ในปัจจุบัน นอกจากเราจะใช้แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิง เพื่อการใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้ว อีกหนึ่งวัตถุประสงค์การใช้งานที่ได้รับความนิยมก็คือการน่าใช้เป็นอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เนื่องด้วยความสะดวกสบายในการใชงาน เพราะแท็บเล็ตหนึ่งเครื่องสามารถบรรจุหนังสือได้หลายร้อยหลายพันเล่มตามแต่ปริมาณหน่วยความจำของแต่ละเครื่อง น้ำหนักก็เบา ทำให้แนวโน้มผู้ใช้แท็บเล็ตในการอ่านหนังสือมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งการจะเลือกซื้อแท็บเล็ตมาใช้อ่านหนังสือนั้น ผู้ใช้ก็จำเป็นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยและข้อจำกัดต่างๆ ด้วย เพราะใช่ว่าแท็บเล็ตแต่ละเครื่องจะสามารถนำใช้อ่านหนังสือได้ดีทั้งหมด โดยปัจจัยสำคัญๆ ที่ต้องคำนึงถึงก็เช่น
- น้ำหนักเครื่อง ที่ควรอยู่ในระดับกำลังใช้งานในมือได้สบายเป็นเวลานาน
- ขนาดหน้าจอที่กำลังพอดีสำหรับการอ่าน E-book
- สเปคเครื่องที่ต้องแรงในระดับหนึ่ง เนื่องจากถ้าต้องการอ่านไฟล์ PDF ให้ได้แบบไหลลื่น จำเป็นจะต้องใช้สเปคของแท็บเล็ตที่แรงพอสมควร
- การออกแบบและฟีเจอร์ช่วยสนับสนุนในการอ่าน ให้เป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย
เท่าที่มองจากตลาดในขณะนี้ แท็บเล็ตรุ่นที่สามารถตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวไปข้างบนได้ดีตัวหนึ่งในตลาดเลยก็คือ Samsung GALAXY Note 8.0 ซึ่งในเราจะมาดูกันครับว่า Note 8.0 รุ่นนี้ มีอะไรที่ทำให้มันเหมาะสำหรับการใช้อ่าน E-Book บ้าง
รูปทรงและการออกแบบตัวเครื่อง
สำหรับแท็บเล็ตที่จะออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้อ่าน E-Book สิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการออกแบบก็คือจะต้องทำออกมาให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา ไม่หนาเกินไป รวมถึงรูปทรงจะต้องทำออกมาให้สามารถจับถือได้นานโดยไม่เมื่อยมือเสียก่อน ซึ่งในจุดนี้ Samsung GALAXY Note 8.0 ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักของตัวเครื่องที่หนักเพียง 345 กรัม ซึ่งจัดว่าเบา สามารถใช้งานเป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกันได้สบาย ส่วนความหนาของเคร่ืองก็เพียงแค่ 7.95 มิลลิเมตร แทบจะเท่ากับเขียงพลาสติกเท่านั้น มั่นใจว่าทุกท่านสามารถถือ Samsung GALAXY Note 8.0 เพื่อใช้อ่านหนังสือหรือใช้ทำงานทั่วไปได้อย่างสบายแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือการเปรียบเทียบกันระหว่าง Samsung GALAXY Note 8.0 กับ iPad mini เนื่องจากขนาดที่ใกล้เคียงกัน จุดประสงค์การทำงานก็คล้ายๆ กัน จึงมักจะถูกนำมาเปรียบเทียบอยู่เสมอๆ โดยในที่นี้จะยกในเรื่องของดีไซน์ที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือมาเทียบกัน จะได้ข้อแตกต่างดังนี้
- Samsung GALAXY Note 8.0 จอใหญ่กว่า iPad mini แต่ด้วยอัตราส่วนจอที่ไม่เท่ากัน จึงดูเหมือนจอ iPad mini จะใหญ่กว่า (Note 8.0 จอยาวกว่า แต่จอ iPad mini จะกว้างกว่า)
- Samsung GALAXY Note 8.0 มีน้ำหนักมากกว่า iPad mini เล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่เทียบแล้วก็ต่างกันแค่ 30 กว่ากรัมเท่านั้น
- Samsung GALAXY Note 8.0 หนากว่า iPad mini ประมาณ 0.75 มิลลิเมตร
- ขอบจอของ Samsung GALAXY Note 8.0 หนากว่า iPad mini
