มาถึงในตอนที่ 3 กันแล้วนะครับ กับภาระกิจพาทัวร์งาน COMPUTEX TAIPEI 2011 ที่ในบทความนี้ถือว่าเป็นตอนสุดท้ายแล้ว คราวนี้เราลองมาดูที่บูธ Intel กันบ้าง กับแท็บเล็ตที่ใช้ชิปตัวประมวลผลเป็น Atom ที่ปกติแล้วเราจะเห็นกันในเน็ตบุ๊กเท่านั้น
ผู้คนดูแล้ว ให้ความสนใจกันไม่น้อยทีเดียว เรียกได้ว่าในบูธนั้น มีให้ได้ลองเล่นกันหลายตัวหลายรุ่นทีเดียว
ซึ่งมาถึงนี่แล้วผมก็คงจะต้องลองเล่นกับเค้าบ้าง เพราะจริงๆ แล้วโดยส่วนตัวก็ไม่เคยได้จับแท็บเล็ตที่ใช้เป็น Atom โดยใช้ระบบปฏิบัติการเป็น Android มาก่อนหน้านี้เลย
เลือกได้แล้วก็ลองมาดูกันหน่อยกับ Intel Green Ridge ที่เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10″ ที่ใช้ชิป Atom Oak Trail ที่เป็นชิปที่ใช้ในเฉพาะแท็บเล็ตเท่านั้น แน่นอนว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบ X86 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 3.0 Honeycomb
ดูจากดีไซน์คร่าวๆ ก็มีช่องเชื่อมต่อที่ค่อนข้างครบครัน แต่ก็ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่หนาไปหน่อย และปุ่มการควบคุมก็มีมาให้เช่นเดียวกับแท็บเล็ต Android อื่นๆ
ซึ่งหลังจากที่ได้จับแล้วนั้น ถ้าจะให้พูดตรงๆ เลยก็คือ ไม่ค่อยประทับใจมากนัก เพราะด้วยตัวเครื่องที่ร้อนและหนัก อีกทั้งสถาปัตยกรรมแบบ X86 จะรองรับได้ในหลายๆ OS แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญก็คือ กินพลังงานค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีความร้อนออกมา?ทำให้อารมณ์ในการใช้งานนั้นหมดไปเลย
แตกต่างจากสถาปัตยกรรม ARM อย่างเช่น NVIDIA Tegra 2 ที่ใช้พลังงานน้อย เวลาที่ประมวลผลต่ำๆ?และคงได้แต่หวังว่าเมื่อพร้อมขายจริงเมื่อไหร่ ทาง Intel ต้องทำได้ดีกว่านี้ เพราะยังไง Intel ก็เงินหนาอยู่แล้ว
นอกเหนือแท็บเล็ตในรุ่น Intel Green Ridge?นั้นยังมีในรุ่น Foxconn F150, Quanta QXZI, an unnamed Compal device, Intel Marco Polo 2 และ Intel Carrot ที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน
รวมไปถึงในบูธ Intel นี้ ยังมีแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการเป็น MeeGo อยู่อีกด้วย ว่าแล้วก็ลองเล่นลองจับดูซะหน่อย
โดยถ้าใครรู้จักกันอยู่แล้วนั้นระบบปฏิบัติการ MeeGo เคยมีผู้ร่วมมือกับ Intel อยู่ก็คือ Nokia แต่ดูเหมือนตอนนี้ Nokia จะไปซบอกทาง Microsoft ซะแล้ว 🙁 ซึ่งหลังจากที่ได้ลองเล่นกันดูซักพักก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่งผลให้ไม่ค่อยจะประทับใจ ยังไงคงจะต้องดูกันไปยาวๆ แล้วล่ะครับว่า อนาตคจะเป็นอย่างไรกันต่อไป
มาดูกันต่อที่เป็นอีกฮอลล์หนึ่งภายในงาน COMPUTEX ที่จะมี Accessories มากมาย ให้เราได้ชมได้ทดลองใช้งานกัน อย่างที่เห็นตามภาพด้านล่างจะเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับอุปกรณ์ iOS โดยเฉพาะ?จากบริษัท PhotoFast ที่โดยปกติแล้วจะทำเมมโมรี่สำหรับกล้อง D-SLR โดยเฉพาะ ที่มีชื่อว่า?i-FlashDrive
i-FlashDrive เป็นแฟลชไดร์วที่สนับสนุนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone, iPod Touch, iPad ได้ ที่จะเปลี่ยน iPhone ของเรากลายเป็นแฟลชไดร์วในทันที โดยมันจะช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนไฟล์กับอุปกรณ์ iOS ได้อย่างง่ายดาย ?ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยโปรแกรม iTunes เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อถ่ายโอนข้อมูล สนนราคาก็อยู่ ที่ประมาณ 2,850 – 5,400 บาท โดยมีความจุที่ 4GB – 32GB ให้เลือก
ถัดมาเป็น UltraDock ที่เป็นแท่นรองรับอุปกรณ์ iOS ได้พร้อมกัน ในเวลาเดียว เหมาะสำหรับคนที่มี iPhone, iPad, iPod อยู่เต็มบ้าน
หรือจะเป็นแบบ Docking ที่ชาร์จไฟได้ในตัวแบบไม่ต้องเสียบสายชาร์จ หรือ?Docking ที่รองรับการใช้งานแบบ Hands-Free และเล่นเพลงแบบไร้สายได้ ก็มีให้เลือกเหมือนกัน
และสุดท้ายจากบูธ PhotoFast คือ แบตเตอรี่เสริมภายนอกของสมาร์ทโฟน ซึ่งคาดว่าสินค้าทั้งหมดน่าจะเข้าไทย ในเร็วๆ นี้ เพราะดูแล้วแต่ละอย่างก็น่าสนใจจริงๆ
หลายๆ ยี่ห้อสินค้าที่เรารู้จักกันดีในเมืองไทย ก็จะอยู่ในฮอลล์นี้เช่นกัน อย่าง ADATA ที่ทำเกี่ยวกับเมโมรี่ต่างๆ
Transcend ก็เช่นกัน ที่เห็นกันบ่อยๆ กับแฟลชไดร์ว ไม่ก็หน่วยความจำอย่าง micro SD Card เป็นต้น
นอกเหนือจากนี้ก็จะมี pqi, Apacer, Kingmax ที่เป็นบริษัทผลิตหน่วยความจำแฟลชของประเทศไต้หวันทั้งนั้นครับ
บูธ OZAKI ก็มา ที่ส่วนมากแล้วในไทยจะขายพวกเคสของ iPhone, iPad โดยในบูธนั้น ไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพแต่อย่างใด เข้าใจว่าเดี๋ยวเราจะก็อปปี้ไอเดียหรือดีไซน์ของเค้าประมาณนั้น
จากการสังเกตของผม เห็นได้เลยว่างาน COMUTEX ครั้งนี้ อุปกรณ์เสริมของ iPhone, iPad นั้น ค่อนข้างเยอะทีเดียว
นอกเหนือจากนั้น ยังมีกล้องวงจรปิด ที่เราสามารถชมได้ผ่านแอพพลิเคชั่นของ iOS และ Android อีกด้วย เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวเลยครับ
รวมไปถึง Android ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยหน้าเช่นกัน โดยผู้ผลิตรายย่อยของไต้หวันก็ได้ทำแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ?Android มามากมายเช่นกัน
ในส่วนของ Accessories ของ iPhone, iPad ก็มาให้เลือกหลากหลาย จากผู้ผลิตต่างๆ ทีดูเหมือนจะก็อปอี้มายังไงก็ไม่รู้
จบกันไปแล้วนะครับกับงาน COMPUTEX TAIPEI 2011 ที่เป็นมหกรรมไอทีระดับโลกจากทางฝั่งเอเชีย โดยเน้นย้ำอีกครั้งนะครับว่า งานนี้เน้นโชว์อย่างเดียว กับเจรจาทางธุรกิจ ไม่ได้มีการซื้อขายกันหน้าร้านหน้าบูธแต่อย่างใด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับบรรยากาศงานต่างๆ ที่ดูแล้วว่าสมาร์ทโฟน ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นัก แต่จะเน้นไปที่สินค้าที่เป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์ซะมากกว่า แต่ก็ยังโชคดีที่ Microsoft และ NVIDIA ได้มาออกงาน ทำให้พอจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนบ้าง
ยังไงก็รอชมปิดท้ายสาวไต้หวันในตอนที่ 4 กันได้เลยนะครับ บอกไว้ก่อนว่าถ้าพลาดแล้วคงจะน่าเสียดายน่าดู 😀