หลังจากที่ HyperX ทำคตลาดหูฟังเกมมิ่งไร้สายทั้งแบบมีสายและแบบไร้สายมานาน ในที่สุด HyperX ก็ได้ออกหูฟังไร้สายตัวใหม่มา ซึ่งตัวใหม่นี้มาในรูปแบบของหูฟังไร้สายทรง Earbuds ในชื่อ HyperX Cloud Buds โดยได้ทำการวางขายแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในราคา 2,190 บาท ซึ่ง Specophone เราก็ได้เจ้าหูฟังตัวนี้มารีวิวกกับเขาบ้างแล้ว จะเป็นอย่างไรไปชมกันครับ
สเปค HyperX Cloud Buds
- ไดร์เวอร์ลำโพง : แบบไดนามิคพร้อมแม่เหล็กนีโอดีเนียม
- ประเภท : สายคล้องคอ
- ความถี่ลำโพง : 20-20kHz
- ความต้านทาน : 65.2 Ω
- ระดับแรงดันเสียง : 104±3 dB 1mW ที่1kHz
- T.H.D : ≦2% ที่ 200-3kHz
- น้ำหนัก : 27.5 กรัม
- ความยาวสายชาร์จ : USB-C to USB-A: 0.2 ม.
- ไมโครโฟน : ไมโครโฟนอีเล็คเตรทคอนเดนเซอร์
- รูปแบบขั้ว : รอบทิศทาง
- ความถี่ไมโครโฟน : 100Hz–7.2kHz
- ความไววงจรเปิด : -16.5dBV (1V/Pa ที่1kHz)
- เวลาใช้งานแบตเตอรี่ : 10 ชั่วโมง
- เวอร์ชั่น Bluetooth : 5.1
- ช่วงสัญญาณไร้สาย : สูงสุด 10 เมตร / 33 ฟุต
- Codec ที่รองรับ : aptX™, aptX™ HD, SBC
- Profile ที่รองรับ : A2DP, AVRCP, HFP, HSP
- ราคา : 2,190 บาท
ข้อดี
- ใช้งานได้แม่นยำ ไม่ดีเลย์
- การออกแบบใส่สบายหู
- เชื่อมต่อรวดเร็ว
ข้อสังเกต
- ระยะเวลาในการใช้งานน้อยกว่าหูฟังแบบ True Wireless
- ไม่มี Software ของตัวเอง
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ก่อนจะไปดูว่าตัวหูฟังเป็นอย่างไร เรามาดูภายในกล่องกันก่อนดีกว่าว่าเราจะได้อะไรมาบ้าง ซึ่งในกล่องนอกจากตัวหูฟัง Cloud Buds แล้วสิ่งที่เราจะได้มาเพิ่มก็คือชุดจุกหูฟังซิลิโคน 2 ขนาด, สายชาร์จแบบ USB Type-C ยาว 0.2 เมตร หนังสือคู่มือ และซองผ้าสำหรับพกพา โดยตัวซองผ้านี้เป็นซองแบบตาข่ายที่อากาศสามารถไหลผ่ายได้ ทำให้ป้องกันฝุ่นได้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
การออกแบบ
HyperX Cloud Buds มาในดีไซน์ของหูฟังไร้สายแบบ necklace หรือแบบคล้องคอ มีสีให้เลือกแค่สีเดียวคือโทนสีแดงและดำตามสไตล์ gaming gear
จุกซิลิโคนนี้นับเป็น Signature ของหูฟังตัวนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นดีไซน์เฉพาะของทางแบรนด์และมีให้มาด้วยกัน 3 ขนาดให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมของหูแต่ละคน และที่โดยส่วนตัวมองว่าเจ๋งก็คือตัวหูฟังจะมีแกนสำหรับล็อคตัวจุกซิลิโคนไม่ให้หลุดง่ายอีกด้วย
ตัวลำโพงใช้ไดรเวอร์แบบไดนามิกขนาด 14mm ซึ่งถือว่าขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับหูฟังอินเอียร์ทั่ว ๆ ไป
ตัวหูฟังมีปุ่มควบคุมและไมโครโฟนในตัวสำหรับการสนทนาซึ่งรองรับการใช้งานกับทุกแพลตฟอร์ม
