คงไม่ต้องเอ่ยกันมากสำหรับซีรีย์ที่มียอดขายสูงสุดของ Android อย่าง Galaxy S ที่ถือเป็นหัวเรือหลักของ Samsung ที่ทำให้ประสบความเร็จในตลาด Android อย่างสูงในปัจจุบัน จากความสำเร็จของสองรุ่นเเรกนั้นทำให้หลายคนตั้งความหวังกับ Galaxy S III ไว้สูงว่าจะทำให้ Samsung ทิ้งขาดคู่เเข่งออกไปได้อีก
เเต่ Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) ก็อย่างที่เห็นว่าเป็นครั้งเเรกๆ ที่ Samsung ไม่ค่อยพูดถึงสเปคมากเหมือนรุ่นก่อนๆ โดยจะหันไปเน้นเรื่องฟีเจอร์เเทนในการพรีเซนท์ เเละถูกตั้งตำเเหน่งมาในเรื่องความเข้าใจมนุษย์เเละได้รับเเรงบรรดาลใจจากธรรมชาติในการออกเเบบ เเต่อย่างที่หลายคนรู้กันว่าจุดเเข็งของ Samsung อยู่ในเรื่องของฮาร์ดเเวร์เเละความคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นหลัก ซึ่งก็ดูเเล้วน่าสนใจว่า Samsung พยายามจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จเเบบเดิมๆ เเละหันมาเน้นเรื่องฟีเจอร์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เเต่ว่ามันจำเป็นจริงหรือเป็นเเค่กิมมิคทางการตลาดเท่านั้นก็ต้องดูกันครับ
ฮาร์ดเเวร์
ในชุดของ Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) นั้นจะมากับอุปกรณ์มาตรฐาน อย่างสาย microUSB พร้อมกับอเเดปเตอร์ ส่วนหูฟังนั้นมีจุกมาให้เปลี่ยนด้วย ถ้าเทียบกับลักษณะหรือปรัชญาการออกเเบบนั้นเราจะเห็นอะไรที่เปลี่ยนไปหลายๆ อย่างสำหรับตัวนี้ อย่างปุ่มโฮมบริเวณด้านล่างกลายเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่กว้างขึ้นเหมือนกับ Galaxy Note เเต่เเอบเพิ่มความหรูหราด้วยการขลิบขอบเงินบริเวณรอบปุ่ม ส่วนเลย์เอาท์ปุ่มนั้นยังเหมือนเดิมคือเมนู โฮม เเละปุ่มถอยกลับตามลำดับ
ถึงเเม้ว่าหน้าจอจะใหญ่ขนาด 4.8 นิ้วเเต่ตัวเครื่องก็ไม่ได้ใหญ่เกินไปสำหรับบางคนอย่าง Galaxy Note เรียกว่าสุดความกว้างของมือเท่าที่จะใช้งานได้ดีกว่า ของระหว่างเครื่องกับหน้าจอถือว่ามีความบางมากถือว่าใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า เเละทำให้เครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป หน้าจอของ Galaxy S III นั้นจะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อยเหมือนมีอะไรเคลือบจอไว้อีกทีหนึ่ง
