ความนิยมมือถือจอใหญ่ ที่จัดอยู่ในกลุ่มระดับแฟ็บเล็ตเริ่มมีสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ สามารถมองภาพบนจอได้ง่าย สบายตา อีกทั้งหลายๆ รุ่นยังมีราคาที่ไม่สูงมากนัก ทำให้หลายคนนิยมเลือกซื้อมือถือจอใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีแต่เฉพาะฝั่งของ Android เท่านั้น ต่อมาทาง Nokia ก็ได้เปิดตัว Nokia Lumia 1520 และ Lumia 1320 แฟ็บเล็ต Windows Phone ออกมา ที่สามารถสร้างกระแสได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องด้วยเป็นมือถือจอใหญ่ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่นับวันก็ยิ่งเห็นแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในครั้งนี้เราก็มีรีวิว Nokia Lumia 1320 มาให้ชมกันครับ มาดูกันว่า Lumia 1320 เครื่องนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
สเปค Nokia Lumia 1320
Nokia Lumia 1320 มีจุดเด่นที่หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว กับราคาค่าตัวซึ่งอยู่ที่ 11,500 บาทเท่านั้น (ราคากลาง) ซึ่งก็น่าจะสามารถเจาะตลาดกลุ่มผู้อยากซื้อมือถือช่วงราคาหมื่นต้นๆ ทำงานไหลลื่นได้ไม่น้อยทีเดียว เรามาดูสเปคต่างๆ ของ Nokia Lumia 1320 กันครับ
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 400 (MSM8930AB) แบบ Dual-core ความเร็วสูงสุด 1.7 GHz
- แรม 1 GB
- รอมภายในตัว 8 GB รองรับ MicroSD
- หน้าจอ ClearBlack IPS LCD ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 มาพร้อมเทคโนโลยี Super sensitive touch ทำให้สามารถใช้งานได้แม้ใส่ถุงมือ
- กระจกกันรอย Gorilla Glass 3
- กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียดระดับ VGA
- แบตเตอรี่ความจุ 3400 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 รองรับชุดอัพเดต Nokia Lumia Black
- รองรับวิทยุ FM
- ราคา 11,500 บาท
- สเปค Nokia Lumia 1320 เต็มๆ
ด้านของสเปคนั้น Nokia Lumia 1320 ก็จัดมาให้ในระดับกลางๆ ครับ อย่างชิปประมวลผลก็เป็นชิปรุ่นเดียวกับใน Samsung Galaxy Mega 6.3 ซึ่งออกมาในปีที่แล้วเลย หลายๆ ท่านอาจจะกังวลว่ามันจะแรงพอใช้งานหรือเปล่า ตรงจุดนี้รับรองเลยว่าสบายๆ เนื่องจาก Windows Phone นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่กินทรัพยากรเครื่องมากนัก ทำให้สามารถใช้งานได้สบาย ขนาด Nokia Lumia 520 ที่เป็นรุ่นเบาสุดก็ยังใช้งานได้ไหลลื่นดี ดังนั้น Lumia 1320 ก็ไม่ต้องห่วงเลย
จุดเด่นอื่นๆ ที่เป็นของมือถือ Nokia ในตระกูล Lumia ก็ยังให้มาครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอพาเนลแบบ IPS ที่มีเทคโนโลยี ClearBlack มาให้ ทำให้จุดที่เป็นสีดำดูมืดสมจริง ต่างจากในมือถือส่วนใหญ่ที่สีดำบนจอภาพไม่ดำจริงๆ ซึ่งการที่ส่วนมืดเป็นสีดำสนิท ก็มีส่วนช่วยทำให้ภาพและตัวอักษรบนจอมีความคมชัด มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งก็ยังไม่ลืมใส่เทคโนโลยี Super sensitive touch เข้ามาให้อีกเช่นเคย ทำให้ใครที่ใส่ถุงมือก็ไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานเครื่องไม่ได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่ต้องใส่ถุงมือบ่อยๆ เป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วยจุดเด่นอีกข้อของ Nokia Lumia 1320 ก็คือแบตเตอรี่ที่จัดเต็มมาถึง 3400 mAh เรียกว่าเยอะสะใจ เกินพอสำหรับใช้งานกับหน้าจอขนาด 6 นิ้วแน่นอน
