มาพบรีวิวอุปกรณ์เสริม แก็ดเจ็ตอีกชิ้นจากเรานะครับ รอบนี้เป็นหูฟังกันบ้าง กับหูฟังจากแบรนด์ดังอย่าง Audio Technica ในชื่อรุ่นคือ ATH-ANC7b-SViS ที่อาจจะดูจำยากไปซักหน่อย แต่ถ้าพูดถึงจุดเด่น ไม่แน่อาจจะช่วยให้จำง่ายขึ้นมาก็ได้ เพราะมันเป็นหูฟังที่มีฟีเจอร์ในการช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก (Noise-Cancelling) มาให้ในตัว โดยใช้ชื่อฟีเจอร์เป็น QuietPoint ครับ แถมเคลมด้วยว่าสามารถช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ไม่สูงสุดถึง 90% อีกด้วย เรียกว่าเหนือกว่าหูฟังธรรมดาขึ้นไปอีก ตอนใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง มาชมกันในรีวิวได้เลย
เมื่อแกะกล่องออกมา ก็จะพบกล่องใส่หูฟังอีกชั้น เนื้อเป็นผ้าบุภายนอก โครงสร้างแข็งแรงใช้ได้ครับ รับรองว่าใช้ป้องกันตัวหูฟังได้เป็นอย่างดีแน่นอน
รูดซิปออกมา ก็จะเห็นว่าภายในแบ่งออกเป็นสองฝั่งตามฝา ฝั่งซ้ายในภาพก็จะเป็นซองตาข่ายมีซิปปิดอยู่ ภายในจะเป็นพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่นพวกสายหูฟัง แจ็คหูฟัง ส่วนฝั่งขวาในภาพก็จะมีหูฟังอย่างเดียวโดดๆ เลยครับ
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในชุดจัดจำหน่ายก็มีดังนี้
- สายหูฟัง 3 แบบ ได้แก่ สายยาวปกติ 1.2 เมตร, สายยาวปกติ 1.2 เมตร แบบมีรีโมทให้ในตัว แล้วก็สายสั้นไม่มีรีโมท ทั้งหมดเป็นแจ็ค 3.5 มิลลิเมตรปกติชุบทอง
- แจ็คหูฟังแบบสองหัวชุบทอง สำหรับเสียบใช้งานบนเครื่องบิน
- แจ็คหูฟังขนาด 6.3 มิลลิเมตรชุบทอง สำหรับต่อใช้งานกับเครื่องเสียง
- ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AAA 1 ก้อน
ซึ่งส่วนของสายนั้นก็เป็นตัวเลือกระหว่างใช้งานได้ดีเลยครับ ถ้าต่อใช้งานกับคอม หรือใช้แบบไม่ซีเรียสว่าต้องมีรีโมทช่วยคุมเพลง ก็ใช้สายปกติไปเลย แต่ถ้าต้องการความสะดวกเวลาเปลี่ยนเพลง ก็ใช้สายแบบมีรีโมทแทน ซึ่งตัวรีโมทนี้มีแค่ปุ่มเดียวนะครับ หลักๆ ก็ใช้เป็นปุ่ม Play/Pause ถ้ากดสองครั้งก็ข้ามเพลง กดสามครั้งก็ย้อนไปเล่นเพลงก่อนหน้า (ใช้กับ iPhone) ไม่มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
ทีนี้มาดูตัวของหูฟังกันบ้างครับ เริ่มจากสเปคเล็กน้อยกันก่อน
- ไดรเวอร์ขับเสียงขนาด 40 มิลลิเมตร
- ตอบสนองต่อความถี่เสียงในช่วง 10 – 25,000 Hz
- ความต้านทาน 300 โอห์ม (ตอนเปิดใช้งานฟังก์ชันตัดเสียง)
- ระดับเสียงสูงสุด 109 เดซิเบล
- ตัดเสียงได้สูงสุด 20 เดซิเบล
- น้ำหนักประมาณ 210 กรัม
- ใช้ถ่าน AAA 1 ก้อนสำหรับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน
จากสเปคแล้ว ก็จัดว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียงได้ครอบคลุมทุกย่านเสียงครับ แต่ถ้าตามสไตล์ของยี่ห้อ Audio Technica แล้ว ก็จะโฟกัสไปที่เสียงกลาง เสียงร้องให้เด่นขึ้นมากว่าเสียงโทนอื่นๆ ส่วนเรื่องของความต้านทานที่เป็นจุดบ่งบอกว่าหูฟังตัวนี้จะขับยากขนาดไหน ต้องใช้พลังขับของเครื่องเล่นเพลงหนักมากมั้ย ถ้าดูจากตัวเลข 300 โอห์มเมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนนี่จัดว่าสูงเลยล่ะ และน่าจะต้องใช้แอมป์ช่วยในการขับพลังของมันออกมาให้ได้เต็มที่ แต่จากที่ผมลองใช้งานดู พบว่าสมาร์ทโฟนกับ iPod Classic ผมก็ยังขับเสียงจากหูฟังตัวนี้ได้อยู่นะ แต่ก็ยอมรับเลยว่าไม่เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็นครับ ใช้กับโน้ตบุ๊กก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ต้องเร่งเสียงจากปกติพอสมควรเหมือนกัน
บอดี้ภายนอกของ Audio Technica ATH-ANC7B-SViS ก็เป็นพลาสติกปกติครับ เป็นรอยขีดข่วนง่ายพอสมควร สังเกตจากภาพด้านบน จะเห็นว่าข้างซ้ายเป็นรอยขีดข่วนไปแล้ว คาดว่าน่าจะเกิดจากตอนผมรีบเก็บหูฟังลงกระเป๋าใหญ่ โดยไม่ได้เก็บลงในกระเป๋าของหูฟังที่แถมมาก่อน เลยเป็นรอยซะ
โดยหูฟังแต่ละฝั่งก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป สำหรับข้างขวาจะเป็นข้างสำหรับใส่แบตเตอรี่ AAA เพื่อใช้งานโหมดตัดเสียงรบกวนครับ
ส่วนฝั่งซ้ายนี่ก็จะมีสวิทช์เปิด/ปิดฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน โดยมีไฟสีฟ้าด้านบนแสดงสถานะ ถ้าไฟติด ก็แสดงว่าเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนอยู่ ส่วนถ้าไฟกระพริบ ก็แสดงว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด
สำหรับโครงครอบศีรษะของ Audio Technica ATH-ANC7B-SViS ตัวนี้ก็จะมีอลูมิเนียมเนื้อแข็งเป็นแกนกลาง ภายนอกเป็นพลาสติกสีดำ สามารถปรับขนาดให้เข้ากับศีรษะของผู้ใช้งานได้ง่าย ทั้งยังแข็งแรงดีเลย ไม่ต้องกลัวหัก (ถ้าไม่ได้ตั้งใจหักมันทิ้งอะนะ) สำหรับด้านบนก็จะบุด้วยฟองน้ำเนื้อนิ่ม ทำให้ตอนใช้งานจริงไม่รู้สึกว่ามันกดศีรษะมากเท่าไหร่ การเก็บงานและการประกอบชิ้นส่วนถือว่าทำได้ดีเลยครับ
ที่ตัวหูฟังก็จะใช้เป็นฟองน้ำครอบหู เสียดายที่ตัวฟองน้ำไม่ได้ออกแบบมาให้แกะออกมาได้ง่ายนัก คงต้องใช้กำลังกันซักหน่อย จุดนี้อาจจะทำให้การแกะเปลี่ยนฟองน้ำทำได้ยากซักนิด ส่วนในตอนใช้จริง ถ้าใส่หูฟังนานติดต่อกันเป็นชั่วโมงๆ ก็จะรู้สึกว่ามันบีบรอบใบหูไปหน่อยครับ มีปวดๆ บ้างเหมือนกัน แต่ที่จริงเราก็ไม่ควรใส่หูฟังติดต่อกันนานๆ อยู่แล้วนะ ถ้าจำเป็นต้องใช้งาน ทางที่ดีก็ถอดหูฟังออกมาพักทุกๆ ชั่วโมงก็จะดีครับ ทั้งหัวและหูจะได้ไม่ล้าจนเกินไป