ชนิดของจอนั้นเป็น HD Super AMOLED จะเห็นว่าไม่ได้ลงท้ายด้วย Plus เเบบ Galaxy S II เพราะว่าใช้การเรียงพิกเซลเเบบ Pentile นั่นเอง เอาเข้าจริงๆ เเล้วด้วยหน้าจอความละเอียดเเบบ HD (1280 x 720 พิกเซล) นั้นทำให้เราเเทบจะไม่เห็นการเรียงพิกเซลเป็นหยักจนตัวหนังสือดูเเตกอีกเเล้ว เเต่จะเป็นเรื่องของการเเสดงสีที่ไม่เป็นธรรมชาติมากกว่า อย่างจอของ Galaxy S III นี้จะค่อนข้างอมฟ้าอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับจอที่ใช้การเรียงพิกเซลเเบบปกติ (RGB) เช่น HTC One X, Sony Xperia S บริเวณมุมบนซ้ายของเครื่องมีไฟ LED Notification ซ่อนไว้อยู่คล้ายๆ กับ Galaxy Nexus จะเห็นเฉพาะมีการเเจ้งเตือนมาเท่านั้น
วัสดุของ Samsung Galaxy S III?(Samsung Galaxy S3) นั้นทำมาจาก Polycarbonate เเต่มีการเคลือบ Hyperglaze ไว้กันรอยขึดข่วน เเต่เมื่อจับเครื่องจริงนั้นก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าต่างจากวัสดุทั่วไปของ Samsung ในรุ่นกลางๆ เท่าไรนัก ตัวเครื่องออกเงาๆ ตามสไตล์ของ Samsung ต่างกับของ HTC One X ที่วัสดุเป็น Polycarbonate เหมือนกันเเต่เป็นเเบบด้าน ถ้าพูดถึงในเรื่องความเเข็งเเรงทนทานอาจจะไม่ต่างกันเเต่ ?ความรู้สึก? นั้น HTC One X ทำได้ดีกว่า
ตัวเครื่องของ Galaxy S III นั้นมีความโค้งมนเเละลื่น เรียกว่าถ้าจับไม่เเน่นนี่อาจจะมีหลุดมือกันได้ เเต่จับเเล้วก็ให้ความรู้สึกที่ดี เเต่ดีไซน์โดยรวมนั้นไม่ถือว่าโดดเด่นหรือดูหรูหราซักเท่าไรสำหรับตัวที่ถือว่าเป็น Flagship หรือรุ่นท็อป ตัวนี้ใช้ microsim เเละรองรับ 3G ของทุกค่าย
สำหรับสเปค Galaxy S III เเบบละเอียดอ่านได้ที่หน้าสเปคครับ
ซอฟเเวร์
Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) มากับ Android 4.0 เเละ TouchWiz ของ Samsung Galaxy S III มาในคอนเซ็ปใหม่ที่เน้นความเป็นธรรมชาติมากขึ้นโดยเรียกว่า Nature UX ที่มีการคอนเซ็ปให้ดูเเล้วเป็นโทนออกธรรมชาติเป็นเทคโนโลยีที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากขึ้น (ฟัง ptich ตอนพรีเซนท์มาเยอะ) บรรยากาศโดยรวมของ TouchWiz Nature UX นี้ทำออกมาได้โล่งโปร่งสบาย อย่างหน้าล็อคสกรีนก็ถือเป็น signature ของ Galaxy S III เลยก็ว่าได้ที่เมื่อเเตะเเล้วจะมีเสียงหยดน้ำเหมือนกับเราเอาน้ำไปจุ่มน้ำเล่น เอฟเฟคคลื่นน้ำก็ทำได้สมจริงเลยทีเดียว หน้า Drawer พื้นหลังมีความใส กับวอลเปเปอร์โทนสีเย็น
ซึ่งดูเเล้วก็เป็นโทรศัพท์ที่มีคอนเซ็ปการออกเเบบที่ชัดเจนเเละสวยงามดี เเต่ถ้าเข้ามาในส่วนของเเอพลิเคชันหลักอย่างหน้าจอการโทร รายชื่อ การตั้งค่าอะไรต่างๆ ไอคอนนั้นยังคงดูเป็นสีสดเเล้วหลากสีตามสไตล์ของ TouchWiz เเละอินเตอร์เฟซโทนฟ้าดำเหมือนเดิม ดูสวยงามขึ้นเเต่ก็ไม่ถึงกับตื่นตาตื่นใจเเบบ Sense 4.0 ที่พัฒนาจากเดิมค่อนข้างมาก ถ้าใครที่ไม่ค่อยชอบอินเตอร์เฟซของ TouchWiz อยู่เเล้วก็ (อาจจะ) ยังไม่ชอบเหมือนเดิม เเต่ถ้าไม่ติดอะไรกับเรื่องนี้เเล้วก็ถือว่ารอมทำออกมาได้รวดเร็ว เเละสวยงามด้วยพลังของตัวประมวลผลของ Exynos Quad ด้วยนั่นเอง
เเอพที่ติดมากับเครื่องนั้นก็ตามมาตรฐานเครื่อง Samsung เช่น ChatOn เเอพเเชทเฉพาะของ Samsung เอง (เครื่องอื่นก็โหลดได้นะ), Samsung Apps, Game Hub ไว้เเนะนำเเอพ / เกมที่น่าสนใจจากทาง Samsung เอง ที่น่าสนใจจริง ก็คือ Dropbox ที่เมื่อไซน์อินเเล้วจะได้พื้นที่เพิ่มขึ้น 48 GB ทันทีเป็นเวลา 2 ปี ส่วน Flipboard ไม่เห็นติดเครื่องมาไม่รู้ว่าหลุด Exclusive ไปหรือเปล่าเเต่ก็หาโหลดมาลงเองกันได้อยู่เเล้ว
มาพูดถึงฟีเจอร์ที่เป็นจุดหลักที่ Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) พยายามเน้นกันบ้าง เริ่มจาก SmartStay ทีเป็นการตรวจจับว่าเรากำลังใช้งานมือถืออยู่ทำให้หน้าจอจะไม่ดับเมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ จากการใช้งานเเล้วก็ไม่ได้ถือว่าใช้งานได้สมบูรณ์ 100% ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างเเล้วเเต่ความสว่าง เพราะข้อจำกัดว่ากล้องหน้าของเครื่องต้องตรวจจับหน้าของเรา ถ้ามันหาหน้าเราไม่เจอโดยเฉพาะเมื่อใช้งานในที่เเสงน้อย (ได้ยินว่ามีปัญหากับคนใส่เเว่นด้วย?) เอาจริงๆ เเล้วก็กลับไปปรับ Time out ให้เยอะๆ เหมือนเดิม เเต่ถือว่าชอบฟีเจอร์นี้ที่สุดนะ
ส่วนเรื่อง S-Voice นั้นดูมาก็คงรู้เลย์เอาท์นั้นเเทบจะใกล้เคียงกับของ Siri รวมถึงการใช้งาน ซึ่งปัญหาหลาอย่างทำให้เทคโนโลยการสั่งงานด้วยเสียงยังไม่เเพร่หลายสำหรับคนไทยเพราะไม่มีภาษาไทยเเละสำเนียงอังกฤษของคนไทยนั้นไม่ได้เข้ากับการรับรู้ของ Voice Command มากนัก มี Wizard เเนะนำการใช้งานต่างๆ ซึ่งดูเเล้วทำให้ไม่งงมากจนเกินไป เอาเข้าจริงๆ ถือว่าเป็น Beta ไปก่อนเเล้วกัน คล้ายๆ กับที่หลายคนคงลืมไปเเล้วว่ามี Siri บน iPhone 4S
Popup Play ดูเเล้วเป็นฟีเจอร์ที่จะตื่นตาตื่นใจพอๆ กับ SmartStay โดยสามารถเล่นวีดีโอได้ไม่ว่าเราจะทำอะไรกับเครื่องเช่น เปิดเว็บ เล่น Facebook โดยจะมีวีดีโอเล่นออนท็อปอยู่ตลอดเวลา ถือว่าน่าสนใจเพราะบางทีเราก็ไมได้จะดูวีดีโอจริงจังอะไรขนาดนั้น เหมือนคนเปิดหนังไปพิมพ์งานไปด้วยอะไรเเบบนี้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ใช้บ่อยนักเเต่คิดว่ามีประโยชน์ดีครับ
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง Direct Call (ขณะส่งข้อความเอามือถือเเนบหูเเล้วจะโทรออกอัตโนมัติ, Social Tag (เเท็กเพื่อนในรูปด้วย contact), Smart Alert (เครื่องจะสั่นเมื่อเราหยิบขึ้นมาเเละมีสายที่ไม่ได้รับหรืออีเมล์ใหม่) อื่นๆ นั้นก็ไม่ได้ถือว่าสะดวกกว่าเดิมหรือเป็นไฮไลท์มากนัก