แกะกล่อง Nokia Lumia 1320
หน้าตาและวัสดุกล่อง Nokia Lumia 1320 ก็ยังคงเป็นรูปแบบเดิมกับมือถือ Nokia หลายๆ รุ่นที่ผ่านมาครับ เน้นโทนสีฟ้า และตัดด้วยสีสันภาพบนหน้าจอที่อยู่หน้ากล่อง มีการเขียนระบุชื่อรุ่นเอาไว้ชัดเจน รับรองหยิบซื้อได้ไม่หลงรุ่นแน่นอน ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็มีให้มาแค่พื้นฐานเท่านั้นคืออะแดปเตอร์, สาย Micro USB, หูฟังแบบ Earbud และบรรดาเอกสารคู่มือเพียงเท่านั้น
หน้าตา Nokia Lumia 1320
รูปร่างหน้าตาของ Nokia Lumia 1320 ไม่ถือว่าแตกต่างจาก Nokia Lumia รุ่นอื่นๆ มากนัก ผิวหน้าเป็นกระจก Gorilla Glass 3 ทั้งแผ่น ขอบเครื่องเป็นชิ้นเดียวกับฝาหลัง โดยจะมีให้เลือกซื้อด้วยกัน 4 สีได้แก่สีแดง, เหลือง, ขาวและดำ จุดเด่นที่ทำให้แตกต่างออกไปจากมือถือ Nokia รุ่นอื่นๆ ก็คือหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องดูใหญ่กว่าปกติ ซึ่งจะมีก็เพียงแค่ Lumia 1520 เท่านั้นที่รูปร่างใกล้เคียงกัน เพราะหน้าจอมีขนาด 6 นิ้วเท่ากัน ขอบจอจัดว่าค่อนข้างแคบพอสมควร ช่วยให้เครื่องไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป (แต่แค่นี้ก็จัดว่าใหญ่พอตัวแล้ว) สามารถใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ได้นะครับ แต่อาจไม่สนิทนัก เวลาเดินขึ้นลงบันไดก็มีขัดๆ ขาบ้างนิดหน่อย แต่ใช้เวลาปรับตัวซักพักก็คงชิน
ด้านบนเหนือจอมีโลโก้ Nokia ที่คุ้นเคย, ลำโพงสนทนา, กล้องหน้าและเหล่าเซ็นเซอร์วัดแสง เซ็นเซอร์วัดระยะห่าง
ส่วนด้านล่างมีเพียงแถบปุ่มกดสั่งงานแบบ capacitive ใต้ปุ่มไม่มีไฟ LED ช่วยส่องสว่างนะครับ
ฝาหลัง Nokia Lumia 1320 เป็นโพลีคาร์บอเนตเนื้อเนียน สามารถจับได้สบายมือ มีความแข็งแรงพอสมควร
ฝั่งบนจะเป็นที่ตั้งของกล้องหลังความละเอียด 5 ?ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชแบบ LED 1 ดวง ตัวกระจกปิดเลนส์จะราบไปกับแผ่นฝาหลัง
ส่วนฝั่งด้านล่างก็เป็นที่ติดตั้งของลำโพงในตัวเครื่อง ซึ่งมีช่องช่วยให้เสียงออกมาติดอยู่ตรงฝาหลังด้วย ถ้าสังเกตดีๆ จะมีจุดนูนขนาบช่องลำโพงอยู่ ช่วยป้องกันเวลาวางฝาหลังนาบไปกับพื้นแล้วพื้นจะไปปิดฝาหลัง ทำให้ไม่ได้ยินเสียงริงโทนหรือเสียงแจ้งเตือน ซึ่งเอาจริงๆ ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ
ฝาหลังของ Nokia Lumia 1320 สามารถแกะออกมาได้โดยการแงะที่บริเวณมุมล่างทั้งสองมุมของฝาหลัง จากนั้นจึงค่อยๆ ดึงทั้งฝาออกมา เมื่อแกะขึ้นมาแล้วก็จะพบว่ามีจุดสนใจอยู่แค่ที่เดียวคือตรงช่องใส่ซิมการ์ดและ MicroSD เท่านั้น ส่วนแบตเตอรี่ถูกฝังอยู่ในตัวเครื่องอีกที
โดยช่องทั้งสองจะติดตั้งอยู่ที่เดียวกันครับ แต่แบ่งเป็นช่องใส่ไมโครซิมอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นช่องใส่ MicroSD
