สเปค Xiaomi 13T/ Xiaomi 13T Pro ได้ชิป Dimensity ทั้งคู่ กล้องจาก Leica หน้าจอ 144Hz ก่อนเปิดตัว 1 กันยายนนี้
หลังจากที่มีข่าวสเปคของ Xiaomi 13T Series ที่เผยออกมาตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงตอนนี้ก็มีสเปคอื่นๆ ที่หลุดออกมาเกือบครบแล้ว เพราะมีข่าวออกมาว่าจะมีการเปิดตัวทั่วโลกแบบ Global กันในวันที่ 1 กันยายน 2023 ที่จะถึงนี้ ตอนนี้ก็มีทั้งสเปคและรูปเรนเดอร์ออกมาแล้วด้วย โดยสเปคของทั้งสองรุ่นที่ออกมานั้นจะมีความคล้ายกันในหลายๆ อย่างทั้งตัวเครื่อง หน้าจอ กล้อง และอื่นๆ ส่วนที่ต่างกันก็คือตัวชิปประมวลผล หน่วยความจำและความจุที่ต่างกัน ซึ่งรุ่น Xiaomi 13T Pro ก็คือ Redmi K60 Ultra ที่แปลงกายมานั่นเอง แต่จะมีส่วนที่ต่างกันก็คือกล้องที่ทำร่วมกับ Leica ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็ต้องมาดูกันว่าจะเป็นอย่างที่ข่าวหลุดออกมาหรือไม่ เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาสรุปสเปค Xiaomi 13T/ 13T Pro ที่ได้ชิป Dimensity ทั้งคู่ มาพร้อมกล้องจาก Leica และหน้าจอ 144Hz ก่อนเปิดตัว 1 กันยายนนี้
**สเปคจากข่าวลือ**
Xiaomi 13T
เริ่มต้นกันที่รุ่นปกติรุ่นแรกกันก่อนเลย แต่ต้องบอกก่อนว่ายังไม่มีรูปเรนเดอร์ออกมาเหมือนกับรุ่นโปร แต่คาดว่าน่าจะมีรูปร่างคล้ายๆ กันต่างกันที่น้ำหนักของตัวเครื่องเท่านั้น (อันนี้ต้องรอดู) แต่รายละเอียดสเปคต่างๆ นั้นมีรายงานล่าสุดจาก dealabs ออกมาแล้วคือตัวเครื่องที่ขนาดเท่ากันกับรุ่นโปร 162.2 x 75.7 x 8.49 มม. แต่มีน้ำหนักเบากว่าที่ 197 กรัม มีขอบแบนโค้งไปที่ฝาหลัง และมีโมดูลกล้องแบบเหลี่ยมพร้อมวงแหวนคู่ มีสีให้เลือก 2 สีคือ Black และ Alpine Blue ส่วนหน้าจอเป็นแบบ AMOLED ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) กว้าง 6.67 นิ้วและมี Refresh Rate 144Hz แบบ AdaptiveSync เล่นได้ไหลลื่นสุดๆ มาพร้อมความสว่างทั่วไปสูงสุด 1,200nits และสว่างแบบ HBM ได้ถึง 2,600nits เลยทีเดียว
ในส่วนของชิปประมวลผลรุ่นนี้เคยมีข่าวว่าจะได้ใช้ชิป Dimensity 9200 (4nm) หรือ Snapdragon 8 Gen 2 (4nm) แต่ดูเหมือนว่าข่าวล่าสุดนั้นออกมาว่าจะได้ชิป Dimensity 8200-Ultra แทน มาพร้อมกับ RAM 8GB/ ROM 256GB มีช่องใส่ซิมได้ 2 ซิมทำงานบนระบบ Android 13 รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และ NFC สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ที่ระดับ IP68 สแกนลายนิ้วมือได้และทำงานร่วมกับ Google Assistant ได้อีกด้วย
