เทียบสเปค Redmi Note 10 vs Redmi Note 10 5G vs Redmi Note 10S vs Redmi Note 10 Pro ทั้งซีรี่ส์แตกต่างกันตรงไหนบ้าง เรามาดูกัน

Redmi Note 10 คือมือถือตัวคุ้มที่น่าโดนซีรี่ส์หนึ่งของ Redmi ซึ่งประกอบไปด้วย Redmi Note 10, Redmi Note 10S, Redmi Note 10 5G และ Redmi Note 10 Pro ซึ่งด้วยราคาที่จับต้องได้ง่าย ทำให้เป็นตัวหนึ่งที่เลือกยากพอสมควรว่าซื้อตัวไหนถึงจะใช้งานได้คุ้มค่าที่สุด วันนี้ทีมงาน Specphone ของเราจะมาเปรียบเทียบสเปคให้ดูกันชัด ๆ ไปเลยพร้อมทั้งชี้ชัดไปเลยว่าเครื่องไหนเหมาะกับการใช้งานแบบไหนมากกว่ากัน ใครที่กำลังสงสัยก็ไปดูกันได้เลย

• เทียบสเปค Redmi Note 10 vs Redmi Note 10 5G vs Redmi Note 10S vs Redmi Note 10 Pro
• หน้าจอ
• ชิปประมวลผล
• กล้องถ่ายรูป

เทียบสเปค Redmi Note 10 vs Redmi Note 10 5G vs Redmi Note 10S vs Redmi Note 10 Pro

เมื่อดูจากในตารางจะเห็นได้ว่า Redmi Note 10 Pro เป็นเครื่องที่มีาเปคแบบครบครันที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มี Refresh rate สูง ชิปประมวลผลแรง กล้องหลังที่มีความละเอียดสูง รวมไปถึงแบตเตอรี่และระบบชาร์จเร็วที่เยอะเอามาก ๆ ซึ่งใครที่ต้องการมือถือเทพ ๆ แต่งบมีไม่ถึง 10,000 บาทแล้วตัวนี้นับเป็นหนึ่งในรุ่นที่น่าโดนที่สุดแล้ว (แนะนำให้จัดรุ่น 8+128GB ไปเลย ไหน ๆ ส่วนต่างก้แค่ 500 บาทแล้ว เลือกเอาแรมเยอะ ๆ มาเผื่อจะเปิดแอพซ้อนยังจะดีกว่า)

อีกตัวที่น่าสนใจก็คือ Redmi Note 10S ที่ใช้ชิปเกมมิ่งอย่าง Helio G95 ซึ่งเป็นชิปเกมมิ่งตัวบนสุดของซีรี่ส์ Helio มีกล้องความละเอียด 64MP และน้ำหนักที่เบามาก ๆ เพียง 178 กรัมเท่านั้น ทำให้สามารถถือใช้ได้นานโดยไม่เมื่อยมือ อีกทั้งด้วยระบบชาร์จเร็วขนาด 33W ทำให้สามารถเอาไปใช้งานต่อเนื่องได้เร็วขึ้น

สำหรับคนที่ต้องการ 5G ด้วยแล้ว Redmi Note 10 5G คงเป็นตัวเลือกเดียวที่จะเลือกได้ เนื่องจากทุกเครื่องไม่ได้รองรับ 5G เหมือนรุ่นนี้ แต่ด้วยในปัจจุบันชิปที่รองรับ 5G นั้นยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้สเปคที่ใส่มานั้นไม่สามารถจัดเต็มได้เหมือนรุ่นอื่น ๆ แต่ก็ยังมีการใส่ทุกอย่างที่จำเป็นมาอย่างครบครันตามสไตล์ Redmi นอกจากนี้ด้วยหน้าจอ 90Hz ทำให้การใช้งานหน้าจอมีความลื่นไหลมากขึ้นไปด้วย

และสำหรับคนที่งบน้อยจริง ๆ Redmi Note 10 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นเองก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ๆ ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ที่ให่สีสันที่สวยสดกว่ารุ่นอื่น ๆ แถมยังส่งผลให้เครื่องมีความบางมาก ๆ อีกด้วย ทำให้พกพาง่ายขึ้นมาก (ปกติมือถือราคาประมาณนี้จะไม่มีทางได้หน้าจอ Super AMOLED แน่นอน) ซึ่งตัว Note 10 นี้จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ 4+64GB และ 6+128GB ในราคาที่ต่างกัน 1,000 บาท สำหรับใครที่สามารถเพิ่มส่วนต่างนี้ได้ ทางผู้เขียนแนะนำให้เพิ่มเงินแล้วเอาตัว 6+128GB ไปเลย เนื่องจากในปัจจุบันนี้แอพต่าง ๆ นั้นถึงตอนดาวโหลดจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่พอใช้ไปสักพักขนาดมันจะเพิ่มขึ้นมาในระดับที่น่าตกใจเลยทีเดียว ดังนั้นการเลือกรุ่นความจุสูง ๆ เอาไว้แต่ต้นจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง

เทียบสเปค Redmi Note 10 vs Redmi Note 10 5G vs Redmi Note 10S vs Redmi Note 10 Pro แบบทีละจุด

หน้าจอ

หน้าจอของ Redmi Note 10 Series ทุกเครื่องนั้นจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบคือ Super AMOLED, AMOLED และ IPS-LCD ซึ่งถ้าเทียบกันในเรื่องการแสดงผลทั้งสีสันและความคมชัดแล้ว ด้วยตัวเทคโนโลยีของ Super AMOLED นั้นจะทำออกมาได้ดีกว่าเนื่องจากเป็นของที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมาหลังสุดนั่นเอง ว่วนหน้าจอ IPS-LCD นั้นถึงแม้จะเป็นเทคโนโลยีที่ดูเก่า แต่ทว่าหน้าจอพวกนี้ก็มีหลายเกรด ซึ่งจากที่ได้สังเกตมาในหลาย ๆ รุ่น มือถือ Redmi จะเลือกใช้หน้าจอ IPS-LCD ที่มีเกรดที่ค่อนข้างสูง ทำให้ในด้านการแสดงผลสีสันทำได้คล้าย ๆ กับมือถือราคาไม่แพงที่ใช้หน้าจอ AMOLED เลย