ด้านบนของ Nokia Lumia 1320 มีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งอยู่
ด้านล่างก็มีแค่ช่อง Micro USB เท่านั้นครับ
ปุ่มกดส่ังงานทั้งหมดจะอยู่ฝั่งขวาของเครื่อง ไล่จากซ้ายสุดในภาพก็จะเป็นปุ่มชัตเตอร์สำหรับถ่ายรูป ถ้าอยู่ในระหว่างใช้งานแอพอื่นหรือล็อคหน้าจออยู่ ก็สามารถกดค้างเอาไว้เพื่อเปิดใช้งานแอพกล้องได้ทันที โดยสามารถตั้งค่าได้ว่าแอพกล้องเริ่มต้นจะให้เป็นแอพกล้องพื้นฐาน หรือจะเป็นแอพ Nokia Camera ก็ได้ด้วย ถัดมา ปุ่มกลางคือปุ่ม Power ที่ใช้เปิด/ปิดหน้าจอ ส่วนแถบปุ่มริมขวาสุดคือแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงครับ ตำแหน่งการวางปุ่มก็ถือว่าค่อนข้างพอดีกับการถือเครื่องและวางนิ้วหัวแม่มือของมือขวานะ โดยเฉพาะปุ่ม Power ส่วนปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงอาจจะลำบากนิดหน่อย
ฝั่งซ้ายไม่มีปุ่มกดหรือพอร์ตใดๆ อยู่เลยทั้งสิ้น
รวมๆ แล้วตัวเครื่องก็สามารถจับใช้งานได้สะดวกพอสมควรครับ แต่อาจจะมีหนักมือบ้างเหมือนกัน เนื่องด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6 นิ้ว และแบตเตอรี่ความจุสูงกว่า 3400 mAh ที่ทำให้สามารถใช้งานได้นาน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักตัวเครื่องโดยรวมที่สูงถึง 220 กรัม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือจอใหญ่พิเศษ ใช้งานได้ยาวนานมากเลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia Lumia 1320
ตัวอย่างภาพหน้าจอ Nokia Lumia 1320
สำหรับ Nokia Lumia 1320 ก็จะติดตั้งมาพร้อมกับแอพพลิเคชันหลักๆ ของทาง Nokia เช่น Nokia Camera แอพกล้องคุณภาพสูง, Nokia Cinemagraph รวมถึงกลุ่มแอพ Nokia HERE อย่าง HERE Maps และ HERE Drive ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งแอพที่ส่วนตัวผมว่าน่าสนใจทีเดียว นั่นคือ Data Sense ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบการใช้งาน 3G และ WiFi ได้อย่างง่ายดายว่าใชไปแล้วเท่าไร ใช้กับแอพใดมากที่สุด ช่วยให้สามารถวางแผนการใช้งานข้อมูลได้เป็นอย่างดีทีเดียว ส่วนแอพกลุ่ม Microsoft Office ก็ยังติดมาให้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, Powerpoint, Excel รวมถึง OneNote ที่ช่วยให้การจดบันทึกทำได้ง่าย
แต่จุดที่กลุ่มแอพ Microsoft Office เหล่านี้มีเหนือกว่าแอพออฟฟิศตัวอื่นๆ ก็คือมันสามารถซิงค์และทำงานร่วมกับไฟล์แบบออนไลน์ได้ ทำให้เราสามารถนำงานเอกสารที่ค้างจากบนคอมพิวเตอร์ มาตกแต่ง แก้ไขต่อบนมือถือได้อย่างง่ายดาย และยิ่งกับบน Nokia Lumia 1320 ที่เป็นแฟ็บเล็ตจอใหญ่ถึง 6 นิ้ว ก็ยิ่งทำให้การดูแลจัดการไฟล์เอกสารทำได้สะดวกกว่ามือถือจอปกติมากทีเดียว
สำหรับ Nokia Lumia 1320 เครื่องนี้มาพร้อมกับ Windows Phone 8.0 ที่ติดตั้งชุดอัพเดต Amber หรือที่เรียกว่า Nokia Lumia Black เรียบร้อยแล้ว ซึ่งชุดอัพเดต Lumia Black นั้นมาเพิ่มแอพ ฟีเจอร์ และความสามารถการใช้งานเข้ามาอีกหลายอย่างทีเดียวครับ เช่น
