2 ยักษ์ใหญ่แห่งโลกชิปเซ็ทอุปกรณ์เคลื่อนที่เปิดตัวชิปเซ็ทสุดแรงประจำปี 2023 อย่างเป็นทางการแล้วกับ Snapdragon 8 Gen 2 และ MediaTek Dimensity 9200 มาดูกันดีกว่าว่า 2 ชิปเซ็ทนี้จะแตกต่างกันมากแค่ไหน
คงไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้ว่าชิปเซ็ทระดับเรือธงของ Qualcomm นั้นยืนมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่มีปัญหาทุกยุคทุกสมัย ถึงจะมีร้อนบ้างในบางรุ่นแต่เมื่อเทียบประสิทธิภาพที่ได้รับกับชิปเซ็ทเรือธงขอผู้ผลิตรายอื่นแล้ว ชิปเซ็ทของทาง Qualcomm ก็ยังคงมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมกว่าอยู่มาก ดังจะเห็นได้ว่าในหลายๆ ปีในอดีตที่สมาร์ทโฟนระดับเรือธงของทาง Samsung จะมีรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ท Exynos เป็นของตัวเองแต่ในบางภูมิภาพก็ยังต้องนำเอาชิปเซ็ทของทาง Qualcomm มาใช้งานอยู่ จนมาถึงกระทั่งในปี 2023 ที่ Samsung Galaxy S23 ซีรีส์ใช้งานแต่ชิปเซ็ทของทาง Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 รุ่นพิเศษเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้คู่แข่งรายสำคัญอย่าง MediaTek ได้มีความพยายามยกระดับชิปเซ็ทเรือธงของตัวเองขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกับ Dimensity 9000 ซึ่งจากการใช้งานจริงนั้นพบว่ามันดีกว่าชิปเซ็ทเรือธงในรุ่นเดียวกันของทาง Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 1 เสียอีกเพียงแต่ว่าไม่ได้รับความนิยมจากผู้ผลิตนำมาใช้งานมากเท่าไรนัก(และเหตุผลจากด้านการคาดแคลนของชิปเซ็ทในตลาดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุด้วย) ในปี 2022 กับ Dimensity 9000+ ที่ถูกส่งมาสู้กันกับ Snapdragon 8 Plus Gen 1 นั้นก็พบว่ายังคงดีกว่า Dimensity 9000+ แต่ก็ไม่มากเท่าไรนักทำให้เห็นได้ว่าทาง MediaTek จี้ก้น Qualcomm เข้ามาเรื่อยๆ และแน่นอนในปีนี้กับชิปเซ็ทตัวใหม่อย่าง Dimensity 9200 ก็พร้อมแล้วที่จะเข้ามาเทียบชั้นกับ Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งในบทความนี้เราจะนำมานำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบกันว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่
ในการเปรียบเทียบนี้จะใช้ตัวเครื่อง OnePlus 11 ที่มาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 สู้กันกับ Vivo X90 Pro ที่ใช้ชิปเซ็ทของทาง MediaTek (ซึ่งยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเป็นเพียงเครื่องต้นแบบก่อนการวางจำหน่ายเท่านั้น) การเปรียบเทียบในครั้งนี้ อุปกรณ์ทั้งสองเครื่องถูกรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น ไม่มีการเชื่อมโยงบัญชี Google และเปิดใช้งาน Wi-Fi เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานในการทดสอบเท่านั้น และการทดสอบทั้งหมดนั้นจะทำการเปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้เพื่อให้ตัวเครื่องไม่ต้องประมวลผลทางด้านการรับสัญญาณอีกต่อหนึ่งด้วยซึ่งจะทำให้สามารถที่จะเห็นประสิทธิภาพของตัวเครื่องและชิปเซ็ทได้มากที่สุด จะเป็นเช่นไรนั้นไปติดตามกันได้เลย
- เทียบสเปคระหว่าง Snapdragon 8 Gen 2 vs MediaTek Dimensity 9200
- เทียบสถาปัตยกรรมมาตรฐานของ Snapdragon 8 Gen 2 vs MediaTek Dimensity 9200
- เทียบผลการทดสอบความแรงระหว่าง Snapdragon 8 Gen 2 vs MediaTek Dimensity 9200
เทียบสเปคระหว่าง Snapdragon 8 Gen 2 vs MediaTek Dimensity 9200
