วันนี้เราจะมารีวิวน้องใหม่จากค่าย ASUS หรือ ASUS Zenfone Live ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำ Live โดยเฉพาะ มีจุดเด่นเรื่องโหมด Beauty ที่สามารถใช้ในการ Live ได้เลย ทำให้ภาพที่ได้ออกมามีความสวยงามมากขึ้น แต่นอกจากการทำ Live แล้วจะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้างวันนี้เราจะพาไปดูกัน
สเปค ASUS Zenfone Live
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 Quad core
- Ram 2 GB
- ความจุ 16 GB รองรับ MicroSD Card ความจุสูงสุด 128 GB
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 พิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน พร้อมแฟลช LED Soft Light
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อมแฟลช LED
- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
- รองรับ 4G LTE และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
- แบตเตอรี่ความจุ 2650 mAh
- ราคา 4,990 บาท
ภายในกล่องของ ASUS Zenfone Live จะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง ASUS Zenfone Live อะแดปเตอร์ 5.2V – 1A, สาย Micro USB หูฟังแบบ Earbud และคู่มือการใช้งาน
ข้อดี
– ตัวเครื่องมีขนาดกำลังดี พกพาง่าย
– ใช้งาน 3G/4G LTE ได้อย่างไร้ปัญหา
– สามารถใช้งานฟีเจอร์ในรุ่นพี่ Zenfone อื่น ๆ ได้บางอย่าง
– ฟีเจอร์ใหม่ Beauty Live
– แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
ข้อสังเกต
– ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ต้องเลือกระหว่างซิม 2 กับ Micro SD Card
– ไม่รองรับ Wi-Fi มาตรฐาน ac บนคลื่นความถี่ 5 GHz
บทสรุป
BEST FEATURE
Design
รายละเอียดตัวเครื่อง ASUS Zenfone Live เริ่มจากทางด้านหน้า ประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD เป็นพาแนลแบบ IPS ตัวหน้าจอต้องยอมรับว่าดีเหมือนรุ่นพี่เลย
ในเรื่องของมุมมอง สีสันที่แสดงออกมา ให้ความรู้สึกสบายตา ทำให้เมื่อใช้งานเป็นเวลานานแล้วไม่มีอาการล้าดวงตามาก กระจกหน้าจอเป็นแบบ 2.5D มีความโค้งเล็ก ๆ บริเวณมุมกระจก สำหรับโทรศัพท์มือถือราคานี้แล้ว ยอมรับเลยว่าทำให้เครื่องสวยงาม(ดูแพง)ขึ้นมากเลยครับ
ด้านบนหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับสนทนา, กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 82 องศา ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน และมาพร้อมกับแฟลช LED แบบ Soft-light
ด้านล่างหน้าจอเป็นปุ่ม Navigation Keys และไม่มีไฟใต้ปุ่มมาให้เหมือนเคย
ด้านข้างของ ASUS Zenfone Live เริ่มจากทางด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง ที่มีดีไซน์แบบ Zen Design เหมือนกับ ASUS Zenfone รุ่นอื่น
ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ด รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Hybrid Slot (เพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 128 GB) และรองรับ LTE Cat 4
ด้านล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB และลำโพงหลักของตัวเครื่อง โดยลำโพงที่อยู่ใน ASUS Zenfone Live จะเป็นลำโพงแบบ 5-Magnet ให้เสียงที่ดังกระหึ่ม (เทคโนโลยีเดียวกับใน ASUS Zenfone 3) และมี Smart Amplifier ที่เคลมว่าให้เสียงดังกว่าปกติถึง 6 เท่า
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร กับไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านหลังของ ASUS Zenfone Live ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แฟลช LED และมีโลโก้ ASUS อยู่ตรงกลาง