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเรื่องของกล้อง โดยกล้องหลังนั้นทำร่วมกันกับ Leica ทั้งหมดจะมีอยู่ 3 ตัวที่ความละเอียดหลัก 50MP (f/1.9) พร้อมเซ็นเซอร์ IMX707 ขนาด 1/1.28″ และกันสั่น OIS กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (f/2.2) (บางข่าวบอก 13MP) และกล้อง Telephoto 2x 50MP (f/1.9) ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K@30fps ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP (f/2.2) โดยรุ่นนี้มีแบตความจุที่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 120W ด้วยเทคโนโลยี Xiaomi Smart HyperCharge รอดูกันว่าจะเปิดตัวออกมาพร้อมสเปคตรงตามนี้เลยหรือไม่ในเดือนหน้า ส่วนราคาคาดว่าเริ่มต้นที่ 549 ปอนด์ หรือประมาณ 24,300 บาท
สรุปสเปค Xiaomi 13T (ยังไม่เป็นทางการ)
- หน้าจอ: AMOLED 1.5K (2712 x 1220) กว้าง 6.67 นิ้ว/ Refresh Rate 144Hz สว่างสูงสุด 1,200/2,600nits
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 8200-Ultra
- RAM: 8GB
- ROM: 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัวทำร่วมกับ Leica ความละเอียด
- เลนส์หลัก 50MP (ƒ/1.9) IMX707 1/1.28″/ OIS
- เลนส์ Ultra-Wide 12MP (ƒ/2.2)
- เลนส์ Telephoto 2x 50MP (ƒ/1.9)
- วิดีโอ 4K@30fps
- กล้องหน้าความละเอียด: 20MP (ƒ/2.2)
- การเชื่อมต่อ: 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4/ NFC
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13
- แบตเตอรี่ความจุ: 5,000 mAh/ Fast Charge 120W
- ราคา: รุ่นเริ่มต้น 549 ปอนด์ หรือประมาณ 24,300 บาท
Xiaomi 13T Pro
สำหรับรุ่นโปรของซีรีส์ 13T นั้นมีรูปเรนเดอร์ออกมาครบหมดแล้วในตอนนี้ โดยมีสเปคที่คล้ายกันกับ Redmi K60 Ultra แต่ว่ามีการปรับสเปคในบางส่วนอย่างกล้องและอื่นๆ ด้วย โดยรายละเอียดสเปคที่ออกมาของรุ่นโปรและรุ่นปกตินั้นคล้ายกันหลายอย่างเลยจากการรายงานของ dealabs บอกว่าเหมือนกันทั้งหมดในด้านดีไซน์รวมถึงสีด้วย ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องที่มีขนาดเท่ากันคือ 162.2 x 75.7 x 8.49 มม. แต่ว่ามีน้ำหนักมากกว่าที่ 206 กรัม มีขอบแบนและโค้งไปที่ฝาหลัง พร้อมโมดูลกล้องหลังสีเหลี่ยมและเลนส์วงแหวนคู่เหมือนกันเป๊ะ รวมไปถึงหน้าจอที่เป็นแบบ AMOLED ความละเอียด 1.5K (2712×1220) กว้าง 6.67 นิ้วกับ Refresh Rate 144Hz แบบ AdaptiveSync และมีความสว่างได้เหมือนกันทั้งหมด
ส่วนที่ทำให้รุ่นโปรนั้นแตกต่างไปจากรุ่นปกติก็คือชิปประมวลผล ที่รุ่นโปรนั้นได้ใช้ชิป Dimensity 9200+ ที่มี RAM 12/16GB และ ROM 256GB/512GB/1TB ซึ่งมีความจุที่มากกว่ากันเยอะมากๆ แต่จากบางแหล่งข่าวก็บอกว่ามีแค่ ROM 256GB/512GB รวมไปถึงการใช้งานที่เร็วแรงกว่ารุ่นปกติเยอะทีเดียว นอกนั้นจะมีรายละเอียดที่เหมือนกันทั้งระบบที่เป็น Android 13 ใส่ซิมคู่ได้ พร้อมกับการเชื่อมต่อได้ทั้ง 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และ NFC สามารถกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68 