สำหรับสเปคอย่างเป็นทางการของ Snapdragon 8 Gen 2 กับ MediaTek Dimensity 9200 ได้มีการเผยออกมาก่อนแล้วโดยทาง Snapdragon 8 Gen 2 ของ Qualcomm เป็นผู้เปิดออกมาก่อนและมีการนำมาใช้อย่างเป็นทางการในสมาร์ทโฟนหลายรุ่นแล้ว ส่วน MediaTek Dimensity 9200 นั้นก็ได้มีข่าวลือปล่อยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งกว่าจะได้รู้เต็มๆ ก็เมื่อไม่นานมานี้ ทว่ายังดีที่ MediaTek Dimensity 9200 เมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วนั้นก็มีการถูกกำหนดให้จะเอามาใช้กับสมามร์ทโฟนระดับเรือธงของหลายๆ บริษัทด้วยกันเลย
ก่อนที่เราจะไปดูถึงส่วนอื่นนั้นเรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าสเปคของ Snapdragon 8 Gen 2 กับ MediaTek Dimensity 9200 มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็ไปติดตามกันได้เลย
Snapdragon 8 Gen 2 MediaTek Dimensity 9200 CPU – 1x Kryo (ARM Cortex-X3-based) Prime core @ 3.19GHz, 1MB L2 cache
– 2x Kryo (ARM Cortex A715-based) Performance cores @ 2.8GHz
– 2x Kryo (ARM Cortex A710-based) Performance cores @ 2.8GHz
– 3x Kryo Efficiency cores (ARM Cortex A510R1-based) @ 2.0GHz
– ARM Cortex v9
– 8MB L3 cache– 1x Arm Cortex-X3 Prime core @ 3.05GHz, 1MB L2 cache
– 3x Arm Cortex-A715 Performance cores @ 2.85GHz
– 4x Arm Cortex-A510R1 Efficiency cores @ 1.8GHz
– ARM Cortex v9
– 8MB L3 cache
– 6MB system-level cacheGPU – Adreno GPU
– Vulkan 1.3
– Snapdragon Elite Gaming
– Snapdragon Shadow Denoiser
– Adreno Frame Motion Engine
– Video playback: H.264 (AVC), H.265 (HEVC), VP8, VP9, 4K HDR10, HLG, HDR10+, Dolby Vision, AV1– Arm Immortalis G715 GPU
– Vulkan 1.3
– Video playback: H.264 (AVC), H.265 (HEVC), VP9, 4K HDR10, HLG, HDR10+, Dolby Vision, AV1Display – Maximum On-Device Display Support: 4K @ 60Hz/QHD+ @ 144Hz
– Maximum External Display Support: 4K @ 60Hz (10-bit color, HDR10, HDR10+, HDR vivid, Dolby Vision)
– Demura and subpixel rendering for OLED Uniformity
– OLED aging compensation– Maximum On-Device Display Support: 4K @ 60Hz/QHD+ @ 144Hz
– Maximum External Display Support: 5K (2.5kx2) @ 60Hz
– HDR10 and HDR10+AI – Hexagon DSP with Hexagon Vector eXtensions, Hexagon Tensor Accelerator, Hexagon Scalar Accelerator, Hexagon Direct Link
– AI Engine
– Qualcomm Sensing Hub (Dual AI processors for audio and sensors, Always-sensing camera)– 6th Gen APU (APU 690)
– 35% faster performance in ETHZ5.0 benchmark over 5th genMemory LPDDR5X @ 4200MHz, 16GB LPDDR5X @ 4266.5MHz, 16GB ISP – Triple 18-bit Spectra ISP
– Up to 200MP photo capture
– Single camera: Up to 108MP with ZSL @ 30 FPS
– Dual camera: Up to 64+36MP with ZSL @ 30 FPS
– Triple camera: Up to 36 MP with ZSL @ 30 FPS
– Video capture: 8K HDR @ 30 FPS; Slow motion up to 720p@960 FPS; HDR10, HDR10+, HLG, Dolby Vision, HEVC– 18-bit HDR ISP
– 4K HDR video on 3 cameras simultaneously
– Native RGBW sensor support
– Up to 12.5% power savings recording 8K with EISModem – Snapdragon X70 5G Modem
– Downlink: 10Gbps
– Uplink: 3.5Gbps
– Modes: G NR, NR-DC, EN-DC, LTE, CBRS, WCDMA, HSPA, TD-SCDMA, CDMA 1x, EV-DO, GSM/EDGE
– mmWave: 8 carriers, 2×2 MIMO
– sub-6 GHz: 4×4 MIMO– Sub-6GHz + mmWave ready
– Throughput: 7.9Gbps
– 4CC Carrier Aggregation
– 8CC mmWave
– MediaTek 5G UltraSve 3.0Charging Qualcomm Quick Charge 5 N/A Connectivity – Location: Beidou, Galileo, GLONASS, GPS, QZSS, Dual Frequency GNSS support
