OPPO ได้เปิดตัว OPPO R17 Pro อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ถือเป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน OPPO ในไทย ไม่ว่าจะเป็น กล้องหลัง 3 ตัว, เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไวที่สุดในโลกอย่าง Super VOOC รวมถึงการใส่ชิปเซ็ตรุ่นรองท็อป Snapdragon 710 ในราคา 24,990 บาท ซึ่งหลายคนอาจจะบอกว่าแพง แต่เมื่อเราได้ลองจุดเด่นของรุ่นนี้ บอกเลยว่าราคาสมเหตุสมผล ไปดูกันได้ใน รีวิว OPPO R17 Pro เลยครับ
รายละเอียดสเปค OPPO R17 Pro
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080, Waterdrop Screen, Gorilla Glass 6
- ชิปประมวลผล Snapdragon 710 Octa-core 2.2 GHz
- GPU Adreno 616
- RAM 8GB
- ความจุ : 128GB
- กล้องหลัง 3 ตัว : 12MP (f/1.5, f/2.4) + 20MP f/2.6 + TOF + OIS
- กล้องหน้า : 25 MP (f/2.0) Sony IMX 576
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C 3.1
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ + สแกนใบหน้า
- รองรับ 4G/ 4G+ : TD-LTE, LTE FDD
- Dual Nano Sim
- แบตเตอรี่ : 3,700 mAh (1,850 mAh + 1,850 mAh)
- รองรับ Super VOOC Flash Charge
- Bluetooth 5.0, NFC, Wireless 802.11 a/b/g/n/ac
- ขนาด / น้ำหนัก : 157.6 x 74.6 x 7.9 มม. / 183 กรัม
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 base on Android 8.1
- มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Radiant Mist และสี Emerald Green
- ราคา 24,990 บาท
สำหรับอุปกรณ์ในกล่องนั้นก็ให้มาครบถ้วน มีเคสใส หัวชาร์จ Super VOOC Flash Charge และสาย Type-C และหูฟัง
มาดูการออกแบบตัวเครื่อง OPPO R17 Pro ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์ในแบบฉบับของ OPPO ด้านหน้าโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.4 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ พื้นที่ด้านหน้าแทบจะไร้ขอบ ด้วยดีไซน์แบบ Waterdrop Display มีเพียงกล้องหน้าอยู่บริเวณด้านบนเท่านั้น ทำให้หน้าจอดูเต็มพื้นที่ด้านหน้ามากขึ้นกว่าเดิม
กล้องหน้าด้านบนหน้าจอ มีความละเอียดสูงถึง 25 ล้านพิกเซล f/2.0 ใช้เซ็นเซอร์ IMX 576 นอกจากจะถ่ายภาพในโหมด Beauty ได้แล้ว ยังสามารถสร้าง AR Sticker และใช้ในการปลดล็อกหน้าจอได้อีกด้วย
หน้าจอของ R17 Pro มีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ ใช้ในการปลดล็อกตัวเครื่องได้ อยู่ตำแหน่งด้านล่างของหน้าจอ นอกเหนือจากการสแกนใบหน้า
ด้านล่างมี พอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB-C 3.1 รองรับเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge ที่เป็นเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วที่สุดในโลกในขณะนี้ มีลำโพงขับเสียงอยู่ด้านล่างพร้อมกับถาดใส่ซิม
ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nano sim แบบประกบกันหน้าหลัง ไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำ Micro SD card
ฝาหลังของ R17 Pro ใช้วัสดุเป็นกระจกแบบ 3D ตัวฝาหลังเป็นแบบไล่เฉดสีสวยงาม ซึ่งเรื่องฝาหลังสวยนั้น OPPO มีชื่อเสียงในด้านนี้อยู่แล้ว โดย R17 Pro มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Radiant Mist และสี Emerald Green ซึ่งตัวที่เราได้มารีวิวคือสี Emerald Green ส่วนใครที่อยากดูสี Radiant Mist เข้าไปดูได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ
ตำแหน่งของกล้อง Triple Camera จะอยู่ตรงกลางด้านบน อยู่ในกรอบวงรี ซึ่งมี Dual LED Flash อยู่ด้านล่างอีกที พร้อมกับสัญลักษณ์ OPPO อยู่ตรงกลาง
ฝาหลังตัวเครื่องด้านข้างเป็นกระจกโค้งมนรับกับมือ และยังให้ความสวยงามเข้ากับลวดลายของตัวเครื่อง
ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงจะอยู่ ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวาเพียงปุ่มเดียว