- ฟีเจอร์ Glance Screen ที่ช่วยแสดงเวลาและการแจ้งเตือนบนหน้าจอมือถือเมื่อเราไม่ได้ใช้งานเครื่อง (อยู่ในสถานะ stand by) ทำให้ไม่พลาดในทุกการแจ้งเตือน
- รองรับการทำงานกับแอพ Nokia Camera ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ในระดับโปรยิ่งขึ้นกับการตั้งค่าได้เองค่อนข้างอิสระ รวมถึงช่วยให้ปรับแต่งภาพได้หลากหลาย
- รองรับการทำงานกับแอพ Nokia Beamer ที่ทำให้สามารถแชร์ภาพหน้าจอไปยังอุปกรณ์อีกเครื่องได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ร่วมกับมือถือระบบอื่นได้สบายๆ ขอแค่มีอินเตอร์เน็ต หรือจะแชร์ไปยังทีวีก็ได้ (เครื่องที่จะใช้ต้องมีแรมอย่างต่ำ 1 GB)
ส่วนในภาพซ้าย ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าส่วนของชื่อเครื่องจะยังคงเป็น Lumia 1520 อยู่ ตรงนี้ก็เนื่องมาจากผมเลือก restore ข้อมูลมาจาก Nokia Lumia 1520 ที่ได้ทำการ backup ระบบเก็บไว้บนเซิฟเวอร์ครับ เมื่อเริ่มเปิดใช้งาน Lumia 1320 เครื่องนี้ครั้งแรก ระบบก็จะมีให้เลือกว่าต้องการ restore ข้อมูลจากเครื่องเก่าๆ มาหรือไม่ ผมก็เลือก restore มาจากไฟล์สำรองของ Lumia 1520 ผลก็คือผมสามารถใช้งานแอพและการตั้งค่าเดิมๆ จากมือถือเครื่องเก่าได้เลย แบบไม่ต้องลงแอพใหม่ ไม่ต้องมาปรับตั้งค่าใหม่แต่อย่างใด นับว่าสะดวกดีทีเดียว
สำหรับใครที่ไม่ต้องการใช้งานฟีเจอร์ Glance Screen ก็สามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้ครับว่าจะใช้งานหรือไม่ จะให้ใช้งานขนาดไหน โดยมีให้เลือก 4 ระดับคือ
- ปิดการทำงาน
- เปิด Glance เมื่อเอามือไปอังไว้เหนือจอ (บริเวณเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง)
- เปิดเป็นช่วงๆ เวลา
- เปิดตลอดเวลาเมื่อปิดหน้าจอ (เปลืองแบตที่สุด)
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการแสดงผลในเวลากลางคืนได้ด้วยครับว่าจะให้ตัวอักษรเป็นสีอะไร เพื่อความสะดวกในการดูเวลาและการแจ้งเตือน
สำหรับใครที่ชอบฟังเพลง แล้วอยากปรับแต่ง equalizer ให้เป็นไปตามที่ต้องการ ก็สามารถปรับได้จากใน Settings ของระบบเลย รวมถึงยังสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dolby ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้จะสามารถปรับและใช้งานได้เฉพาะตอนเสียบหูฟังหรือลำโพงทางช่องเสียบแจ็ค 3.5 มิลลิเมตรอยู่เท่านั้นนะครับ การเชื่อมต่อลำโพงผ่าน Bluetooth จะไม่สามารถปรับเสียงในเมนูนี้ได้
เมนู Storage Check เป็นส่วนที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบการใช้พื้นที่หน่วยความจำในแบบที่เห็นภาพได้ง่ายครับ เด่นด้วยกราฟวงกลมที่แสดงปริมาณข้อมูลที่ใช้ไป แยกเป็นแต่ละประเภท ส่วนในแท็บ detail ก็จะเป็นการแสดงรายละเอียดว่ามีไฟล์ประเภทไหนเท่าไร อย่างไรบ้าง พร้อมทั้งมีปุ่มเพื่อให้เข้าไปดูรายละเอียดและลบไฟล์ที่ไม่ต้องการออกไปได้อีกต่างหาก