– Wi-Fi: Qualcomm FastConnect 7800; Wi-Fi 7, Wi-Fi 6E, Wi-Fi 6; 2.4/5GHz/6GHz
– Bands; 20/40/80/160 MHz Channels; DBS (2×2 + 2×2), TWT, WPA3, 8×8 MU-MIMO
– Bluetooth: Version 5.3, aptX Voice, aptX Lossless, aptX Adaptive, and LE audio– Bluetooth 5.3
– Wi-Fi 7 up to 65 Gbps
– Wireless Stereo AudioManufacturing Process 4nm TSMC 4nm TSMC
เทียบสถาปัตยกรรมมาตรฐานของ Snapdragon 8 Gen 2 vs MediaTek Dimensity 9200
ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 และ MediaTek Dimensity 9200 ค่อนข้างคล้ายกันในการออกแบบหลักจากสถาปัตยกรรมการใช้งานแกนการประมวลผลและจำนวน Cluster ของแกนการประมวลผลที่มีจำนวนคล้ายกัน ทว่าความสามารถบางประการที่เป็นสิทธิบัตรของแต่ละผู้ผลิตนั้นก็จะแตกต่างกันไปในบางประการ
เริ่มต้นที่ Qualcomm ที่จะมีคอร์ประสิทธิภาพมากกว่า MediaTek Dimensity 9200 หนึ่งคอร์ มีการออกแบบ 1+4+3 ซึ่งตรงข้ามกับเลย์เอาต์หลัก 1+3+4 โดยทั่วไปที่ถูกพบในชิปเซ็ทระับเรือธง(และกลางบางรุ่นในอดีต) บนชิปเซ็ทเวอร์ชันใหม่นี้สามารถที่จะเพิ่มแกนการประมวลผล Kryo ที่บรรจุคอร์ Cortex-X3 และ Cortex-A715 สองคอร์ควบคู่ไปกับ Cortex-A710 สองคอร์และ Cortex-A510R1 สามคอร์ ส่วน Dimensity 9200 ของ MediaTek บรรจุคอร์ Cortex-X3 หนึ่งคอร์ Cortex-A715 สามคอร์ และ Cortex-A510R1 สี่คอร์
การอัปเกรดที่ใหญ่ที่สุดของ Dimensity 9200 นั้นคือส่วนของชิปกราฟิกหรือ GPU ที่มีชื่อว่า Immortalis G715 โดย Dimensity 9200 มีการปรับปรุงที่ค่อนข้างใหญ่ทางด้านกราฟิกเมื่อเทียบกับชิปกราฟิกรุ่นเรือธงตัวเก่าอย่าง G710 ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน ray tracing และ Vulkan 1.3 นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานมากกว่ารุ่นปีที่แล้วและมีการปรับปรุงด้านการคำนวณอีกด้วยต่างหาก งานนี้เรียกได้ว่าสเปคนั้นเทียบได้กับ Adreno 740 GPU จาก Qualcomm เลยทีเดียว(แถมยังอยู่เหนือชิปกราฟิกของทาง Apple อย่าง Apple A16 Bionic อีกด้วยต่างหาก)
เทียบผลการทดสอบความแรงระหว่าง Snapdragon 8 Gen 2 vs MediaTek Dimensity 9200
เทียบประสิทธิภาพของการประมวลผลของหน่วยประมวลผล(CPU)
เริ่มต้นการทดสอบความสามารถในการคำนวณของชิปเซ็ตเหล่าด้วยส่วนของแกนการประมวลผลหลักหรือ CPU ก่อนผ่านทางแอปพลิเคชัน Geekbench 5 และ Geekbench 6 โดยจะต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์แต่ละเครื่องอยู่ในอุณหภูมิปกติและเปิดใช้งานโหมดเครื่องบินสำหรับการทดสอบ
ที่น่าสนใจคือ Dimensity 9200 ชนะด้วยประสิทธิภาพแบบ single-core แต่มีประสิทธิภาพไม่เท่าแบบ multi-core ของ 8 Gen 2 ที่เป็นไปอย่างสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากคอร์ประสิทธิภาพสี่คอร์ต่อสามของ Dimensity 9200 แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากที่สุดก็คือการที่ Dimensity 9200 ชนะใน single-core ทว่ามันมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดที่ต่ำกว่า Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะเรื่องของความร้อนในการทำงานที่มีมากจนเกินไปเมื่อต้องทำงานที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงมากๆ จนทำให้ต้องลดความเร็วสัญญาณนาฬิกาลง
ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
Burnout Benchmark ช่วยให้เราสามารถวัดพลังงานที่ใช้โดยชิปเซ็ตในสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย Andrey Ignatov ผู้พัฒนาแอปแนะนำให้เรียกใช้แอปด้วยอุปกรณ์ที่ชาร์จเต็มแล้วในความสว่างต่ำสุดและเปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมที่นี่จึงอยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านั้น Ignatov แนะนำว่าการทดสอบต่อไปนี้ดำเนินการกับส่วนประกอบต่างๆ ของ SoC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์มาตรฐานในการบังคับใช้ชิปเซ็ททำงานหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง
Dimensity 9200 อยู่ในจุดที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 2 ที่ Snapdragon 8 Gen 2 แม้จะใช้พลังงานมากขึ้นแต่ประสิทธิภาพสูงสุดก็ลดลง แถมยิ่งพลังงานน้อยลงกลับทำให้ผลการทดสอบนั้นเป็นไปอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า Snapdragon มีความสามารถในการทำงานแบบต่อเนื่องได้ไม่ค่อยจะดีมากเท่าไรนักเนื่องจากความเร็วสัญญาณนาฬิกาทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้นและต้องใช้พลังงานมากขึ้น ถึงกระนั้นมันก็ยังชนะ Dimensity 9200 อยู่ดีตามตารางทางด้านล่างต่อไปนี้
Snapdragon 8 Gen 2 (Peak) MediaTek Dimensity 9200 (Peak) Percentage CPU FPS 19.22 15.14 Snapdragon 8 Gen 2 ดีกว่า 26.9% GPU FPS 27.47 26.67 Snapdragon 8 Gen 2 ดีกว่า 2.9% Maximum wattage 15.85 16.5 MediaTek Dimensity 9200 ใช้มากกว่า 4.1%
ความต่อเนื่องของการใช้งาน แกนการประมวลผล(CPU) ที่ความถี่สัญญาณนาฬิกาสูง
การทดสอบการควบคุม CPU เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทดสอบว่าชิปเซ็ตสามารถรักษาประสิทธิภาพไว้ได้นานเพียงใด แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เป็นอย่างมาก(เพราะต้องดูในส่วนของการวางระบายความร้อนและการควบคุมปริมาณซอฟต์แวร์เบื้องหลังที่นำเสนอโดยผู้ผลิต) แต่ก็เป็นวิธีที่ดีในการดูว่าชิปเซ็ตมีความร้อนเท่าใดและสามารถรักษาระดับประสิทธิภาพพื้นฐานได้เท่าไรเมื่อร้อนจัด
จากด้านบน คุณจะเห็นได้ว่าชิปเซ็ตทั้งสองทำงานได้เป็นอย่างดีเป็นระยะเวลานาน ทว่าความสามารถในการคำนวณนั้นก็จะลดตามระยะเวลาที่ทำการทดสอบอันเนื่องมาจากความร้อนสะสมซึ่ง Snapdragon 8 Gen 2 นั้นดูจะเสียท่าเอาเสียแล้ว
ประสิทธิภาพด้านกราฟิก (GPU)
GFXBench เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถทดสอบความสามารถด้านกราฟิกของ GPU ของสมาร์ทโฟนผ่านการทดสอบต่างๆ มากมาย โดยการทดสอบแบบ Aztec 1440p ที่ต้องใช้การประมวลผลของ GPU มากที่สุด
Dimensity 9200 มี GPU อันทรงพลังที่สามารถทำงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็พ่ายแพ้ต่อ Snapdragon 8 Gen 2 ในทุกการทดสอบ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นค่าที่ได้เห็นกันพบว่ามันใกล้เคียงกันกว่าชิปเซ็ทระดับเรือธงของปีก่อนเป็นอย่างมาก
แม้ใน 3DMark Dimensity 9200 ทำคะแนนได้ 3318 ในขณะที่ Snapdragon 8 Gen 2 ทำคะแนนได้ 3600 หรือดีกว่าประมาณ 10% ซึ่งใกล้กันเข้าเรื่อยๆ แต่โดยสรุปแล้วนั้น GPU ของ Qualcomm ยังสามารถเอาชนะ G715 Immortalis ได้สบายๆ อันเนื่องมาจาก Qualcomm นั้นมีการพัฒนา GPU ของตัวเองมาเป็นระยะเวลายาวนานจนได้ชื่อว่าเป็นเทพของชิปกราฟิกสำหรับชิปเซ็ทสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว
โดยรวมแล้ว Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 นั้นก็ยังคงดีกว่า MediaTek Dimensity 9200 ทว่าก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนัก งานนี้เรื่องราคาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่จะช่วยจูงใจผู้ซื้อเป็นอย่างมากและดูเหมือนกับว่าทาง MediaTek จะมีแผนการตลาดในเรื่องของราคาชิปเซ็ทที่ดีกว่า Qualcomm อยู่เล็กน้อย
ทั้งนี้สำหรับการใช้งานจริงนั้นเราเชื่อว่าทั้ง 2 ชิปเซ็ทมีความแรงมากพอที่จะช่วยให้ท่านได้เข้าสู่โลกแห่งความเร็วบนสมาร์ทโฟนได้อย่างสบายๆ ไปอีกหลายปี
ที่มา : xda-developers, versus, nanoreview