สเปค OPPO Find N2 Flip เวอร์ชั่น Global พร้อมอัพเดทได้ถึง Android 17 ราคาเริ่มประมาณ 35,000 บาท เตรียมเข้าไทยเร็วๆ นี้
หลังจากที่ได้มีการเปิดตัว OPPO Find N2 Flip ออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา พร้อมราคาวางขายในจีนอย่างเป็นทางการกันไปแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ได้มีการเปิดตัวรุ่น Global ออกมาเป็นที่เรียบร้อย แถมเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง กสทช. ก็ได้มีการรับรองรุ่น Find N2 Flip รหัสโมเดล CPH2437 ไปแล้วด้วย คาดว่าน่าจะมีการนำเข้ามาวางขายในไทยเร็วๆ นี้แน่นอน ถึงแม้ว่าตัว OPPO Find N2 ที่เป็นรุ่นจอพับรุ่นใหญ่นั้นจะยังไม่ได้มีแผนในการนำมาขายนอกประเทศจีนก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังได้เห็นรุ่นจอพับจาก OPPO รุ่น Flip ตัวเล็กมาแทนก็ยังดี อีกทั้งก็ยังมาพร้อมสเปคที่ไม่ธรรมดา และยังอัพเดทเวอร์ชั่นได้ยาวๆ ไปถึง Android 17 กับแพทช์ความปลอดภัยถึง 5 ปี เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาสรุปสเปค OPPO Find N2 Flip เวอร์ชั่น Global กันว่ามีสเปคเป็นอย่างไรบ้าง ที่มีราคาเปิดตัวออกมาเริ่มต้นประมาณ 35,000 บาท และเตรียมเข้าไทยเร็วๆ นี้
- สเปคเต็ม OPPO Find N2 Flip
- เปรียบเทียบสเปค OPPO Find N2 Flip กับมือถือจอพับแบบ Pocket รุ่นอื่นๆ ที่มีขาย
OPPO Find N2 Flip
เริ่มต้นกันที่การดีไซน์ตัวเครื่องของ OPPO Find N2 Flip รุ่นนี้กันก่อนเลย โดยตัวเครื่องของรุ่น OPPO Find N2 Flip เป็นมือถือจอพับได้แบบ Pocket-Sized หรือว่าจอพับครึ่งลงมาเหมือนตลับแป้ง พกพาใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้สะดวก และมีกรอบเฟรมตัวเครื่องแบบขอบแบน มีสองสีให้เลือกคือ Moonlit Purple และ Astral Black (สีสวยมาก) ส่วนเรื่องของบานพับหรือ Flexion Hinge ของ OPPO ได้ออกแบบเป็นแบบหยดน้ำ ทำให้เวลาพับหรือกางหน้าจอออกมาจะไม่เห็นรอยต่อ เพื่อความสมจริงและไหลลื่นเมื่อไถหน้าจอ อีกทั้งยังใช้ตัวเหล็กและโพลิเมอร์เกรดอากาศยานที่มีความแข็งแรงสูง พร้อมการทดสอบจริงที่สามารถกาง-พับถึง 400,000 ครั้งเลยทีเดียว
มาดูที่ตัวหน้าจอของ OPPO Find N2 Flip กันบ้างที่ตัวนี้ก็มีหน้าจอทั้งด้านในเมื่อกางออก และด้านนอกที่เป็นจอเล็กวางแนวตั้งกับตัวเครื่อง โดยหน้าจอหลักเมื่อกางออกมีหน้าจอเป็น LTPO AMOLED ระดับ FHD+ กว้าง 6.8 นิ้วและมี Refresh Rate 1-120Hz เล่นได้ไหลลื่น รองรับภาพหน้าจอแบบ GIF-T หน้าจอด้านนอกเป็นแบบ AMOLED (720×382) กว้าง 3.2 นิ้วพร้อม Refresh Rate 30-60Hz ถือว่ามีขนาดที่ใหญ่ดูได้ง่ายมากขึ้น ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นทั้งการดูเวลา แจ้งเตือนหรือตอบแชท นอกจากนี้จอด้านนอกยังรองรับ Always-On Display และ Bitmoji อีกด้วย ส่วนรูกล้องหน้าตัวนี้เป็นแบบ Punch-Hole และยังมี FlexForm Mode ที่สามารถพับครึ่งหน้าจอตั้งไว้ เพื่อถ่ายรูปเซลฟี่ ถ่ายรูปทั่วไป วิดีโอคอล หรือดูสตรีมมิ่งต่างๆ ได้เลยโดยไม่ต้องใช้ที่วางมือถือ
