก่าเยอะครับ อย่างน้อยที่สุดมันก็ถูกอัพเกรดขึ้นทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคอร์ที่เป็น Quad Core จริงๆ ซะที รวมถึงความเร็วที่สูงถึง 2.3 GHz และยังเป็นชิปเซ็ตแบบ 64 Bit อีกต่างหาก
7. มันรองรับ 4G LTE
ถึงแม้หลายคนจะบอกว่า 4G LTE ในบ้านเราอีกนานกว่าจะใช้ได้จริง แต่การที่รองรับมันก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วใช่ไหมครับ เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ถ้าใช้ Dtac หรือ Truemove-H ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็จะพบว่ามันสามารถจับสัญญาณ 4G LTE ได้ค่อนข้างครอบคลุมทีเดียว และยิ่ง Truemove-H นี่เผลอๆ บ้านใครอยู่ในพื้นที่ปริมณฑลก็สามารถใช้งาน 4G ได้ด้วยนะ
8. แม้จะรองรับ 4G LTE มันก็ยังใช้งาน 2 ซิมได้อยู่นะ
ตรงนี้หลายคนจะบอกว่า Asus Zenfone รุ่นแรกก็มี แต่สำหรับ Asus Zenfone 2 มันพิเศษกว่าตรงที่รองรับการใช้งาน 4G LTE ด้วยนี่แหละครับ เพราะมือถือรองรับ 4G ส่วนมากจะใช้งานได้ซิมเดียว หรือถ้ารองรับ 2 ซิม ก็จะไม่รองรับ 4G แต่ Asus Zenfone 2 มีทั้ง 2 อย่างเลย จะสองซิม จะ 4G ก็รับได้หมด
9. ระบบชาร์จไว แบตจะหมดเร็วก็ไม่ใช่ปัญหา
พูดกันตรงๆ ผมว่า Asus Zenfone 2 นี่ดูจะเอาข้อดีของมือถือหลายรุ่นมารวมไว้ในเจ้า Asus Zenfone 2 ทั้งหมดเลยนะครับ ระบบชาร์จเร็วก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ปกติแล้วเราจะพบในมือถือระดับเรือธง อย่างรุ่นแรกที่มีระบบชาร์จเร็วก็คงเป็น Oppo Find 7 โดยระบบชาร์จเร็วของ Asus Zenfone 2 สามารถชาร์จไฟจาก 13% ไปเป็น 60% ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที ถือว่าเร็วมากนะครับสำหรับมือถือที่มีแบตเตอรี่ 3000 mAh
10. ZenUI เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับ Android 5.0 Lolipop
อีกหนึ่งความสดใหม่ของ Asus Zenfone 2 นอกจากสเปคแล้วก็คือตัวซอฟท์แวร์นี่แหละครับ เพราะ Asus Zenfone 2 มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดบนโลกแอนดรอยอย่าง Android 5.0 Lolipop รวมถึงตัว ZenUI ก็ถูกออกแบบใหม่ มีดีไซน์ที่สวยกว่าเดิม ส่วนเรื่องความลื่นไม่ต้องพูดถึงครับ สเปคระดับนี้ลื่นหัวแตกเลยหล่ะ
ที่มา: phonearena