ตัวเครื่อง ASUS Zenfone Live ใช้วัสดุหลักเป็นพลาสติก มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีทอง Shimmer Gold, สีชมพู Rose Pink และสีดำ Navy Black หน้าตาเรียกได้ว่ามีความคล้ายรุ่นพี่อย่าง ASUS Zenfone 3 อยู่ไม่น้อยเลย
จากการใช้งานพบว่า ตัวเครื่องมีขนาดเล็กพอดีมือ หากเทียบกับตัวเครื่องที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วจะพบว่าการจับถือกระชับขึ้นมาก น้ำหนักตัวเครื่องจัดว่าเบา เนื่องด้วยขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่มากประกอบกับวัสดุตัวเครื่องที่เป็นพลาสติก ทำให้เวลาถือนาน ๆ สบายมือ
หากใครจะนำไปทำ Live แบบเดินถือไปถ่ายไปละก็ ทำได้อย่างสบาย ๆ ครับ การใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ทำได้ดี ไม่ว่าจะหยิบ หรือจะใส่ไม่รู่สึกอึดอีดแต่อย่างใดครับ
Software
ASUS Zenfone Live มาพร้อมกับ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย ZenUI ตามสไตล์ ASUS ตัว UI มีความเหมือนกับ UI ของ ASUS Zenfone รุ่นอื่น ๆ จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
สิ่งที่ผมประทับใจจาก Zen UI คือความง่าย และความครบ หน้าตา UI ที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่าย มองแล้วรู้ทันทีว่าคืออะไร จากที่ได้ลองใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งพบว่า ตัว Software เหมือนกับใช้ Software ตัวเดียวกันกับรุ่นพี่
ก่อนหน้านี้ผมได้รีวิว ASUS Zenfone Zoom S พบว่าตัว Software มากกว่า 80% มีความใกล้เคียงกับ ASUS Zenfone Live มาก ๆ จึงสามารถใช้งานฟีเจอร์อย่าง DTS X Headphone และการปรับสีหน้าจอ สามารถเร่งสีสันเพิ่มได้ สำหรับใครที่ชอบหน้าจอที่สีสดกว่านี้ด้วยครับ
ข้อดีของการมี Software แบบนี้คือ สามารถใช้ความสามารถได้ใกล้เคียงรุ่นพี่ในราคาที่ถูกกว่ารุ่นพี่ ข้อสังเกต เนื่องจาก Software ที่นำมาใช้ถูกออกแบบมาเพื่อ Hardware ที่มีสเปคสูงกว่านี้ จึงมีอาการค้าง กระตุก และในกรณีที่แย่ที่สุด ตัว Software ไม่สามารถติดต่อกับ Hardware ได้
ถัาพูดให้เห็นภาพเช่น ตัวกล้องไม่สามารถใช้งานได้ และตัวเครื่องไม่สามารถอ่าน Micro SD Card ได้ วิธีแก้ไขให้ทำการ Restart เครื่องก็จะหายเป็นปกติ แต่ในกรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานตัวเครื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือพยายามจะรีดประสิทธิภาพเต็มที่เท่านั้นครับ
ASUS Zenfone Live มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน ตัวจัดการโทรศัพท์มือถือ ที่จะรวมเอาการทำงานในหลาย ๆ ด้านมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการจัดการ การใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต 3G 4G ,การปรับแต่งการใช้งานของแบตเตอรี่ ,การเร่งความเร็วของเครื่อง ,การตั้งค่าการแจ้งเตือน ,การจัดการที่เก็บข้อมูล ,ความปลอดภัย และสิทธิการเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ใช้ได้งานสะดวกอีกแอปพลิเคชันหนึ่งเลยครับ
Feature
แอปพลิเคชัน Beauty Live สามารถปรับแต่งระดับความ Beauty ได้ถึง 10 ระดับรองรับการ Live ทั้งตัว Facebook และ Youtube แบบ Beauty
ASUS Zenfone Live มีแอปพลิเคชันที่ออกมารองรับโดยเฉพาะ ทำให้เราสามารถปรับแต่งความ Beauty ได้ในขณะที่ทำการ Live Stream ได้เลย ถ้าจะให้อธิบายหลักการทำงานแบบง่าย ๆ ของแอปพลิเคชันนี้จะประมาณว่า
ปกติเราจะทำ Live Facebook จะมีขั้นตอนประมาณนี้ครับ
ผู้ถ่ายทอดสด —> Hardware เครื่อง —> แอปพลิเคชัน Facebook —> Server —> ผู้ชม
Beauty Live จะมีขั้นตอนประมาณนี้
ผู้ถ่ายทอดสด —> Hardware เครื่อง —> Beauty Live —> แอปพลิเคชัน Facebook —> Server —> ผู้ชม
จึงเหมือนเป็นการสร้างฟิลเตอร์เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ภาพที่ได้เลยมีความเนียนตาเพิ่มมากขึ้นครับ