แต่นอกเหนือจากชนิดพาแนลของหน้าจอที่มีความแตกต่างกันแล้ว ยังมีเรื่องของค่า Refresh Rate ของหน้าจอที่แตกต่างกันด้วย เพราะหน้าจอของ Redmi Note 10 5G นั้นมีค่า Refresh Rate ที่ 90Hz ส่วน Redmi Note 10 Pro นั้นมีค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz ส่วน Redmi Note 10 และ 10S นั้นจะมีแค่ 60Hz เท่านั้น ซึ่งค่า Refresh Rate สูง ๆ นี้จะส่งผลมากกับตอนเล่นเกม แต่ทว่ามันก็ส่งผลต่อการใช้งานแบบทั่วไปด้วยเช่นกัน โดยจุดที่จะส่งผลคือเวลาใช้งานที่ต้องปัดหน้าจอเร็ว ๆ อย่างการเล่นแอพโซเชียลต่าง ๆ การมีค่า Refresh Rate ที่สูงจะทำให้ภาพที่มองมีความลื่นไหลขึ้น แถมยังสบายตามากขึ้นด้วย ซึ่งในที่นี้ Redmi Note 10 Pro จะได้เปรียบกว่าในด้านค่า Refresh Rate แค่ก็ต้องแลกมาด้วยการกินพลังงานที่มากกว่าด้วยเช่นกัน

ชิปประมวลผล

ในด้านชิปประมวลผลนั้นทั้ง 4 รุ่นใช้ชิปที่แรงในรัดับที่สามารถเล่นเกมแรง ๆ ได้เหมือนกัน แต่ทว่ามันก็มีความแตกต่างกันอยู่ในเรื่องของโมเด็มและการบริโภคพลังงาน แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องการบริโภคพลังงานหลัก ๆ แล้วก็มาจากการใช้งานของเรานี่แหละ โดยชิปประมวลผลในที่นี้จะมี 2 แบรนด์คือ Qualcomm กับ MediaTek ซึ่งชิป Qualcomm นั้นจะมีพลังในการประมวลผลรวมถึงการบริโภคพลังงานต่ำกว่าชิป MediaTek ทว่าในชิปของ MediaTek นั้นจะมีจุดเด่นอยู่ที่มีราคาถูกกว่าชิปของ Qualcomm พอสมควร อีกทั้งตอนนี้ยังมี Dimensity ที่เป็นชิป 5G ราคาถูกอีกด้วย ถ้าให้สรุปหน่อยคือถ้าต้องการใช้ 5G จริง ๆ ก็จำเป็นต้องเลือกชิป Dimensity อย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเลือกมาเล่นเกม จะเลือกเป็นเครื่องไหนก็ได้ เพราะชิปทุกตัวที่ Redmi เอามาใช้สามารถใช้เล่นเกมได้ลื่นเหมือนกันหมมด

กล้องถ่ายรูป

ในด้านการถ่ายรูปนั้นทั้ง 4 เครื่องจะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดหรือชนิดเลนส์ (โดยเฉพาะ Redmi Note 10 5G ที่มีเพียง 3 เลนส์ เนื่องจากราคาส่วนใหญ่ไปตกอยู่ที่ชิป 5G) สำหรับการถ่ายภาพด้วยกล้องหลังนั้นรุ่น Pro จะสามารถถ่ายออกมาได้หลากหลายกว่า และสามารถเอาภาพไปแต่งต่อได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีกล้องหลักที่มีความละเีอยดมากถึง 108MP อีกทั้งเลนส์มาโครยังมีความละเอียดสูงกว่าเครื่องอื่น ๆ ด้วย (เลนส์ ultrawide และเลนส์ depth นั้นไม่มีความแตกต่างกัน) ส่วน Note 10S นั้นมีความละเอียดกล้องหลักที่ 64MP นอกจากนั้นอีก 2 เครื่องที่เหลือจะมีความละเอียดที่ 48MP ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ในเรื่องการใช้งานทั่วไปแล้วไม่ว่าเครื่องไหนก็มีความละเอียดเกินพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะการใช้ถ่ายภาพเพื่ออัพลงแอพโซเชียล ทว่าความแตกต่างของภาพนั้นจะแสดงออกมาให้เห้นเมื่อเอาภาพไปตกแต่งต่อในโปรแกรมแต่งภาพบนคอมพิวเตอร์ (ซอร์ฟแวร์ที่ใช้น่าจะเป็นตัวเดียวกัน เพราะอย่างนั้นความแตกต่างจะเกินจากตัวเลนส์มากกว่า)

ท้ายที่สุดนี้อยากจะขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าตอนเขียนเปรียบเทียบข้างบนนี้เป็นการเปรียบเทียบจากสเปคกระดาษเป็นหลัก เนื่องจากตอนที่เขียนนี้ Redmi Note 10 5G และ Redmi Note 10S ยังไม่เปิดตัวเลยด้วยซ้ำ หากใครที่สงสัยหรืออยากเห็นของจริงก็ขอให้รอจนเครื่องวางขายแล้วไปลองจับลองเล่นดูสักหน่อยก็ดี เนื่องจากถึงแม้สเปคจะดูดีหรือหน้าตาจะดูดีแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่เข้ามือคนใช้ก็เท่านั้น