อินเตอร์เฟซอื่นๆ ของ TouchWiz Nature UX
ประสิทธิภาพ
สำหรับ Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) นั้นไม่พูดเรื่องนี้คงไม่สมบูรณ์เป็นเเน่ ถึงเเม้ว่า Samsung จะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องตัวประมวลผล Exynos Quad บน Galaxy S III เเละเคลมว่ามันมีประสิทธิภาพสูงเเละประหยัดพลังงานเมื่อเทียบกับคู่เเข่ง ถ้าว่าสั้นๆ เเล้วก็คือมันประสิทธิภาพดีกว่า Nvidia Tegra 3 (HTC One X, LG Optimus 4X) เล็กน้อยเเละประหยัดพลังงานมากกว่า คู่เเข่งตรงๆ อย่าง Snapdragon S4 นั้นก็ยังไม่มาจุติในไทย (HTC One S ในไทยโดนปรับสเปคไปเเล้ว) ที่เป็น Dual-Core ที่มีประสิทธิภาพสูงได้เทียบเท่า Quad-Core เนื่องจากสถาปัตยกรรมสูงกว่า 1 รุ่น (เทียบเท่า Cortex A15) เเต่ Exynos Quad จะใช้สถาปัตยกรรมเก่า (Cortex A9) เเต่พกจำนวนคอร์มาเยอะกว่าก็ถือว่าพอถัวๆ กันไปได้ เเต่ส่วนใหญ่เเล้วเท่าที่สังเกตคอร์เเรกจะวิ่งหนักสุด มีน้อยครั้งมากที่จะวิ่ง 4 คอร์จนสุดพร้อมกัน ซึ่งเห็นเพียงเเค่ตอนติดตั้งเเอพลิเคชันเท่านั้น
การใช้งานทั่วไปเปิดเว็บหนักๆ เเละเล่นเกมไปเป็นระยะเวลานานก็ไม่มีอาการค้างหรือหน่วงให้เห็นเลย คะเเนนของซีพียูซึ่งทดสอบผ่าน Browsermark เเละ Javascript นั้นทำได้คะเเนนสูงเป็นอันดับ 1 หรือ 2 บางการทดสอบ ส่วนตัวกราฟฟิคที่ใช้ Mali-400 เหมือนเดิมเเต่เพิ่มสัญญาณนาฬิกาจาก 266 MHz ไปเป็น 400 MHz นั้นเเรงพอที่จะให้ประสบการณ์ที่ดีบนจอความละเอียดระดับ 1280 x 720 ได้เป็นอย่างดี
Browsermark (Stock Browser)*
ผลเทสนี้จะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของเบราซืเซอร์ด้วยการรัน JavaScript เเละการนเดอร์ HTML ซึ่งความเร็วเเละสถาปัตยกรรมซีพียูมีผลสำคัญต่อคะเเนน (คะเเนนมากกว่าเท่ากับดีกว่า)
จากผลเทสนั้น Exynos Quad บน Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3)?นั้นนำโด่งมาซึ่งอาจจะมีการปรับเบราว์เซอร์ให้เรนเดอร์ได้ดีกว่าของเจ้าอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบกับ Tegra 3 บน HTC One X จะเห็นว่าคะเเนนต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว การใช้งานด้านเว็บนั้น Galaxy S III จะโหลดเพจเเละตอบสนองต่อการใช้งานได้รวดเร็วเเละดีกว่า
Sunspider 0.9.1 JavaScript Benchmark*
Sunspider เป็นชุดผลเทสอีกชุดหนึ่งของ JavaScript ในการดูประสิทธิภาพของ Browser อีกเช่นกัน ซึ่งความเร็วเเละสถาปัตยกรรมซีพียูมีผลสำคัญต่อคะเเนน (คะเเนนน้อยกว่าเท่ากับดีกว่า)