ที่น่าสนใจก็คือข้อสุดท้ายครับ เรื่องของขอบจอ จะสังเกตว่าขอบจอของ iPad mini มีความบางมาก ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีระบบช่วยป้องกันการรับสัมผัสจากนิ้วที่ปลายขอบจอแบบไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็ยังคงมีปัญหาอยู่ เพราะเวลาจะอ่านหนังสือ แน่นอนว่าต้องวางนิ้วไว้ที่ขอบจอด้วย และถ้าวางนิ้วตำแหน่งไม่ดี ก็อาจจะกลายเป็นการพลิกไปยังหน้าต่อไปได้เลย?แต่ตัวของ Samsung GALAXY Note 8.0 นั้น เชื่อว่าหลายท่านน่าจะไม่ประสบปัญหานี้อย่างแน่นอน เนื่องด้วยขอบจอที่มีความกว้างขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือพอดี ทำให้สามารถวางนิ้วไว้ที่ขอบจอได้อย่างไม่ต้องกังวล และอีกข้อที่หลายคนน่าจะชอบกัน ก็คือขอบตัวเครื่องที่โค้งมนของ GALAXY Note 8.0 ทำให้เวลาสัมผัสแล้วรู้สึกสบายนิ้วกว่า iPad mini ที่ขอบตัดระหว่างจอกับบอดี้อะลูมิเนียมจะเป็นขอบเหลี่ยมคม จับแล้วรู้สึกเหมือนถูกบาดนิ้ว ทำให้ใช้งานไม่สบาย เห็นได้ชัดว่าเรื่องฟีลลิ่งการสัมผัส Samsung ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เอื้อต่อการใช้อ่านหนังสือมากกว่า
หนังสือและแอพพลิเคชัน
เมื่อส่วนของฮาร์ดแวร์ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการอ่านแล้ว อีกส่วนที่สำคัญก็คือตัวของหนังสือและแอพพลิเคชันที่ใช้อ่าน ซึ่งสำหรับใครที่ไม่อยากจะไปหาแอพอื่นมาใช้งาน Samsung GALAXY Note 8.0 เองก็เตรียมมาให้พร้อมเรียบร้อยแล้วครับ กับแอพที่มีชื่อว่า Readers Hub ที่เมื่อแปลงเป็นภาษาไทยแล้วจะได้ว่า “ศูนย์กลางของนักอ่าน” ซึ่งตัวแอพเองก็ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางได้สมชื่อ เพราะสามารถเป็นได้ทั้ง
- แอพสำหรับอ่านหนังสือ (รองรับไฟล์ยอดนิยมสำหรับ E-Book อย่าง PDF และ EPUB)
- แอพสำหรับจัดการหนังสือ เช่น ลบหนังสือออก, สร้างทางลัดเพื่อเปิดหนังสือไว้บนหน้าโฮม เป็นต้น
- สามารถซื้อหนังสือจาก Readers Hub Store ได้ แต่จะยังมีเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษนะครับ
ส่วนใครที่อยากหาหนังสือมาอ่านเองใน Samsung GALAXY Note 8.0 ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยถ้าจะนำมาอ่านด้วยแอพ Readers Hub ก็ให้นำไฟล์หนังสือ (ใช้ได้ทั้ง PDF และ EPUB) เข้ามาไว้ในโฟลเดอร์ /storage/sdcard0/ReadersHub/Books (ในกรณีที่จะเก็บไฟล์หนังสือไว้ใน SDCard) ซึ่งเมื่อเปิดแอพขึ้นมา ก็จะเจอหนังสือที่เราใส่เข้ามาพร้อมให้เปิดอ่านได้ทันที หรือถ้าอยากจะติดตั้งแอพอื่นสำหรับใช้อ่านหนังสือ ก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งจาก Google Play Store ได้เช่นกันครับ อย่างถ้าใครต้องการอ่านหนังสือ/นิตยสารของไทย ก็จะมี AIS Bookstore ที่เป็นแหล่งจำหน่าย E-book รายใหญ่ในไทยให้ใช้งานกันได้
โดยเท่าที่ใช้งานแอพ Readers Hub สำหรับอ่านหนังสือบน Samsung GALAXY Note 8.0 ก็พบว่าสามารถใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง ทั้งส่วนของการใช้งานที่ง่าย ถ้าไฟล์หนังสือเป็นไฟล์ EPUB ก็จะมีอนิเมชันการพลิกหน้ากระดาษที่ทำได้ใกล้เคียงกับกระดาษจริงๆ เช่นสามารถแง้มเพื่อดูหน้าต่อไปได้ รวมไปถึงยังสามารถขีดปากกาไฮไลท์ข้อความ วาดรูปลงไปบนหน้าหนังสือ ค้นหาข้อความที่ต้องการ รวมไปถึงสามารถปรับสีของกระดาษให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ ส่วนถ้าใช้ไฟล์ PDF ก็จะมีฟีเจอร์เสริมที่น้อยลงมาหน่อยครับ และก็การเรนเดอร์ตัวอักษร/ภาพในหนังสือก็อาจจะช้ากว่าไฟล์ EPUB นิดหน่อย แต่ยังถือว่าทำได้เร็วกว่าแท็บเล็ตหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน โดยส่วนที่สำคัญก็คือสเปคของ Samsung GALAXY Note 8.0 เองที่จัดว่าแรงอยู่แล้ว
ด้านของการแสดงผลตัวอักษรบนจอนั้น สามารถแสดงผลได้อย่างชัดเจน ใครที่คิดว่าตัวอักษรเล็กหรือใหญ่เกินไป ก็สามารถปรับตัวอักษร (EPUB) หรือย่อ/ขยายหน้ากระดาษได้ (PDF)?