ภาพรวมของตัวเครื่องถือว่าออกแบบมาได้สวยงาม น้ำหนักตัวเครื่องไม่มากจนเกินไป การจับถือทำได้สะดวก ด้วยความโค้งมนของตัวเครื่องที่กำลังดี และที่สำคัญคือสี Emerald Green สวยมากครับ
หน้า UI เป็น Color OS 5.2 ซึ่งดูเหมือนกับสมาร์ทโฟน OPPO ทั่วไปที่คุ้นเคยกัน เป็นแบบเรียงแอพพลิเคชั่นไปเรื่อย ๆ หากเลื่อนซ้ายจะเป็นหน้ารวม Smart Bar ที่เราสามารถปรับแต่งการแสดงข้อมูลให้เหมาะกับการใช้งานของเรา และด้วยแรมที่ให้มาถึง 8 GB ทำให้สลับได้แบบลื่นไหนสุด ๆ ไม่ว่าจะเข้ากี่แอพพลิเคชั่น เพราะจากการใช้งานทั่วไปจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่เหลือให้ใช้งานอีกเกือบ 4 GB
Camera
สำหรับจุดเด่นที่สุดนั่นก็คือกล้องหลัง Triple Camera ที่มาพร้อมกับ Ultra Nigth Mode ทำให้การถ่ายภาพตอนกลางคืนนั้นโดดเด่น ดูดี ซึ่งสเปคกล้องนั้น มีความละเอียดอยู่ที่ 20 MP และ 12 MP ใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX 362, 1.4 μm ที่ความไวแสง 1 / 2.55 มีฟีเจอร์กันสั่น OIS พร้อมกับรูรับแสงที่กว้างสุดที่ f/1.5 สำหรับกล้องหลัก ทำให้ถ่ายกลางคืนได้สว่างสมกับ สโลแกน seize the night ที่สำคัญยังมาพร้อมกับ TOF 3D Camera ที่ใช้ในการสร้างโมเดล 3 มิติในอนาคต และยังช่วยในการถ่ายภาพบุคคลหรือวัตถุได้แม่นยำมากขึ้น ด้วยการปล่อยเลเซอร์แบบเป็นแผ่นเรียบ ทำให้ทราบถึงรายละเอียดความลึกของบุคคลและวัตถุ
OPPO R17 Pro นั้นชูจุดเด่นการถ่ายภาพกลางคืนได้ดีด้วย Ultra Night Mode ที่ทำงานร่วมกับ AI ทำให้การถ่ายภาพในตอนกลางคืนนั้นสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการถ่ายภาพตอนกลางคืนแบบ คม ๆ นั้นอาจจะต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วย แต่ไม่จำเป็นเลยครับ เพราะการทำงานของ Ultra Night Mode ที่มี AI Ultra-Clear Engine จะช่วยประมวลผลภาพ ภายในระยะเวลา 2-4 วินาที ตัวกล้องจะทำการจับภาพซ้ำ ๆ เพื่อเร่งแสงให้ภาพสว่างขึ้น แบบคมชัด ไม่มี Noise มารบกวน ใครนึกภาพไม่ออก ดูวิดีโอการทำงานการถ่ายภาพในโหมด Ultra Night Mode ได้ที่ด้านล่างเลยครับ
ปรับไปที่ Ultra Night Mode กดชัตเตอร์ และรอ 2-4 วินาที ก็เรียบร้อย จะได้ภาพเหมือนกับด้านล่าง
เราได้ทำการถ่ายเปรียบเทียบให้ดูระหว่างภาพถ่ายที่ใช้โหมด Ultra Night Mode และใช้โหมด Auto จะเห็นได้ว่าภาพตอนใช้โหมด Ultra Night Mode นั้นคมชัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่มี Noise มาทำให้ภาพเสียรายละเอียด ส่วนในโหมด Auto จะเร่งแสงจนภาพเสียรายละเอียด จนฟุ้ง และเกิด Noise เยอะ
ในโหมด Portrait นั้น เป็นอีกโหมดที่ OPPO ขึ้นชื่อในด้านนี้อยู่แล้ว ยิ่งเป็น OPPO R17 Pro ที่มากับเทคโนโลยีกล้องตัวล่าสุด ยิ่งถ่ายได้ดีขึ้น เซ็นเซอร์ และซอฟต์แวร์ AI ทำงานได้ฉลาด และรวดเร็ว ที่สำคัญยังมีคุณภาพของภาพถ่ายที่ดีขึ้นด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายแบบ Portrait
ที่สำคัญยังมาพร้อมกับลูกเล่นอีกเพียบตามสไตล์ OPPO ในโหมด Portrait นั้นมีเอฟเฟกต์แสงให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 6 แบบ ซึ่งหนึ่งฟีเจอร์เราชื่นชอบนั่นก็คือ BI-COLOR Light ที่เอาไว้ถ่ายตอนกลางคืนที่จะทำให้ใบหน้าของเรานั้นมีสองสี เหมือนกับเราอยู่สถานที่บันเทิง และมีแสงมากระทบ ซึ่งทำได้เนียนมาก เหมือนตัวอย่างภาพถ่ายด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait ตอนกลางวัน
จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่ามีการจับโฟกัสที่ใบหน้าอย่างแม่นยำ แม้มีคนหลายคน และอยู่ในที่แสงน้อย จะถ่ายแบบ Group Shot ก็หายห่วง แม้ถ่ายขณะเคลื่อนไหวก็ยังมีภาพที่คมชัด เมื่อถ่ายออกมาแล้วจะได้เป็นภาพด้านล่าง
ในส่วนในการถ่ายภาพวิวนั้นถ่ายได้สวยงามตามที่คาดหวังไว้ ยิ่งมี Ultra Night Mode ที่มีมี OIS+Smart Aperture + AI Ultra Clear Engine ระบบป้องกันการสั่น รูรับแสงที่ปรับให้เข้ากับการถ่ายภาพกลางคืน รวมถึง AI ที่ช่วยวิเคราะห์ภาพ ปรับแสงและสีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่างวิดีโอในตอนกลางคืน
