จากการเปิดตัวล่าสุดของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ของทาง Apple ที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนทั่วโลกกับการตัดความจุขนาด 32 GB ออกไป เหลือแค่ความจุ 16 GB แล้วก็ข้ามไปที่ 64 GB เลย ซึ่งสร้างความแปลกใจและคับข้องใจให้กับผู้คนไม่ใช่น้อย เพราะราคามันต่างกันถึง 100 ดอลลาร์เลยทีเดียว
ล่าสุดทาง Above Avalon ได้ออกมาวิเคราะห์เกี่ยวกับการกระทำนี้ของทาง Apple ว่าอาจจะทำให้ Apple ได้รายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2015 เนื่องจากราคาส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นถึง 100 ดอลลาร์ แต่ต้นทุนกลับเพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงสร้างกำไรได้มากกว่า (ที่จริงก็ทำแบบนี้ทุกแบรนด์นั่นแหละ)
โดยทาง Above Avalon ได้วิเคราะห์ว่าเหตุที่ทาง Apple ทำเช่นนั้นอาจจะเพื่อกดดันให้คนขยับไปใช้รุ่นที่มีความจุมากขึ้น เพื่อให้ได้สัมผัสถึงข้อดีของความจุจำนวนมาก และถ้าหากทาง Apple ยังคงออกรุ่นความจุต่ำๆออกมา แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะซื้อรุ่นที่ถูกที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลเสียต่อทาง Apple แน่นอน
และแน่นอนว่าในปัจจุบันความจุ 16 GB นั้นแทบจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริงอยู่แล้ว จึงทำให้รุ่น 32 GB นั้นเป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุผลเรื่องความจุที่เพียงพอ และราคาที่เพิ่มขึ้นมาอีกไม่มากนัก (อย่างน้อยก็ดีกว่าขึ้นไป 64 GB) แต่ก็นั่นแหละครับเมื่อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ออกมาก็หลังหักกันหมดครับ เพราะทาง Apple ถอดรุ่นที่ทุกคนหมายปองออกไปซะอย่างนั้น
ซึ่งนี่อาจจะเป็นเช่นเดียวกับกรณีที่ทาง Apple ออก iPhone 5c ความจุ 8 GB ออกมาก่อนหน้านี้ ที่แทบไม่มีใครจะไปซื้อมันเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากมันแทบจะเรียกได้ว่าเป็น iPhone ที่ทำอะไรไม่ได้เลยซะจะมากกว่า แค่ลงเกมไม่กี่เกมก็เต็มแล้ว ซึ่งเป็นเหมือนการกดดันให้คนต้องไปเลือกซื้อเป็น iPhone 5s ขนาด 16 GB แทนด้วยเหตุผลนี้ส่วนหนึ่ง
แต่ก็ไม่แน่ถ้าหากได้กำไรเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดทาง Apple อาจจะเล่นมุกนี้ต่อในการออกผลิตภัณฑ์ชิ้นต่อไปก็ได้ หรือไม่แน่อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่คาดไม่ถึงอยู่ก็เป็นได้
ที่มา : SlashGear