ความเร็วแรงของ OPPO Find N2 Flip ได้มาจากชิป Dimensity 9000+ พร้อม GPU ของ Mali-G710 MC10 และมี RAM 8GB แบบ LPDDR5 กับความจุ ROM 256GB แบบ UFS3.1 ส่วนการทำงานนั่นทำบนระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย ColorOS 13.0 นอกจากนี้ยังมีการการันตีว่าสามารถอัพเดต OS ของระบบได้นานถึง 4 ปี จนถึงเวอร์ชัน Android 17 และการอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยนานถึง 5 ปีเลยด้วย รวมไปถึงการรองรับ 5G ที่รับสัญญาณได้ดีด้วยเสาสัญญาณรอบตัวเครื่อง 360 องศา รองรับทั้ง OTG, NFC, USB C, WiFi6 และ Bluetooth v5.3 ด้วย
สำหรับกล้องหน้าและกล้องหลังรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน อย่างที่บอกไปแล้วว่ามี FlexForm Mode ที่สามารถพับครั้งเพื่อตั้งหรือถือถ่ายเซลฟี่และถ่ายวิดีโอได้เลย แต่ตัวหน้าจอด้านนอกเวลาถ่ายรูปหรือวิดีโอด้วยกล้องหลัง ก็ยังสามารถเปิดดูขณะถ่ายไปด้วยได้เหมือนกัน จะจัดมุมถ่ายด้วยตัวเองก็ทำได้ง่ายขึ้น โดยตัวกล้องหลังนั้นเป็นกล้องคู่ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ความละเอียดหลัก 50MP มี OIS พร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX890 และ MariSilicon X Imaging NPU กับ Ultra Wide ความละเอียด 8MP กว้างได้ 112 องศา ถ่ายได้คมชัดทุกสภาพแสง ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 32MP พร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX709 เซลฟี่ได้คมชัดไม่แพ้กัน
ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ของรุ่นนี้ที่มีความจุ 4,300 mAh รองรับชาร์จไวด้วย SUPERVOOC 44W สามารถชาร์จกลับมา 50% ได้ในเวลาเพียง 23 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้รุ่นนี้ก็ได้เปิดราคารุ่นเริ่มต้นออกมาที่ £849 (ปอนด์สเตอร์ลิง) เมื่อเทียบกับราคาบ้านเราแล้วก็อยู่ที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 35,000 บาทเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องมารอดูกันอีกทีว่าเมื่อเข้ามาวางขายในบ้านเราแล้ว จะมีราคาเท่านี้หรือไม่ คาดว่าน่าจะไม่นานเกินรอก็เข้ามาแล้ว เพราะว่าผ่านการรับรองจาก กสทช. ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา ใครอยากลองเล่นก็รอติดตามกันได้เลย หรือดูสเปคเต็มๆ ได้ที่ OPPO
สรุปสเปค OPPO Find N2 Flip
- ขนาด, น้ำหนัก: หนัก 191 กรัม
- ตอนพับ 85.6×75.2×16.02 มม.
- ตอนกางออก 166.2×75.2×7.45 มม.