ตัวโมดูลฝั่งซ้ายจะมีช่องชาร์จแบบ USB Type-C, ปุ่ม Power และไฟ LED แสดงสถานะอยู่ ซึ่งเวลาชาร์จจะมีไฟขึ้นเป็นสีแดง และเมื่อแบตเตอรี่เต็มไฟสีแดงนี้จะดับลง
คุณภาพเสียงและการใช้งาน
ในส่วนของการใช้งานนั้น HyperX Cloud Buds จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วย Bluetooth 5.0 ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับทั้งสมาร์ทโฟน (iOS/Android), แท็บเล็ต, แล็ปท็อป (Windows 10, macOS), DAP หรือสมาร์ททีวีได้อย่างรวดเร็ว แถมยังไม่มีดีเลย์เวลาใช้งานด้วย ซึ่งการเชื่อมต่อนั้นจะทำได้โดยการกดปุ่ม Power ค้างไว้สักพัก แล้วตัวหหูฟังจะเข้าสู่โหมดจับคู่
ในเรื่องของการควบคุมนั้นปุ่มทั้งหมดจะอยู่ที่สายฝั่งซ้าย โดยตัวปุ่มควบคุมและไมโครโฟนจะอยู่คนละฝั่งกัน ซึ่งตัวไมโครโฟนนี้ให้เสียงที่ชัดเจนดีมาก ผู้ฟังได้ยินเสียงพูดชัดเจนดีไม่มีปัญหา ตัวปุ่มควบคุมเองก็ตอบสนองได้ค่อนข้างดี แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือปุ่มที่ใช้สั่งเล่น/หยุดเพลงนี้ถูกออกแบบมาให้อยู่ลึกกว่าปุ่มปรับลระดับเสียง ทำให้คุณเป็นคนนิ้วใหญ่ จะทำให้อาจจะกดพลาดได้
ในเรื่องของเสียงนั้นต้องยอมรับเลยครับว่า HyperX ทำหูฟังตัวนี้ออกมาได้ดี เพราะในด้านการฟังเพลงนั้นเสียงที่ได้เป็นเสียงแบบทุ้มนิด ๆ มีมิติของเสียงดี สามารถแยกซ้าย/ขวาได้ชัดเจน ทำให้ฟังสนุกและติดหู และสำหรับในเรื่องของการเล่นเกมนั้นจากที่ได้ลองเอาไปใช้ระหว่างเล่นเกมแนว Battle Royal แล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็ฯหูฟังที่ใช้แล้วเล่นสนุกมาก ถึงแม้จากความรู้สึกแล้วเสียงจะมีดีเลย์เล็กน้อย (น้อยมาก ๆ แบบที่ถ้าไม่จ้องจับผิดคงไม่รู้สึก) ทั้งเสียงปืน เสียงระเบิดสะใจสุด ๆ หากเน้นฟังแค่คุณภาพของเสียงแล้วจะบอกว่าเป็นหูฟังแบบสายก็เชื่อ
สรุป
HyperX Cloud Buds เป็นหูฟังไร้สายที่ให้เสียงฟังสนุก เสียงกระหึ่มเวลาใช้เล่นเกมหรือดูหนัง แบตเตอรี่ถือว่าอึดถึกทนใช้ได้ ดูซีรีส์หรือเล่นเกมยาว ๆ ได้แบบไม่มีปัญหา การเชื่อมต่อ, การใช้งาน และฟังก์ชันต่าง ๆ ใช้งานได้ดี ใช้งานง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน แถมยังเชื่อมต่อได้รวดเร็วอีกด้วย เป็นอีกหูฟังนึงที่น่าสนใจมากหรับคนที่ต้องการหูฟังในช่วงราคาไม่เกิน 3,000 บาท โดยเเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของหูฟังเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ HyperX
แน่นอนว่าหูฟังแต่ละตัวไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมาะกับผู้ใช้ทุกคน แนะนำให้หาโอกาสทดลองฟังก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะทดลองใช้งานกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด