หลังจากจบงานเปิดตัว Samsung Galaxy S4 ทาง Samsung เองก็ได้เตรียมเครื่องเดโมไว้ให้สื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานเปิดตัวได้ลองสัมผัส และเก็บข้อมูลทำข่าวกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็ขอหยิบยกเนื้อหาการพรีวิวและ hands-on จากสื่อต่างประเทศมาให้ชมกันนะครับ
ตัวของ Samsung Galaxy S4 นั้นมีหน้าตาและความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S3 และ Samsung Galaxy Note 8 พอสมควร โดยเฉพาะกับตัว S3 ที่ใกล้เคียงกันมากๆ จะต่างก็ตรงที่ขนาดของตัวเครื่องที่ Samsung Galaxy S4 จะมีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1080p อีกทั้งยังมีขนาดที่บางกว่า S3 อยู่เล็กน้อย ส่วนวัสดุของตัวเครื่องนั้นยังคงใช้เป็นพลาสติกตามข่าวลือ แต่มีการทำเนื้อพลาสติกให้ดีขึ้น ดูพรีเมียมขึ้นมาอีกนิด ตัวเครื่องทำลวดลายให้ดูเหมือนเป็นวัสดุอื่นอย่างโพลีคาร์บอเนตหรือคาร์บอนไฟเบอร์ แต่ที่จริงก็ยังคงเป็นพลาสติกเรียบๆ อยู่ ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 130 กรัม ใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S3 (133 กรัม) ตัวเครื่องเข้ากับมือได้ค่อนข้างดี ปุ่มด้านล่างยังคงเหลือปุ่มโฮมที่เป็นปุ่มกด ซึ่งการกดค้างไว้จะเรียกใช้งาน Google Now แต่ถ้ากดสองครั้งติดๆ กันจะเป็นการเรียกใช้งาน S Voice ส่วนปุ่ม Back กับปุ่มเมนูจะเป็นปุ่มแบบสัมผัสเช่นเดิม
เมื่อแกะฝาหลังออกก็จะพบกับแบตเตอรี่ความจุ 2600 mAh ที่สามารถแกะเปลี่ยนได้ง่าย ด้านบนมีช่องใส่ไมโครซิมและ microSD
หน้าจอ Super AMOLED ของ Samsung Galaxy S4 นั้น มีค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลบนจอสูงถึง 441 PPI ทำให้ภาพที่ออกมานั้นเนียนละเอียดมากๆ แสงสว่างที่มาจากจอนั้นดีมาก รวมไปถึงสีสันที่สดกว่าเดิม ขอบจอบางมาก และที่สำคัญคือ view angle หรือมุมที่สามารถมองหน้าจอได้โดยที่สีไม่เพี้ยนนั้นดีมากๆ สามารถมองจากด้านข้าง ก็ยังเห็นภาพและสีที่ชัดเจนไม่ผิดเพี้ยนอยู่ นับว่าน่าจะเป็นจอสมาร์ทโฟนที่มุมมองกว้างที่สุดรุ่นหนึ่งได้เลย ส่วนของกระจกจอใช้เป็น Gorilla Glass 3
ด้านสเปกก็อย่างที่หลายๆ ท่านน่าจะทราบไปแล้ว ที่เด่นๆ ก็มีดังนี้
- ชิปประมวลผล Exynos 5 Octa (8 core) ความเร็ว 1.6 GHz (ทั่วโลก) หรือ Qualcomm Snapdragon 600 Quad-core ความเร็ว 1.9 GHz (น่าจะเฉพาะในสหรัฐฯ)
- RAM 2 GB
- หน้าจอ 5 นิ้ว 1080p
- มีให้เลือกทั้งรุ่น 16 / 32 / 64 GB
- แบตเตอรี่ 2600 mAh ถอดเปลี่ยนได้
- กล้องหลัง ความละเอียด 13 MP
ซึ่งด้านของสเปกโดยรวมนั้นก็จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนตัวท็อปของปี 2013 หลายๆ รุ่น ที่จะโดดเด่นออกไปก็คือเรื่องของ CPU ที่่ต้องรอผล benchmark อย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่ง แต่คาดว่าน่าจะแรงอันดับต้นๆ ในตลาดขณะนี้
ด้านของซอฟต์แวร์นั้น Samsung Galaxy S4 มาพร้อมกับ Android 4.2.2 Jelly Bean และครอบมาด้วย TouchWiz ที่มีการเพิ่มความสามารถมาอีกหลายอย่าง เช่น
S Voice
ได้รับการอัพเกรดเพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพการทำงาน โดยหนึ่งในความฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ S Voice Drive ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการมือถือของตนขณะขับรถได้ สั่งให้อ่านเนื้อหาจากข้อความ, นำทางแบบ turn-by-turn ได้ในตัว รวมไปถึงอีกหลายๆ ฟีเจอร์ที่น่าจะถูกใจผู้ที่ต้องขับรถเป็นประจำ
S Translate
สามารถแปลภาษาจากข้อความได้ถึง 9 ภาษา
S Health
ในตัวของ Samsung Galaxy S4 จะมีแอพสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษาสุขภาพอยู่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้หลายอย่าง เช่น การนับจำนวนก้าวที่เดิน วัดระยะทาง คล้ายๆ กับแอพอื่นๆ แต่ที่เด่นกว่าคือสามารถวัดสภาพแวดล้อม เช่นอุณหภูมิ ความชื้น ได้จากเซ็นเซอร์ในตัวเครื่อง นอกจากนี้ Samsung ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับการใช้งานร่วมกับ S Health ออกมาอีก เช่น
- สายรัด S Band สำหรับนับจำนวนก้าวที่เดิน, ตรวจสภาวะร่างกายว่าหลับสนิทดีขนาดไหน
- สายรัด HRM สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (ทำงานร่วมกับแอพ Running Mate)
- แท่นชั่งน้ำหนัก Body Scale สำหรับชั่งน้ำหนักและส่งข้อมูลเข้ามายัง Galaxy S4 ได้ผ่านทาง Bluetooth
Dual Camera
สามารถถ่ายภาพนิ่งจากกล้องหน้าและกล้องหลังมารวมเป็นภาพเดียวได้พร้อมๆ กัน
Sound & Shot
ระบบจะบันทึกเสียงก่อนบันทึกวิดีโอ 5 วินาที
Eraser
ผู้ใช้สามารถลบวัตถุ หรือคนที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย
Drama Shot
กล้องจะทำการถ่ายภาพได้เร็วสุด 100 ภาพใน 4 วินาที ซึ่งผู้ใช้สามารถคัดเลือกบางช็อตมารวมไว้ในภาพนิ่งภาพเดียวกันได้ เหมาะสำหรับการถ่ายวัตถุเคลื่อนไหว
ซึ่งแต่ละฟีเจอร์คงต้องรอการทดสอบจริงจังอีกครั้ง ถึงจะวัดได้ว่าสามารถใช้งานได้ในระดับไหน
ส่วนเรื่องของการชาร์จไฟแบบไร้สายนั้น Samsung Galaxy S4 เองยังคงไม่รองรับมาเลยในตัวเช่นเดิม แต่ถ้าจะใช้งานก็สามารถหาซื้อชุดฝาหลัง+แท่นชาร์จไร้สายจาก Samsung ซึ่งตัวฝาหลังนั้นมีราคาอยู่ที่ $39.99 (1,200 บาท) ส่วนแท่นชาร์จนั้นอยู่ที่ $59.99 (1,800 บาท) ทั้งนี้คาดว่าน่าจะรองรับการชาร์จตามมาตรฐาน Qi ครับ ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้จริง ใครที่มีแท่นชาร์จไร้สายของยี่ห้ออื่นๆ (ที่เป็นมาตรฐาน Qi) ก็สามารถนำมาใช้งานร่วมกับ Samsung Galaxy S4 ได้เช่นกัน (แต่ยังต้องซื้อฝาหลังใหม่นะ)
ส่วนด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของอุปกรณ์เสริมสำหรับ Samsung Galaxy S4 ครับ
ที่มา : AndroidCentral, Engadget, The Verge, Samsung, Ars Technica