ถ้าพูดถึงชื่อ ZTE หลายๆ ท่านอาจจะพอคุ้นเคยกันบ้าง กับกลุ่มของมือถือที่เป็นเครื่อง OEM ให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย ที่เลือกใช้เครื่องจาก ZTE มาตีตราและวางขายพร้อมโปรโมชันของตนเอง แต่ก็จะรู้จักในชื่อของแบรนด์ที่ทางผู้ให้บริการเครือข่ายใช้ในการวางจำหน่ายซะมากกว่า ส่วนชื่อของ ZTE เองในต่างประเทศนั้น บอกได้เลยว่าไม่ใช่เบาๆ ทีเดียวครับ ทั้งในส่วนของมือถือและธุรกิจอื่นๆ เช่นการเป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขันกีฬาหลายๆ ที่ มาในช่วงปลายปีนี้ ZTE เองก็มีแผนที่จะมาเปิดตลาดในไทยด้วยตนเองอย่างจริงจังเสียที จึงได้จัดงานเชิญสื่อและบล็อกเกอร์บางส่วนมาพบปะพูดคุยกันที่สำนักงานของ ZTE ในประเทศไทยเองเลย ซึ่งทีมงาน SpecPhone ของเราก็ได้ไปร่วมงาน และจัดการพรีวิวแบบลองจับมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ZTE ที่จะมาบุกตลาดไทยด้วย และมีตัวที่ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ มาชมกันเลย
ก่อนอื่น เรามาดูกันว่าซีรี่ส์มือถือของ ZTE มีอะไรบ้าง
- Nubia อันนี้จะเป็นไลน์บนสุด ท็อปสุด รวมจุดเด่นทุกอย่างไว้ในตัว ซึ่ง ZTE มีแผนจะนำเข้ามาขายในไทยด้วยภายหลังแน่นอนครับ แต่จะใช้ชื่อเป็น Nubia ไปเลย ไม่ใช้คำว่า ZTE นำหน้า
- ZTE Star1 เป็นรุ่นรองลงมา เน้นความเร็ว, ดีไซน์สวยๆ
- ZTE Blade เป็นซีรี่ส์ที่เน้นความคุ้มค่า แต่ยังได้จอสวย ประสิทธิภาพก็ยังดีอยู่ ครบถ้วนการใช้งาน
- ZTE KIS เป็นซีรี่ส์เริ่มต้นสุด เน้นความสุดคุ้ม เหมาะสำหรับใช้เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องเริ่มต้น หรือใช้เป็นเครื่องสำรอง
สำหรับในช่วงแรกนี้ ZTE จะนำ 3 ซีรี่ส์หลังมาจำหน่ายก่อนนะครับ โดยนำร่องมาก่อนด้วยซีรี่ส์ Star และ Blade มาก่อนเลย
สำหรับภายในเดือนหน้า สองรุ่นที่มาชัวร์ๆ ก็คือ?ZTE Blade Vec?และ?ZTE Star 1?ครับ ราคาก็ตามภาพเลย คือ ZTE Blade Vec ราคา 5,790 บาท (ราคาชนกับหลายๆ รุ่นในตลาดได้สบาย) และ ZTE Star 1 ราคา 10,990 บาท
ส่วนอีกสามรุ่นที่จะตามมาก็ได้แก่?ZTE KIS 3?ราคา 1,990 บาท,?ZTE Blade L2?ราคา 3,790 บาท และ?ZTE Blade V5?ราคา 5,990 บาท !! คราวนี้เรามาชมภาพตัวเครื่องกันไปทีละรุ่นเลยดีกว่า
ZTE Star 1
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าซีรี่ส์ Star จะเน้นไปที่ดีไซน์ออกมาดูสวยงาม โฉบเฉี่ยว จากที่สัมผัสครั้งแรก ต้องบอกว่าเครื่องบางเบาดีมากๆ สามารถถือใช้งานได้สบายๆ สำหรับสเปคคร่าวๆ ของ ZTE Star 1 ก็ประมาณนี้ครับ
- ชิปประมวลผล Snapdragon 400 (MSM8928) quad-core ความเร็ว 1.6 GHz ชิปกราฟิก Adreno 305
- แรม 2 GB รอม 16 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 64 GB
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1920 x 1080
- กล้องหลัง 8 ล้าน ถ่ายมาโครได้ระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร กล้องหน้า 5 ล้าน
- Android 4.4 KitKat