สำหรับช่องใส่แบตเตอรี่ ก็ให้หมุนหูฟังฝั่งขวาบิดออกมาเล็กน้อย ก็จะพบช่องใส่แบตเตอรี่แล้วครับ โดยจากในสเปคของผู้ผลิต ถ้าใช้เป็นแบบอัลคาไลน์ ก็จะใช้งานได้กว่า 30 ชั่วโมงติดต่อกัน ซึ่งจากที่ผมลองใช้งานแบบวันละนิดละหน่อย เฉลี่ยได้วันละ 3-4 ชั่วโมง (ช่วงสองสามวันแรก ผมเปิดหูฟังเบิร์นทิ้งไว้ข้ามวันด้วยซ้ำ) ก็ใช้งานได้หลายวัน ได้เกินสัปดาห์อยู่เหมือนกัน กว่าที่ไฟจะเริ่มกระพริบเตือนว่าแบตใกล้หมด ถ้าใช้งานดีๆ เผลอๆ แบตก้อนนึง อาจใช้ได้ร่วมเดือนเลยก็ได้นะ ส่วนถ้าอยากใช้แบบประหยัดพลังงาน (ปิดโหมดตัดเสียงรบกวน) อันนี้บอกเลยว่าจะใช้นานเท่าไหร่ก็ใช้ได้เลย เพราะมันไม่กินแบตเตอรี่จ้า
ส่วนช่องเสียบสายหูฟังก็จะซ่อนอยู่ทางฝั่งซ้ายครับ เยื้องไปทางด้านหน้าเล็กน้อย หัวแจ็คนั้นแน่นหนาดีครับ ไม่ต้องกลัวว่าใช้ๆ ไปแล้วจะหลุดเลย
เสียงที่ได้จาก Audio Technica ATH-ANC7B-SViS ก็เป็นสไตล์ของ Audio Technica ครับ ให้โทนเสียงที่ค่อนข้างครบ โดยเฉพาะย่านเกือบสูงและย่านกลางที่เป็นเสียงร้อง แต่จะไม่ลอยเด่นขึ้นมามากเหมือนกับแนวของหูฟัง Shure แล้วก็ยังติดขุ่นๆ อยู่ ไม่ใสมาก ส่วนโทนเสียงต่ำจำพวกเบสก็ยังโอเคอยู่ครับ มีอิมแพคกระแทกอยู่บ้างเหมือนกัน รวมๆ แล้วเป็นหูฟังที่ให้โทนเสียงได้ค่อนข้างครบถ้วน ซาวด์สเตจก็อยู่ในระดับปานกลาง ยังไม่กว้างมากนัก คาดว่าจะต้องใช้เวลาเบิร์นเพิ่มอีกครับ แต่จากที่ผมลองเบิร์นทิ้งไว้คืนสองคืน ก็เห็นผลขึ้นมาบ้างนิดนึงนะ ว่าซาวด์สเตจกว้างขึ้น แยกเสียงชิ้นดนตรีดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย (ของเดิมก็ทำได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ชัดมาก)
ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวน อันนี้บอกเลยว่าใช้งานได้จริง ตอนผมใส่ฟังเพลง ฟังอยู่ใกล้ๆ พัดลมที่เปิดเบอร์ 2 เสียงพัดลมนี่แทบจะหายไปเลย ใช้ฟังบนเครื่องบินก็สบายๆ ถ้าใช้ที่ออฟฟิศก็หมดห่วงได้เลย เพราะมันตัดเสียงรอบข้างได้เกือบหมด ทำให้โฟกัสกับเพลง เอ้ย!! กับงานได้เต็มที่
ความแตกต่างของเสียงระหว่างเปิดกับปิดระบบตัดเสียงรบกวนก็เห็นได้ชัดครับ ถ้าปิด เสียงจะอุดอู้มากๆ ฟังไม่สบายหู พอกดเปิดสวิทช์ จะมีช่วงเวลาประมาณ 2 วินาทีแรกหลังกดเปิด จะรู้สึกได้เหมือนว่ามันเปิดลำโพงความถี่อื่นช่วยตัดเสียงรบกวนออก ซึ่งถ้ายังไม่ได้เปิดเพลงไว้ ก็จะพอได้ยินเสียงวึ่งเบาๆ อยู่เหมือนกันครับ ไม่ถึงกับเงียบสนิทซะทีเดียว ส่วนเสียงเพลงที่ออกมานี่คนละเรื่องกับตอนปิดระบบตัดเสียงเลย คือเสียงออกมาเต็มกว่าเดิม ชัดเจนขึ้น จนแทบจะเรียกได้ว่าบังคับให้เปิดก็ได้นะ
ใครที่สนใจหูฟังที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกที่ใช้ได้จริงอย่าง Audio Technica ATH-ANC7B-SViS ก็สามารถหาซื้อได้แล้วนะครับ ตามร้านขายหูฟังชื่อดัง รวมถึงร้านตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ได้แก่ Jaymart, iStudio, Power buy รวมถึง Power Mall ด้วยสนนราคาที่ 7,400 บาทด้วยกัน ถ้าต้องการหูฟังที่มีคุณภาพ พร้อมระบบช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกละก็ ตัวนี้ตอบโจทย์ได้แน่นอน