Data Sense เป็นฟีเจอร์ของตัว Windows Phone ที่ช่วยในการนับและคำนวณปริมาณข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่ใช้ไปของทั้ง WiFi และ Cellular (3G/4G) ว่าใช้ไปเท่าไรแล้ว ใช้กับแอพใดไปเท่าไรบ้าง รวมถึงยังสามารถตั้งให้จำกัดได้ด้วยว่าจะใช้งานเป็นปริมาณเท่าไร เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายเรื่องอินเตอร์เน็ตบานปลาย นับเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ดี โดยเฉพาะคนที่ใช้เน็ต 3G แบบจำกัดปริมาณ หรือคนที่ใช้แบบไม่จำกัดปริมาณแต่ไม่อยากใช้เกิน FUP (Fair Usage Policy) ของแพ็คเกจที่ใช้งานอยู่ เพราะกลัวเน็ตถูกปรับลดความเร็วจนช้าเกินไป
ในการอัพเดต Lumia Black ครั้งนี้ ได้มีการเพิ่มความสามารถการจับ tile ของไอคอนแอพมารวมในโฟลเดอร์เดียวกันได้ คล้ายๆ กับโฟลเดอร์รวมแอพของ iOS กับ Android เลยครับ ตัวอย่างจากในภาพซ้าย ที่มี tile ยาวๆ บรรจุ tile เล็กๆ เอาไว้ 4 อัน ซึ่งการจะสร้างโฟลเดอร์ได้นั้น น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำได้ในตัว ต้องไปติดตั้งแอพที่มีชื่อว่า App Folder ซึ่งเป็นแอพของ Nokia จากใน Windows Store มาติดตั้งก่อน จากนั้นจึงค่อยมาเลือกว่าจะเอาแอพอะไรไปใส่ไว้ในโฟลเดอร์บ้าง (ไม่สามารถลาก tile แล้วไปวางทับโฟลเดอร์แบบระบบอื่นๆ ได้)
ถึงแม้ว่ารูปแบบการทำงานจะค่อนข้างแปลกไปหน่อย แต่ก็ถือว่าโอเคแล้วครับที่มีการปรับปรุงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ถ้าจะปรับมากกว่านี้ก็คงต้องถึงระดับตัว Windows Phone เองแล้วล่ะ
แอพตัวต่อมาที่มากับชุด Lumia Black ก็คือ Nokia Beamer ที่ผู้ใช้สามารถส่งภาพหรือพิกัดบนแผนที่ไปให้ผู้ใช้งานเครื่องอื่นได้ ซึ่งสามารถส่งได้ทั้งแบบง่ายๆ เพียงแค่เครื่องรับเปิดเว็บ beam.nokia.com ขึ้นมา เมื่อเปิดมาแล้วจะมี QR Code มาให้ เราก็นำมือถือ Nokia เครื่องที่เป็นต้นทางมาสแกน QR Code เท่านั้นเอง ที่เหลือเป็นเรื่องของระบบจัดการส่งภาพขึ้นมา โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ภาพมันอัพเดตตลอดเวลา หรือจะให้อัพเดตภาพเมื่อเราเขย่าเครื่องต้นทาง ทั้งนี้การใช้งาน Nokia Beamer จำเป็นจะต้องใช้อินเตอร์เน็ตด้วย หรือจะเลือกส่งภาพแบบทางไกล (remote) ได้ด้วยครับ
เท่าที่ทดลองใช้งาน Nokia Beamer จาก Nokia Lumia 1320 ร่วมกับ Nexus 5 ที่ใช้งาน Android พบว่าก็สามารถใช้งานได้ดีพอสมควรครับ มีอาการหน่วงๆ ช้าๆ บ้างตอนเปลี่ยนภาพ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเร็วและความเสถียรของอินเตอร์เน็ตด้วย เหมาะสำหรับการใช้งาน WiFi แล้วเราต้องการส่งภาพจากในมือถือขึ้นไปดูบนจอ หรือแบ่งปันให้คนอื่นดูภาพหน้าจอเราด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ต้องใช้สายใดๆ ในการเชื่อมต่อเลย ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้นเอง
สำหรับเรื่องประสิทธิภาพการทำงานนั้น ลื่นหายห่วงครับ ด้วยสเปคที่เหลือเฟือแล้วสำหรับ Windows Phone ที่ไม่กินทรัพยากรเครื่องมากนัก สามารถใช้งานได้ไหลลื่น การสลับแอพก็ทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว การเลื่อนหน้าจอ การเปลี่ยนแท็บก็ทำได้ดี ไม่มีติดขัด แบตเตอรี่ก็อยู่ได้นาน ใช้งานทั่วไปเป็นวันได้อย่างสบายๆ เลย เสียดาย ถ้ารองรับ 2 ซิม Nokia Lumia 1320 คงเป็นมือถือในฝันของหลายๆ คนเลยทีเดียวด้วยปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอที่ใหญ่ สวยคมชัด ระบบไหลลื่น