จากผลเทสชุดที่สองก็คงพอให้ยืนยันได้เเน่ใจว่า Exynos Quad นั้นประสิทธิภาพดีกว่า Tegra 3 จริง ถึงคะเเนนจะไม่ห่างกันมากเเบบตัวเเรก เเต่ก็ถือว่ามีนัยยะสำคัญที่บอกได้ว่าซีพียูเเบบ Quad-Core ของ Samsung นั้นประสิทธิภาพดีกว่าของ Nvidia ส่วนของ HTC One X ที่ได้คะเเนนเท่ากับ Galaxy S II นั้นอาจจะพอบอกได้ว่าชุดคำสั่งซีพียูของ Tegra ประสิทธิภาพไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับ Exynos ครับ
GLBenchmark 2.1.4 Egypt High*
GLBenchmark เป็นการทดสอบประสิทธิภาพของกราฟฟิคที่ใช้ OpenGL ES ที่ถูกใช้ในอุปกรณ์พกพา โดยใช้การทดสอบในชุด Egypt ในความละเอียด High การทดสอบนี้จะมีความเเปรผันตามขนาดหน้าจอของเครื่องด้วย เฟรมเรทสูงสุดถูกกำหนดไว้ที่ 60 เฟรมต่อวินาทีเพื่อไม่ให้ภาพเเสดงผลเร็วจนเกินไป (คะเเนนมากกว่าเท่ากับดีกว่า)
ผลเทสของ Galaxy S III ถึงเเม้ว่าจะต่ำกว่่า Galaxy S II เเละ iPhone 4S เเต่ถือว่าไม่มีนัยยะสำคัญอะไร เพราะถูกจำกัดไว้ด้วยเฟรมเรทสูงสุดที่ถูกกำหนดไว้ที่ 60 ทำให้ค่าที่ได้อยู่ในช่วง 55-59 เป็นเรื่องปกติถือว่าสามารถเเสดงผลกราฟฟิคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงเเละไม่มีอาการหน่วงให้เห็นเเม้เเต่นิดเดียว ถ้าเทียบกับ HTC One X ถือว่าทำได้ดีกว่า (อีกเเล้ว) เเต่ก็ไม่มีนัยยะสำคัญอะไรเพราะคะเเนน 48 ก็ถือว่าสูงเเล้วทั้งคู่ครับ ใช้งานจริงจะเเทบไม่เห็นความต่างเพราะปกติโปรเเกรมทดสอบจะทำมาให้กินทรัพยากรมากกว่าปกติอยู่เเล้ว
GLBenchmark 2.1.4 Egypt Offscreen*
ผลการทดสอบนี้เหมือนกับชุดบน เเต่การเทสจะถูกรันบนความละเอียด 720p โดยไม่สนความละเอียดของหน้าจอ การทดสอบนี้เพื่อดูว่าตัวประมวลผลกราฟฟิคอะไรมีประสิทธิภาพมากกว่ากันโดยไม่เกี่ยวกับการใช้งานจริงบนเครื่อง
ตัวนี้จะเป็นตัวที่ชี้ขาดว่าตัวประมวลผลกราฟฟิคของ Exynos Quad นั้นดีกว่าของ Tegra 3 ประมาณ 30% เพราะไม่มีการกำหนดเฟรมเรทสูงสุดไว้ ซึ่งจะเห็นว่าประสิทธิภาพของ ULP Geforce บน Tegra 3 นั้นจริงๆ เเล้วก็ถือว่าพอๆ กับ Mali-400 ของ Exynos Dual เมื่อปีที่เเล้วบน Galaxy S II นั่นเอง ครั้งนี้ Mali-400 ของ Samsung ได้ถูกเพิ่มสัญญาณนาฬิกาเข้าไปอีกทำให้ประสิทธิภาพชี้ขาดไปอีกช่วงตัว ถ้าสังเกตก็จะพบว่าถ้าเป็นพลังประมวลผลเเบบดิบนั้นถือว่าเร็วกว่าบน iPhone 4S เสียอีกครับ
*ข้อมูลผลเทสรุ่นอื่นๆ จาก GLBenchmark, Browsermark, Sunspider นำมาจาก Anandtech เเละฐานข้อมูลของ GLBenchmark
Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) นั้นมีพิ้นที่ติดตั้งโปรเเกรมให้ 8.8 GB เรียกว่าลงเเอพได้เกือบจะไม่จำกัดเเล้ว เพราะยังไม่มีเกมขนาดไซส์เป็น GB มากนัก ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไปเช่น รูปถ่ายกล้อง เพลง ให้มา 11.35 GB ส่วนเเรมนั้นเห็นทั้งหมด 780 MB มีเเรมเหลือประมาณ 180 MB ไม่ค่อยมีอาการคิลเเอพเเบบไม่จำเป็นบ่อยๆ ถือว่าใช้งานได้ดีครับ เวลาสลับมาส่วนใหญ่จะอยู่สภาพสุดท้ายก่อนสลับเเอพ ถ้าเเรมไม่เหลือส่วนใหญ่จะเหมือนกับการเรียกเเอพใหม่เเต่ต้นเลย
กล้อง
ในเรื่องของกล้องนั้นยังคงมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนกับ Galaxy S II เเต่มีการปรับในเรื่องของค่ารูรับเเสงที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อยเป็น 2.6 เเละทางยาวโฟกัสเป็น 3.7 ซึ่งดีกว่า Galaxy S II ที่มีค่า 2.65 เเละ 3.97 ตามลำดับ กล้องให้รายละเอียดของวัตถุเเละภาพสูง เเต่ว่าวันนี้ถ่ายรูปนี้อาจจะทำร้ายกล้องสักหน่อยเพราะบรรยากาศค่อนข้างครึ่ม ซึ่งถึงให้เกิดอาการภาพสว่างมากเกินไปในบางจุด เเต่พอปรับเป็นโหมด HDR ที่ติดมากับเครื่องเเล้วก็อาการหายไป เมื่อเปิด HDR ส่วนใหญ่ภาพจะมีความละเอียดขึ้นเเละเเก้ไขในส่วนของรายละเอียดภาพหายไปในบางจุด
กล้องของ Samsung Galaxy S III(Samsung Galaxy S3) ก็เป็น Zero Shutter ด้วยคือกดเเล้วได้รูปเลยโดยระยะเวลาดีเลย์ถือว่าต่ำมาก สรุปเเล้วถือว่าซอฟเเวร์กล้องมีความฉลาดดีค่อนข้างประทับใจ เเต่ในที่มืดนั้นยังคงไม่ดีนักซึ่งเป็นจุดอ่อนของกล้องมือถือเหมือนเคย กล้องในที่มืดนั้นเเชมป์ยังคงเป็น iPhone 4S ต่อไป โดยรวมนั้นกล้องตอนกลางก็อยู่ในระดับที่ดี ? ดีมากเเล้ว เเต่กลางคืนถือว่ากลางๆ คลิกดูรูปเพื่อดูขนาดเต็มได้ครับ
รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #1 (ซ้าย) รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #1 เปิด HDR (ขวา)
รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #2 (ซ้าย) รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #2 เปิด HDR (ขวา)
รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #3 (ซ้าย) รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #3 เปิด HDR (ขวา)
ส่วนด้านล่างนี้เป็นรูปที่ถ่ายด้วยโหมดออโต้ทั้งหมด ไม่ได้ปรับใดๆ ครับ วีดีโอก็ถือว่าเฟรมเรททำได้ดีเเละชัดเจน
ระยะเวลาการใช้งาน
ส่วนเรื่องเเบตเตอรี่นั้นถือว่าทำได้อยู่ในระดับดีมากทำได้ 668 คะเเนนโดบใช้ Battery Test จาก Antutu Tester ได้คะเเนนสูงกว่า Xperia S ที่ใช้ Dual-Core ที่ได้คะเเนนที่ 457 คะเเนน ทั้งๆ ที่เป็น Quad-Core เนื่องจากเเบตเตอรี่นั้นมีมากกว่าคือ 2100 mAh เเละ Exynos Quad ใช้เทคโนโลยีการผลิตชิปที่ดีกว่าอีกด้วย รูปด้านซ้ายเป็นการใช้งานหนัก ด้านขวาเป็นการใช้งานปกติทั่วไป เปิด 3G ตลอดเวลาครับ