- ตัวเครื่องบางแค่ 6.58 มิลลิเมตร
- รองรับ 4G LTE
- ระบบเสียง Dolby
- มีอินฟราเรด สำหรับใช้เป็นรีโมทคอนโทรล
- แบตเตอรี่ 2300 mAh
- ราคา 10,990 บาท
จุดที่น่าประทับใจก็คือน้ำหนักที่เบา, หน้าจอสวย, ตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่มาก พร้อมขอบจอที่บาง ทำให้สามารถใช้งานเครื่องด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ แม้แต่มือผู้หญิงก็สามารถใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาเลย
ส่วนจุดเด่นอื่นที่น่าสนใจในด้านดีไซน์ก็เช่น การออกแบบให้ลำโพงไว้ด้านข้างเครื่อง และการให้ขอบเครื่องเป็นเสาอากาศ เพื่อช่วยให้สามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้น ไม่มีปัญหาการจับเครื่องแล้วสัญญาณหาย ฝาหลังเครื่องก็เป็นกระจก ดูแล้วสวยงามดีครับ แต่ก็เปื้อนรอยนิ้วมือง่ายนิดหน่อย
มาพร้อม Android 4.4.2 KitKat (พร้อมได้รับอัพเดตเป็น Android L ด้วย) สำหรับภาพมุมอื่นๆ ของตัวเครื่อง ZTE Star 1 ก็ตามแกลเลอรี่นี้เลย มีทั้งเครื่องสีดำและสีขาวนะครับ
ZTE Blade Vec
ต่อกันด้วย ZTE Blade Vec ที่เน้นความคุ้มค่า กับราคาที่เปิดมาเพียง 5,790 บาท ซึ่งเปิดมาในช่วงราคาที่กำลังมาแรงในตลาดมือถือบ้านเราเลยทีเดียว ด้านของสเปคก็ประมาณนี้ครับ
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6582 quad-core ความเร็ว 1.3 GHz
- แรม 1 GB รอม 8 GB มีช่อง MicroSD
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- Android 4.4 KitKat
- กล้องหลัง 8 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ใช้งานได้ 2 ซิม รองรับ 3G?ทุกความถี่
- แบตเตอรี่ 2300 mAh
- มีวิทยุ FM
- ราคา 5,790 บาท
สำหรับสเปคของ ZTE Blade Vec นั้น จัดอยู่ในกลุ่มคุ้มๆ ครับ ด้วยราคาไม่ถึง 6,000 บาท แต่ได้จอ IPS 5 นิ้ว HD เท่าที่จับๆ ดู จอสวยดีจริงๆ แทบจะเกินหน้าหลายๆ รุ่นที่ราคาใกล้เคียงกันเลยด้วยซ้ำ กล้องหลังกล้องหน้าก็อยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควร แถมได้แบตเตอรี่ 2300 mAh ที่ใช้งานหนึ่งวันได้แน่นอน และก็ยังเป็นอีกรุ่นที่มาพร้อม Android 4.4 KitKat ทั้งหมดแบบไม่ต้องมาลุ้นอัพทีหลัง ส่วน Android L นั้น คงต้องรอกันอีกทีว่าจะได้อัพเดตด้วยหรือไม่ แต่จากที่ฟังในงานมา ถ้าเครื่องรุ่นไหนได้อัพเดต รับรองว่าจะใช้เวลารอไม่นานครับ เพราะทีมนักพัฒนา นักปรับแต่งรอมของ ZTE ทำงานกันได้ค่อนข้างเร็ว ซึ่งคงต้องพิสูจน์กันต่อไป
ฝาหลังของ ZTE Blade Vec จะใช้พื้นผิวแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ให้สัมผัสในการจับถือที่ดี ไม่ลื่นมือมากนัก ทั้งยังไม่เปื้อนคราบรอยนิ้วมือง่ายๆ ด้วย
มาพร้อม Android 4.4.2 KitKat จ้า
อันที่จริงแล้ว ZTE Blade Vec จะมีสเปคซอยย่อยเป็น 3 รุ่นด้วยกัน สำหรับรุ่นที่ขายในไทยช่วงแรกนี้จะเป็นตัวซ้ายสุด ชิป quad-core (ในภาพนี้เป็นภาพสเปคเก่าหน่อย ข้อมูลบางส่วนจึงอาจไม่ตรงกับเครื่องที่จะเขามาขายจริง) ส่วนรุ่นกลางที่เป็นชิป octa-core (8 คอร์) นั้น คาดว่าจะตามมาในภายหลัง แต่ราคาก็จะสูงขึ้นไปจากตัวแรกนิดหน่อย ส่วนรุ่น 4G LTE ทางขวาสุด คงต้องลุ้นกันไปครับ หน้าตา ZTE Blade Vec