<span data-mce-type=”bookmark” style=”display: inline-block; width: 0px; overflow: hidden; line-height: 0;” class=”mce_SELRES_start”></span>
สำหรับกล้องหน้าของ OPPO R17 Pro นั้นก็จัดเต็มเหมือนเคยโดยมาพร้อมกับความละเอียด 25 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสงกว้าง f/2.0 ไว้ให้ถ่ายภาพกันแบบสวยงาม พร้อมกับการประมวลผลด้วย AI ซึ่งผลลัพธ์ออกมาดูดี คมชัด ตามสไตล์กล้องหน้า OPPO
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ตอนกลางคืน
ในส่วนของ AI จะเข้าไปเพื่อช่วยให้การถ่ายภาพสมจริงมากยิ่งขึ้น โดย AI ในกล้องหลัง OPPO R17 Pro นั้นสามารถแยกแยะฉาก กับวัตถุต่าง ๆ ได้หลากหลายประเภท และปรับแต่งให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้น ๆ ได้ทันที เหมือนกับในภาพที่เป็นอาหาร AI ก็จะแยกให้เป็นหมวด Food โดยจะเร่งขึ้นให้ดูน่ารับประทาน
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืน OPPO R17 Pro
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืน OPPO R17 Pro
นอกจากเรื่องกล้องที่เป็นจุดเด่นแล้ว OPPO R17 Pro ยังมากับจุดเด่นอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือฟีเจอร์ SuperVOOC Flash Charge 10V/5A 50W ที่อยู่ใน OPPO Find X Automobili Lamborghini Edition แต่ตอนนี้อยู่ไหน OPPO R17 Pro ซึ่งสามารถชาร์จแบตได้เร็วสุด ๆ จาก 0 % จนถึง 40 % ภายใน 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในโลก พูดไปเปล่า ๆ มันไม่น่าเชื่อถือเราเลยทดสอบให้ดูกันครับ
จากที่เห็นในภาพด้านว่าง เวลา 5 โมงเย็น ทำการเสียบชาร์จตอนแบตเตอรี่ 4 % หลังจากนั้นทิ้งเป็นเวลา 10 นาที กลับมาดูอีกทีแบตเตอรี่อยู่ที่ 44 % ตรงกับที่ทาง OPPO เคลมไว้เป๊ะ ๆ ซึ่งใช้เวลาแบตเตอรี่จาก 4 % ถึง 99 % ภายในเวลา 33 นาทีเท่านั้น เร็วจริงสมกับเป็นเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วที่สุดในโลก
อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดคือ สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ใต้หน้าจอ สามารถทำงานได้รวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ หากหน้าจอดับอยู่ เพียงรอถือเครื่องขึ้นมา หรือขยับตัวเครื่อง จะมีรูปรอยนิ้วมือปรากฏขึ้นมาให้เห็นทันที เพื่อที่จะทำให้เรารู้ตำแหน่งที่ต้องเอานิ้วไปวาง ถือว่าสะดวกดี
Performance
ในส่วนของประสิทธิภาพของ OPPO R17 Pro ที่หลายคนสงสัยว่าชิป Snapdragon 710 นั้นจะเหมาะสมกับราคาหรือไม่ จากการทดลองใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งถ่ายรูป เล่นเกม หรือโซเชียลมีเดีย สามารถปลดปล่อยสมรรถนะได้อย่างเต็มที่และเข้าสู่แอพพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว จากความรู้สึกเมื่อเทียบกับ Snapdragon 845 ตัวท็อปนั้น ต่างกันเพียงเล็กน้อยในด้านของความเร็ว แต่ในส่วนของกราฟิกนั้น หากเป็นเกม ROV หรือ Ragnarok Mobile ที่กินกราฟิกไม่เยอะ ก็เล่นได้แบบลื่น ๆ ไม่ต่างกันเลยเลย
OPPO R17 Pro จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 สนนราคา 24,990 บาท และแน่นอนว่ามีโปรโมชัน Pre-order สำหรับผู้ที่สนใจด้วยครับ จ่ายค่าจองเครื่อง 1,000 บาท รับของแถมเป็น Premium Gift มูลค่ารวม 9,200 บาท เปิดให้จองเครื่องตั้งแต่วันที่ 17 ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ครับ
หรือใครที่ใช้รายเดือนอยู่แล้ว แนะนำให้ซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่าย เพราะลดไปเยอะมาก ลดสูงสุด 15,000 บาท ทำให้เหลือค่าเครื่องอยู่ที่ 9,990 บาทเท่านั้น ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โปรโมชั่นจอง OPPO R17 Pro AIS ,TRUE และ Dtac ลดสูงสุด 15,000 บาท เหลือ 9,990 !!