และสแกนลายนิ้วมือได้ปกติ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าข่าวสเปคที่หลุดออกมานั้น ในส่วนของกล้องก็มีเหมือนกันกับรุ่นปกติด้วย โดยมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่ทำร่วมกับ Leica โดยมีความละเอียดหลัก 50MP (f/1.9) ที่มีเซ็นเซอร์ IMX707 ขนาด 1/1.28″ พร้อมกันสั่น OIS กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (f/2.2) (บางข่าวบอก 13MP) และกล้อง Telephoto 2x 50MP (f/1.9) สามารถถ่าวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K@30fps และมีกล้องหน้าความละเอียด 20MP (f/2.2) เท่ากันหมด รวมไปถึงความจุของแบตที่มี 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็วได้ 120W กับเทคโนโลยี Xiaomi Smart HyperCharge อีกด้วย ส่วนราคาคาดว่าเริ่มต้นที่ 699 ปอนด์ หรือประมาณ 31,000 บาท
สรุปสเปค Xiaomi 13T Pro (ยังไม่เป็นทางการ)
- หน้าจอ: AMOLED 1.5K (2712 x 1220) กว้าง 6.67 นิ้ว/ Refresh Rate 144Hz สว่างสูงสุด 1,200/2,600nits
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 9200+
- RAM: 12/16GB
- ROM: 256/512GB/1TB
- กล้องหลัง 3 ตัวทำร่วมกับ Leica ความละเอียด
- เลนส์หลัก 50MP (ƒ/1.9) IMX707 1/1.28″/ OIS
- เลนส์ Ultra-Wide 12MP (ƒ/2.2)
- เลนส์ Telephoto 2x 50MP (ƒ/1.9)
- วิดีโอ 4K@30fps
- กล้องหน้าความละเอียด: 20MP (ƒ/2.2)
- การเชื่อมต่อ: 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4/ NFC
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13
- แบตเตอรี่ความจุ: 5,000 mAh/ Fast Charge 120W
- ราคา: รุ่นเริ่มต้น 699 ปอนด์ หรือประมาณ 31,000 บาท
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปคของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro จากข่าวหลุดทั้งหลายที่ออกมาในตอนนี้ ถึงแม้ว่ารุ่นปกตินั้นจะยังไม่มีภาพออกมาให้เห็น แต่แหล่งข่าวล่าสุดก็บอกว่าจะมีหน้าตาแบบเดียวกับรุ่นโปรทั้งหมด รวมไปถึงสเปคหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่อง หน้าจอที่เล่นได้ไหลลื่นเท่ากัน มีกล้องที่ทำร่วมกับ Leica ทั้ง 3 ตัวเหมือนกันและยังมีความละเอียดเท่ากันด้วยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รวมไปถึงแบตที่มีความจุและชาร์จไวได้เท่ากันทั้งหมด สิ่งที่จะแตกต่างกันเลยก็คือขชิปประมวลผลที่รุ่นโปรนั้นแรงกว่า และยังมีเรื่องของหน่วยความจำและความจุที่ทั้งสองรุ่นมีต่างกันค่อนข้างเยอะเลย แต่ทั้งนี้ก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าตอนเปิดตัวในวันที่ 1 กันยายน 2023 ที่จะถึงนี้ที่ฝั่งยุโรปจะมีหน้าตาออกมาเป็นแบบไหน และจะมีสเปคตรงตามที่มีข่าวหลุดออกมาหรือไม่ ถ้าเปิดตัวออกมาแล้ว เดี๋ยวเราจะมาอัพเดทให้อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก dealabs/ mysmartprice