- หน้าจอ:
- ด้านนอก AMOLED (720×382) กว้าง 3.2 นิ้ว Refresh Rate 30-60Hz รองรับ Always-On Display, Bitmoji
- ด้านในเมื่อกางออก LTPO AMOLED (FHD+), UTG กว้าง 6.8 นิ้ว Refresh Rate 1-120Hz, FlexForm Mode
- ชิปประมวลผล: MediaTek Dimensity 9000+ (8-Core)
- GPU: Mali-G710 MC10
- RAM: 8GB/ 12GB/ 16GB (LPDDR5)
- ROM: 256GB/ 512GB (UFS3.1)
- กล้องหลัง 2 ตัวพัฒนาร่วมกับ Hasselblad และชิปแยก MariSilicon X Imaging NPU ความละเอียด
- เลนส์หลัก 50MP (ƒ/1.8) Sony IMX890, กันสั่น OIS, วิดีโอ 4K
- เลนส์ Ultra Wide 8MP (ƒ/2.2) กว้าง 112 องศา
- กล้องหน้าความละเอียด: 32MP (ƒ/2.4), วิดีโอ 1080P
- ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับ ColorOS 13.0
- เชื่อมต่อ: 5G, WiFi6, Bluetooth 5.3, NFC, OTG, USB-C
- แบตเตอรี่ความจุ: 4,300 mAh รองรับชาร์จเร็วด้วย SUPERVOOC 44W
- ราคา: เริ่มต้น £849 (ปอนด์สเตอร์ลิง) หรือประมาณ 35,000 บาท
เปรียบเทียบสเปค OPPO Find N2 Flip กับมือถือจอพับแบบ Pocket รุ่นอื่นๆ ที่มีขาย
ข้อมูล | OPPO Find N2 Flip | Samsung Galaxy Z Flip4 | HUAWEI P50 Pocket |
ขนาด | ตอนพับ 85.6×75.2×16.02 มม. ตอนกาง 166.2×75.2×7.45 มม. | ตอนพับ 84.9×71.9×17.1 มม. ตอนกาง 165.2×71.9×6.9 มม. | ตอนพับ 87.3×75.5×15.2 มม. ตอนกาง 170×75.5×7.2 มม. |
น้ำหนัก | 191 กรัม | 187 กรัม | 190 กรัม |
หน้าจอ | ด้านนอก AMOLED กว้าง 3.2 นิ้ว, 60Hz ด้านใน LTPO AMOLED กว้าง 6.8 นิ้ว, 120Hz | ด้านนอก Super AMOLED กว้าง 1.9 นิ้ว, 60Hz ด้านใน Dynamic AMOLED กว้าง 2X 6.7 นิ้ว, 120Hz | ด้านนอก OLED กว้าง 1.04 นิ้ว, 60Hz ด้านใน OLED กว้าง 6.9 นิ้ว, 120Hz |
ชิป | Dimensity 9000+ | Snapdragon 8+ Gen 1 | Snapdragon 888 4G |
GPU | Mali-G710 MC10 | Adreno 730 | Adreno 660 |
กล้องหน้า | 32MP | 10MP | 10.7 MP |
กล้องหลัง | 50MP + 8MP | 12MP + 12MP | 50MP + 13MP + 32MP |
RAM/ ROM | 8-12-16GB/ 256-512GB | 8GB/128-256-512GB | 8-12GB/256-512GB |
แบต | 4,300 mAh, 44W | 3,700 mAh, 25W | 4,000 mAh, 40W |
ราคา* | 35,000 บาท** | 35,900 บาท | 46,990 บาท |
**เป็นราคาเทียบจากเงินปอนด์สเตอร์ลิง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปคของ OPPO Find N2 Flip เวอร์ชั่น Global ที่เปิดตัวออกมา และคาดว่าจะเริ่มมีการนำเข้ามาวางขายในบ้านเราเร็วๆ นี้ ซึ่งมือถือจอพับของ OPPO รุ่นนี้ถ้าดูจากสเปคแล้วถือว่าไม่ธรรมดาเลยในหลายๆ ด้าน อย่างแรกที่น่าจะถูกใจสายเซลฟี่หรือถ่ายรูป และการใช้งานตอนพับได้ ก็คือหน้าจอด้านนอก ที่ใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ทั้งการหยิบขึ้นมาดูการแจ้งเตือน หรือการตอบกลับ ซึ่งตัวจอด้านในเมื่อกางออกก็ใหญ่ในระดับหนึ่งเลย จุดที่ดูน่าสนใจอีกอย่างก็คือกล้องหน้า และกล้องหลังที่เน้นมาให้ด้วย ทำให้สายถ่ายรูปและเน้นพกพาสวยเก๋น่าจะถูกใจกันไม่น้อยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังอัพเดทได้ยาวๆ ถึง Android 17 และการอัพเดทแพทช์ความปลอดภัยถึง 5 ปีเลยทีเดียว ถ้าดูจากการเปรียบเทียบในตารางด้านบนจะเห็นได้ว่าทั้งสามรุ่นที่เป็นแบบ Pocket นั้นมีความต่างกันพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอด้านนอก และตัวกล้องหน้ากับกล้องหลัง ที่ดูเหมือนว่าจะไม่แพ้รุ่นไหนๆ เลยเหมือนกัน แต่ก็ต้องมารอลุ้นกันอีกทีว่าจะเข้ามาบ้านเราตอนไหน และจะมีราคาตามที่ประมาณเอาไว้หรือไม่ ถ้ามีการอัพเดทเพิ่มเติมเราจะนำมาฝากกันอีกครั้ง
ขอบคุณภาพ และข้อมูลทั้งหมดจาก OPPO