Reading mode
หลายๆ คนคงพอรู้จักกระดาษถนอมสายตากันบ้าง เนื่องด้วยหนังสือในปัจจุบัน เริ่มเปลี่ยนจากกระดาษขาวธรรมดามาเป็นกระดาษถนอมสายตากันมากขึ้น เนื่องด้วยคุณสมบัติที่เอื้อต่อการถนอมสายตามากกว่า เช่นสีของกระดาษที่ไม่สะท้อนแสงมากเท่ากระดาษขาว รวมถึงสีกระดาษจะไม่ตัดกับสีหมึกพิมพ์มากเกินไป ทำให้เราสามารถอ่านหนังสือได้สบายตา อ่านได้นานกว่ากระดาษขาว ที่หากอ่านไปนานๆ อาจจะเกิดอาการเวียนศีรษะได้ โดยจุดเด่นของกระดาษถนอมสายตาก็คือเนื้อกระดาษจะเป็นสีเหลืองขุ่นๆ
ซึ่งในตัวของ Samsung GALAXY Note 8.0 ที่ออกแบบมาสำหรับเป็นอุปกรณ์เพื่อการอ่านเขียน ก็มีการจำลองคุณสมบัติของกระดาษถนอมสายตามาไว้ด้วยเช่นกัน ในฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Reading mode ซึ่งจะสามารถใช้งานได้กับบางแอพพลิเคชัน เน้นไปที่แอพสำหรับอ่าน E-book เช่นตัวของ Readers Hub ที่ติดตั้งมาอยู่แล้วในเครื่อง โดยเมื่อเปิดใช้งาน Reading mode แล้ว จะพบว่าหน้ากระดาษ (ของหนังสือที่กำลังเปิดอยู่ในแอพ) เปลี่ยนโทนสีไปเป็นสีเหลืองนวลตามากขึ้น ช่วยให้สามารถอ่านหนังสือได้สบายตากว่าตอนไม่ได้เปิดใช้งาน Reading mode เนื่องจากสีของพื้นหลังจะใกล้เคียงกับตัวอักษร ทำให้สีไม่ตัดกันมากเกินไป จึงทำให้อาการล้าสายตาลดน้อยลง เหมาะกับผู้ที่ต้องการอ่านหนังสือเป็นระยะเวลานานๆ ครับ
ส่วนถ้าใครเกรงว่า เมื่อเปิดใช้งาน Reading mode แล้ว จะทำให้หน้าจอของแอพอื่นๆ ดูเหลืองไปทั้งหมด เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเลยครับ เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วคือมันจะทำงานเฉพาะกับแอพอ่านหนังสือเท่านั้น เมื่อเปลี่ยนออกมาใช้งานแอพอื่น หรือออกมาที่หน้าโฮม สีของจอก็จะกลับไปเป็นโทนสีปกติ หรือถ้าใครต้องการให้แอพอื่นๆ ใช้งาน Reading mode ด้วย ก็สามารถเข้าไปเพิ่มรายชื่อแอพที่จะใช้งานร่วมกับ Reading mode ได้ที่ Settings > Display > Reading mode จากนั้นก็เลือกแอพที่ต้องการได้เลย โดยค่าเริ่มต้นจะมีเพียงแอพ Readers Hub อยู่ในรายการเพียงแอพเดียวเท่านั้นนะครับ
โดยรวมแล้ว Samsung GALAXY Note 8.0 จัดว่าเป็นแท็บเล็ตที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอ่าน E-book เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ทำออกมาได้ดี ทั้งน้ำหนัก ความบางและดีไซน์ที่เอื้อต่อการใช้เป็นอุปกรณ์อ่านหนังสือ (หรือจะขีดเขียนก็ได้สบายๆ) รวมไปถึงส่วนของซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการอ่านหนังสือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ Reading mode ที่ช่วยปรับสีของจอให้สามารถอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานานได้โดยไม่ล้าสายตา ซึ่งแท็บเล็ตเท่าที่มีในตลาดขณะนี้ มีน้อยรุ่นมากที่จะผสมผสานจุดต่างๆ เหล่านี้เข้ากันได้อย่างลงตัวเท่ากับ Samsung GALAXY Note 8.0 เครื่องนี้ครับ
ถ้าใครสงสัย ลองไปพิสูจน์ Samsung GALAXY Note 8.0 ได้จากร้านตัวแทนจำหน่าย Samsung ใกล้บ้านท่านครับ แต่……ระวังจะติดใจนะ ^^