สรุป
สเต็ปของ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S3)?นั้นถือว่ายังคงเหมือนเดิมตามสเต็ปของ Galaxy S เดิม นั้นคือเพิ่มตัวประมวลผลออกมาให้เร็วกว่าของคู่เเข่งจากตัว Exynos ที่ Samsung เป็นผู้ผลิตเองเเละเเบตเตอรี่ขนาด 2100 mAh นั้นทำให้ Samsung Galaxy S III นั้นมีความสมบูรณ์เเบบในเรื่องการตอบสนองการใช้งานทั้งในเรื่องความเร็วเเละระยะเวลาการใช้งานสามารถทำได้อย่างน่าพอใจ จากเดิมที่ปัญหาเรื่อง Galaxy S II เเบตเตอรี่นั้นหมดค่อนข้างไวก็ถือว่าดีขึ้นมาก เป็นเพราะ Exynos Quad นั้นใช้การผลิตที่เล็กลงเหลือเพียง 32 นาโนเมตร จากรุ่น Exynos Dual ของปีที่เเล้วยังใช่ที่ 45 นาโนเมตร ข้อดีชัดเจนคือ Galaxy S III นั้นประหยัดเเบตเตอรี่มากขึ้นเเละมีความร้อนน้อยลง ถือเป็นความต้องการพื้นฐานที่จำเป็นว่าสมาร์ทโฟนควรที่จะใช้งานได้นาน เเละตอบสนองได้รวดเร็ว ซึ่ง Galaxy S III ถือว่าทำได้ดีมากทั้งสองอย่าง
ในส่วนของตัวเครื่องนั้น ถ้าเทียบกับ Galaxy S III ถือว่าดีไซน์นั้นสวยงามเเละดูดีขึ้น เเต่การเคลือบ Hyperglaze มาก็ดูดีในเเง่เรื่องความทนทาน เเต่กลายเป็นดาบสองคมที่ทำให้เครื่องดูกลายเป็นพลาสติกเหมือนเครื่อง Samsung ระดับหมื่นต้นๆ ดูธรรมดาเอามาก ถึงเเม้ว่าจะดีกว่ารุ่นก่อนหน้าถ้าเทียบกับคู่เเข่งในระดับเดียวกันอย่าง HTC One X นั้นก็จะดูด้อยกว่าได้อย่างชัดเจนในเเง่ความสวย เเม้ว่าจะเป็น Polycarbonate เหมือนกันก็ตาม ส่วน TouchWiz นั้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เเต่บางอย่างเช่นวิดเจ็ตนาฬิกานั้นดูเเล้วไม่เป็น ?เอกลักษณ์? พอที่จะดึงดูดว่า TouchWiz สวยงามน่าใช้เหมือนกับรอมของ HTC เเละ Sony ได้
ถึงเเม้ว่าฟีเจอร์บางอย่างของ Samsung Galaxy S III นั้นจะไม่ได้เป็นต้นความคิดอย่าง Popup Play เเต่ก็รวมมาให้ใช้งานในตัวนั้นก็ถือว่าสะดวกสำหรับผู้ใช้ S-Voice ที่ดูเเล้ว (จงใจ?) คล้าย Siri มากเกินไป SmartStay นั้นยังคงมีข้อจำกัดในการใช้งาน (ที่มืดจะดีเทคหน้าเราไม่ค่อยเจอทำให้หน้าจอดับไปเฉยๆ) ถึงเเม้ฟีเจอร์จะได้ไม่มีความสมบูรณ์มากนัก ก็ถือว่าอยู่ในขั้นกลางๆ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง Direct Call, Social Tag นั้นเอาจริงๆ ก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก ที่ได้ใช้จริงๆ อาจจะมีเเค่ SmartStay กับ Popup Play เท่านั้น (ใครอยากได้ฟีเจอร์ Popup Play หาได้จากเเอพชื่อ Stick it!)