ส่วนเรื่องแอพพลิเคชันนั้น ส่วนตัวผมเองหลังจากที่ไม่ได้ใช้งาน Windows Phone มาระยะหนึ่ง พอได้มาใช้งาน Nokia Lumia 1320 ก็รู้สึกว่าหลายๆ อย่างมันสมบูรณ์มากขึ้นในหลายๆ แอพเลย บางครั้งยังจะแจ้งเตือนเร็วกว่า Android เสียอีก แอพที่มีให้ใช้งานก็ครบเครื่องมากขึ้น รวมๆ แล้วนับว่าน่าใช้งานทีเดียว สำหรับคนที่ต้องการใช้งานแอพพื้นฐานพวกโซเชียล เกมก็พอมี และก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยครับ เรียกว่ามันกำลังสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะสำหรับตัวของ Windows Phone
สรุปรีวิว Nokia Lumia 1320
มาถึงส่วนท้ายของรีวิว Nokia Lumia 1320 กันแล้วนะครับ กับส่วนการสรุปภาพรวม โดยเท่าที่ทางเราได้ใช้งานเครื่องมา พบว่าด้านการทำงาน Lumia 1320 สามารถตอบสนองได้รวดเร็วทันใจดี ทั้งความไหลลื่น ความเร็วในการเปิดใช้งานแอพพลิเคชัน ที่เด่นก็คือหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ที่ทำให้สามารถมองตัวอักษร อ่านข้อความได้ชัดเจนไม่ต้องเพ่งสายตาเหมือนกับมือถือจอเล็กทั่วๆ ไป เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องอ่านเนื้อหาข้อความบนมือถือบ่อยๆ สามารถใช้งานกลางแจ้งได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องด้วยจอที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ตัวเครื่องค่อนข้างหนักมือไปซักหน่อย คาดว่าถ้าใช้งานไปซักพักก็จะปรับลักษณะการถือเครื่องได้สบายๆ
ด้านของแอพพลิเคชันที่หลายคนเป็นห่วงว่าแอพบน Windows Phone มีน้อย ไม่พอต่อการใช้งาน ในส่วนนี้ก็พบว่ายังพอมีปัญหาอยู่บ้างแต่น้อยลงไปมากทีเดียว เนื่องจากนักพัฒนาแอพก็หันมาทำแอพให้กับ Windows Phone มากขึ้นเรื่อยๆ ความไวในการแจ้งเตือนก็ทำได้ดีขึ้นพอสมควรแล้ว สามารถใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้สบาย แอพที่ติดมาในเครื่องก็ครบถ้วนสำหรับใช้งานทั่วไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแอพ HERE Maps, HERE Drive+ กลุ่มแอพ Nokia เช่น Nokia Camera, Nokia Storyteller, Nokia Cinemagraph อีกทั้งยังมีการรวมชุดอัพเดต Nokia Lumia Black ที่เพิ่มความสามารถการทำงานเข้ามาอีกหลายอย่างทีเดียว นับว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากทีเดียวสำหรับ Nokia Lumia 1320 ที่มีจอขนาดใหญ่, แอพครบเครื่องสำหรับการใช้งาน ประกอบกับคุณภาพงานของ Nokia ที่เชื่อใจได้ ใครต้องการมือถือ/แฟ็บเล็ตในราคาหมื่นต้นๆ นับว่าน่าสนใจเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
- หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว อ่านง่ายสบายตา
- แบตเตอรี่ความจุสูง เหลือเฟือสำหรับการใช้งาน
- ราคาคุ้มค่า
- ตัวเครื่องแข็งแรง งานประกอบดี
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องน้ำหนักค่อนข้างเยอะไปนิด
- จำนวนแอพและเกมบน Windows Phone อาจจะยังมีไม่ให้เลือกอย่างจุใจเหมือน iOS กับ Android