ZTE KIS 3
มาดูรุ่นเล็กสุดกันบ้าง กับ ZTE KIS 3 ซึ่งถ้าใครที่ตามข่าววงการมือถือในต่างประเทศกันมาบ้าง ก็น่าจะพอทราบว่าเครื่องโมเดลนี้ แท้จริงแล้วมันคือเครื่องรุ่นที่ออกแบบมาเป็นมือถือที่ติดตั้ง Firefox OS เป็นระบบปฏิบัติการครับ (ZTE Open C) แต่รุ่นที่จะเข้ามาวางจำหน่ายในไทยเรานี้ จะเป็นรุ่นที่ติดตั้ง Android 4.4 KitKat มาแทน (ไม่แน่ต่อไปอาจมีคนทำให้ลง Firefox OS ได้ด้วยนะ) สำหรับสเปคคร่าวๆ ก็ตามนี้
- ชิปประมวลผล Snapdragon 200 (MSM8210) dual-core ความเร็ว 1.2 GHz
- แรม 512 MB รอม 4 GB รองรับ MicroSD
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480
- กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล fixed-focus
- แบตเตอรี่ 1400 mAh
- รองรับ 3G ความถี่ 900/2100 MHz
- รองรับ 2 ซิม
- มี GPS และ A-GPS
- Android 4.4 KitKat
- ราคา 1,990 บาท
จุดเด่นของ ZTE KIS 3 ก็คือราคาที่เปิดมาไม่ถึงสองพันบาท แต่ได้มือถือชิป Snapdragon สองซิม มี GPS ครบถ้วน ทั้งยังมาพร้อม Android 4.4 KitKat มาเลยแบบไม่ต้องลุ้นครับ ส่วนตัวเครื่องนั้นก็ธรรมดาๆ นะ หน้าจออยู่ในระดับที่ใช้งานได้ ตัวเครื่องเล็กมากๆ เป็นรุ่นเน้นความคุ้มค่า น่าจะแข่งในตลาดสมาร์ทโฟนระดับเบื้องต้นพอได้อยู่เหมือนกัน
ด้านหลังก็ถือว่าเรียบมากๆ วัสดุใช้เป็นพลาสติกผิวด้านเล็กน้อย กล้องหลังก็อยู่ในระดับพอใช้งานได้ตามราคาเครื่องครับ
ทีเด็ดคือได้ใช้ Android 4.4.2 KitKat แบบไม่ต้องลุ้นนี่ล่ะ ส่วนการอัพเดตไปต่อนั้น อาจจะต้องลุ้นกันหน่อยครับว่าจะไปได้ถึงไหน (ไม่แน่อาจมีคนพอร์ต Firefox OS มาให้ลองเล่นกันง่ายๆ ก็ได้นะ)
สเปค ZTE KIS 3 จากในสไลด์นำเสนอครับ ส่วนด้านล่างนี้ก็เป็นแกลเลอรี่รวมภาพตัวเครื่องมุมต่างๆ ชมกันได้ตามต้องการเลย
ZTE Blade L2
ต่อกันด้วยสมาร์ทโฟนจาก ZTE ในซีรี่ส์ Blade อีกหนึ่งรุ่น กับ?ZTE Blade L2 ที่เน้นความคุ้ม แต่ยังใช้งานได้ครบถ้วนอยู่ สเปคจะเป็นอย่างไร มาดูกันเลย
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6582M quad-core ความเร็ว 1.3 GHz
- แรม 1 GB รอม 4 GB รองรับ MicroSD
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 854 x 480
- กล้องหลัง 5 ล้าน กล้องหน้า 0.3 ล้านพิกเซล
- Android 4.4 KitKat
- มีวิทยุ FM
- แบตเตอรี่ 2000 mAh
- รองรับ 3G 850/2100 MHz แต่น่าจะมีรุ่นที่รองรับ 3G 900/2100 MHz ตามมาภายหลังด้วย
- ราคา 3,790 บาท
จุดเด่นของ ZTE Blade L2 ก็อยู่ที่ราคาซึ่งเปิดมาเพียง 3,790 บาทเท่านั้น สเปคที่ได้ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่โอเคเลยครับ ได้จอใหญ่ 5 นิ้ว ชิป quad-core กล้องถ่ายรูปก็มีฟีเจอร์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย แถมได้แบตเตอรี่ 2000 mAh เต็มๆ น่าจะใช้งานได้สบายๆ เลยล่ะ