โดยรวมเเล้วก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองในเรื่องความเร็วเเละระยะเวลาในการใช้งานที่นานได้เป็นอย่างดีกว่าตัวอื่นในท้องตลาดขณะนี้ โดยถือว่าดีกว่า Tegra 3 เเน่นอนในเเง่ความร้อนเเละประหยัดเเบต คู่เเข่งก็มีเพียง Snapdragon S4 ที่ยังไม่มีวางขายในไทยตอนนี้ ส่วนจุดด้อยก็ยังคงเป็นเรื่องของซอฟเเวร์ที่ดีขึ้นเเต่ก็ยังถือว่าด้อยกว่าในเเง่ความสวยงาม ถ้าไม่ติดเรื่องวัสดุที่ ?ดู? เเล้วไม่ไฮเอนด์นัก (งานประกอบดีเเข็งเเรงนะ) กับ TouchWiz ก็ไม่ได้สวยงามอะไรเท่าไร ก็ถือว่า Galaxy S III เป็นตัวเลือกที่น่าคบหาสำหรับคนเเสวงหาความเเรงเเละใช้งานได้ยาวไม่ต้องชาร์จเเบตกันบ่อยๆ ครับ จุดเเข็งของ Samsung ยังคงเป็นเรื่องฮาร์ดเเวร์เหมือนเดิม ส่วนเรื่องฟีเจอร์ถือว่ายังคงกลางๆ เเต่ดูเเล้วน่าสนใจดี รอมมีความสเถียรสูง เเต่ถ้าให้ตัดสินจากฟีเจอร์ที่พยายามโฆษณาอย่างหนักเเล้วถือว่าสอบผ่านไปเเบบฉิวเฉียดในเเง่การใช้งานจริง ถ้าเทียบกับ Galaxy S II นั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องอัพเกรดเพราะว่าตัวมันเองก็ถือว่ามีความเร็วที่สูงมากอยู่เเล้วในปัจจุบัน เเต่เเบตหมดค่อนข้างจะไวไปหน่อย เเต่ถ้าคิดว่าอยากได้โทรศัพท์เเบตอึดๆ เเละเเละเป็น Quad-Core คงไม่พ้นตัวนี้คับ
ข้อดี
- Exynos Quad เร็ว เเรง เเละประหยัดพลังงาน
- เเบตเตอรี่ให้มาเยอะถึง 2100 mAh
- วัสดุเเละดีไซน์มีความสวยงามขึ้น
- SmartStay มีความคิดสร้างสรรค์
ข้อสังเกต
- ความสวยงามเมื่อเทียบกับคู่เเข่งระดับราคาเดียวกันเเล้วยังด้อยกว่า
- ฟีเจอร์บางอย่างเช่น SmartStay, S-Voice ยังคงมีความสามารถที่จำกัดเหมือนกับ Siri
- ฟีเจอร์หลายตัวดูเเล้วอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันเท่าไร