สำหรับข้อสังเกตในส่วนของการทำ Live จะมีเรื่องคุณภาพของอินเทอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การเชื่อมต่อ WiFi ของ ASUS Zenfone Live ยังไม่ได้รองรับ WiFi AC จึงอาจจะมีการกระตุกของสัญญาณบ้าง หรือจะทำผ่าน 4G ก็จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตครับ
Camera
ASUS Zenfone Live มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.0 จากการใช้งานพบว่าตัวกล้องทำงานได้ดี มีโหมดมาให้ใช้งานหลากหลาย โดยโหมดที่ผมชอบใช้งานจะเป็นโหมด HDR Pro ทำให้คอนทราสของภาพมีค่าที่สูงขึ้น และโหมดความละเอียดพิเศษ ที่ทำให้เวลาเราใช้งานถ่ายภาพเอกสารตัวเล็ก ๆ จะทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดเป็นพิเศษ สรุปภาพถ่ายที่ได้เรียกได้ว่าสมราคาแล้วครับ
จุดที่ยังรู้สึกว่าควรนำไปปรับปรุงจะเป็นเรื่องของการโฟกัสที่ทำได้ช้า และมีการอาการหลุดโฟกัสบาง วิธีแก้ไขให้ลองเช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้อง หรือการกดค้างเพื่อล็อคโฟกัสดูครับ
กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 พิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน พร้อมแฟลช LED Soft Light จากการใช้งานพบว่า ตัว Software ทำงานได้ดี มี Face Detection และ Touch Focus ด้วย เรียกได้ว่าตัวกล้องหน้ามีการรีดเอาประสิทธิภาพของ Hardware ออกมาสูงสุดแล้วครับ
โหมด Beauty ในแอปพลิเคชันกล้องของ ASUS Zenfone Live ยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ การพรีวิวภาพจากกล้องหน้าก่อนถ่ายยังไม่รู้สึกถึงความต่างของโหมด Beauty สักเท่าไหร่นัก ปรับสุดแล้วหน้ายังยับอยู่เลย
แต่เวลาถ่ายออกมาหลอนเป็นผีจูออนทั้ง ๆ ที่ตอนพรีวิวยังไม่เป็นแท้ ๆ จึงทำให้เราปรับตั้งค่าไม่ถูก ต้องถ่ายเสร็จก่อน แล้วกดดูรูปภาพที่เซฟเสร็จ ถึงจะรู้ว่าถ่ายออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งตรงนี้ต่างกันกับตัว Beauty Live ที่มีการพรีวิวที่ดีมาก เนียน และ Real time จึงทำให้การปรับตั้งค่าทำได้ดีครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง ASUS Zenfone Live
Performance
ASUS Zenfone Live มาพร้อมกับ ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 เรียกได้ว่าเป็นชิปตัวน้องเล็กสุดก็ว่าได้ครับ
Ram 2 GB ที่ให้มาจากการใช้งานไม่พบว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด ยังสามารถสลับแอปไปมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจครับ
ความจุ 16 GB เรียกได้ว่าเป็นขนาดความจุเริ่มต้นก็ว่าได้ครับ สำหรับสมัยนี้ต้องยอมรับว่าน้อยไปจริง ๆ แต่ก็เราสามารถใส่ Micro SD Card เพิ่มได้ครับ
การใช้งานทั่วไปลื่นไหล จะเล่น Facebook เล่น Line หรือเข้าเว็บไซต์ ทำได้อย่างพริ้ว ๆ จะมีอาการกระตุกตอนดูรูปภาพขนาดใหญ่ที่จะเห็นได้ชัดเท่านั้นครับ
ASUS Zenfone Live ไม่เหมาะที่จะนำมาเล่นเกมจริงจัง ผมได้ทดสอบเล่นเกม ROV ปรับภาพต่ำสุด พบว่าเล่นได้ อาจจะมีช่วง Frame Drop บ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่จะทำให้เราหมดความอยากเล่นไปก่อนจะเป็นเรื่องความกระตุกในหน้าจอเมนูภายในเกมมากกว่าครับ และตัวเครื่องเวลาใช้งานเต็มประสิทธิภาพจะมีความร้อนบริเวณด้านหลังตัวเครื่องอยู่เล็กน้อยด้วยครับ
ลำโพงตัวเครื่องเสียงดังดี และเสียงจะออกไปทางโทน Warm ฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงนุ่ม ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เรียกได้ว่าธรรมดา ๆ ครับ
ASUS Zenfone Live ได้ให้แบตเตอรี่มา 2650 mAh ทดสอบด้วยการดู Facebook Live เป็นเวลา 3 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรี่ลดลงไปประมาณ 25% เรียกได้ว่า ก็ใช้ได้อยู่!!