วัสดุหลักก็เป็นพลาสติกตามปกติ ฝาหลังเรียบเนียนมาก
มาพร้อม Android 4.4.2 นะเออ ไม่ต้องมาอัพเดต (มีลุ้นได้ Android L กันด้วย)
สเปคคร่าวๆ ของ ZTE Blade L2 ครับ ข้อมูลบางส่วนอาจจะไม่ตรงกับเครื่องจริงทั้งที่มีเดโมในวันนี้ และเครื่องจะขายจริงอยู่บ้างนะ
ZTE Blade V5
ปิดท้ายด้วย ZTE Blade V5 ที่ทาง ZTE เองให้ข้อมูลว่าเป็นรุ่นที่ยกดีไซน์จากซีรี่ส์ Nubia มาใช้เลย ทำให้ได้ทั้งเรื่องความสวยงามลงตัวและโฉบเฉี่ยว สำหรับด้านสเปคก็ตามนี้เลย
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6582 quad-core ความเร็ว 1.3 GHz
- แรม 1 GB รอม 8 GB
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- Android 4.4 KitKat
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมชิปประมวลผลภาพ ISP โดยเฉพาะ กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ใช้งานได้ 2 ซิม
- แบตเตอรี่ 2400 mAh
- ราคา 5,990 บาท
แม้ตัวของ ZTE Blade V5 จะเน้นในเรื่องของดีไซน์เป็นหลัก แต่สเปคก็จัดว่าอยู่ในระดับโอเคเลยสำหรับช่วงราคานี้ ด้วยทั้งส่วนของหน้าจอที่ได้ 5 นิ้ว HD กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้าน แบตเตอรี่ก็ได้ 2400 mAh แทบจะจัดอยู่ในระดับใกล้เคียงรุ่นราคาแพงๆ เลย
ฝาหลัง ZTE Blade V5 เป็นพลาสติกผิวมัน ลื่นมือพอสมควร สามารถแกะออกได้นะครับ จุดเด่นก็คือส่วนของกล้องด้านบนที่ใหญ่มาก แต่ก็จะนูนขึ้นมาจากฝาหลังเล็กน้อย เวลาวางเครื่องกับพื้นอาจต้องระวังซักหน่อย ส่วนด้านล่างก็เป็นลำโพงนะ ฟังเพลงได้จุใจแน่นอน
ZTE Blade V5 มาพร้อม Android 4.4.2 เช่นกัน
สรุปสเปคของ ZTE Blade V5 ครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับมือถือที่ ZTE จะนำเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการทั้ง 5 รุ่น มีตัวไหนโดนใจกันบ้างมั้ย? สำหรับใครที่สนใจนะครับ ZTE ?จะเริ่มวางจำหน่ายและโปรโมตผ่านช่องทางร้านตัวแทนจำหน่ายมือถือทั่วไป ที่ยืนยันแล้วว่ามีแน่นอนก็คือ Jaymart ส่วน TG Fone คงต้องรอดูกันอีกที นอกจากนี้ยังจะมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าที่น่าจะอยู่ใกล้บ้านหลายๆ ท่านอย่างเทสโก้โลตัสอีกด้วย รับรองว่าน่าจะหาเครื่องลองเล่น หรือจะหาซื้อก็คงไม่ลำบากแน่นอน
ส่วนตอนนี้ ทีมงาน SpecPhone เราได้ ZTE Blade Vec มาทดสอบและรีวิวนะครับ ยังไงก็รอติดตามชมกันได้เร็วๆ นี้ ^^
อัพเดตล่าสุด
ตอนนี้ ZTE เริมวางจำหน่ายมือถือทั้ง 5 รุ่นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ ส่วนช่องทางการซื้อนั้น ในช่วงแรกจะวางขายแค่ใน Jaymart ก่อน แต่ร้านอื่นๆ ก็ยังพอมีให้เห็นบ้างในบางรุ่น นอกจากนี้ยังมีการขายบนร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopat7 ด้วย (เฉพาะรุ่น ZTE Kis 3) ส่วนตัวท็อปของ ZTE อย่าง ZTE Nubia ทาง ZTE ประเทศไทยก็มีแผนที่จะนำเข้ามาขายในบ้านเราเช่นกันครับ แต่เจอกันในต้นปีหน้านะ