OPPO Find X5 Pro 5G มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง OPPO ที่คราวนี้ได้รับความร่วมมือจาก Hasselblad มาช่วยพัฒนากล้องให้มีความเหนือชั้นยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา อีกทั้งยังมีการใส่ NPU MariSilicon X ที่ OPPO พัฒนาขึ้นมาเอง ช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพและวิดีโอในทุกช่วงเวลา
ซึ่งนอกจากความสามารถในการถ่ายภาพแล้วพลังในการประมวลผลและความเร็วในการชาร์จก็ไม่ธรรมดา เนื่องจากทาง OPPO ใส่ชิปประมวลผลระดับเรือธงสุดแรงอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 มาและให้ระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ที่ทาง OPPO เคลมว่าสามารถชาร์จได้มากกว่า 50% ภายในเวลาแค่ 12 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเรือธงที่อัดสเปคและฟีเจอร์มาอย่างเต็มที่เลย ซึ่งเราจะพาไปดูตัวเครื่องกันคร่าวๆ ก่อนว่าเป็นอย่างไร สำหรับรีวิวการใช้งานนั้นจะตามมาในภายหลังอย่างแน่นอน
สเปคของ OPPO Find X5 Pro 5G
ก่อนเราจะไปดูหน้าตาตัวเครื่องเรามาดูสเปคที่อยู่ในตัวเครื่องกันก่อนดีกว่า โดยสเปคต่างๆ ของ OPPO Find X5 Pro 5G ที่ขายในไทยจะมีดังต่อไปนี้
- หน้าจอ : LTPO AMOLED (Gen 2), ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด 3216 x 1440 พิกเซล (QHD+), Dynamic Refresh Rate 10 – 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, รองรับการแสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+, มีความสว่างสูงสุด 1,300 nits, กระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (4nm)
- GPU : Adreno 730
- NPU : MariSilicon X Imaging
- แรม / ความจุ : 12GB / 256GB (LPDDR5 / UFS 3.1)
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 50 MP, f/1.7, AF, dual-OIS (wide)
- ตัวที่ 2: 13 MP, f/2.4, 2x optical zoom, AF, (telephoto)
- ตัวที่ 3: 50 MP, f/2.2, 110˚, AF (ultrawide)
- กล้องหน้า : 32 MP, f/2.4, fixed focus
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh (2,500 mAh จำนวน 2 ก้อน)
- รองรับระบบชาร์จเร็ว :
- 80W SUPERVOOC
- 50W AIRVOOC
- 10W Reverse Wireless Charging
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย ColorOS 12.1
- กันน้ำ-กันฝุ่น : IP68
- การเชื่อมต่อ :
- 5G SA/NSA
- Wi-Fi 6 (2 x 2 MIMO)
- Bluetooth 5.2 รองรับ Codec SBC, AAC, APTX HD, LDAC, APTX, LHDC
- NFC
- GPS, A-GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- USB Type-C 3.1
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (Optical, ซ่อนใต้จอ)
- Facial Recognition
- Geomagnetic sensor
- Proximity sensor
- Ambient light sensor
- Color temperature sensor
- Accelerometer
- Gravity sensor
- Multi-Spectral sensor
- Gyroscope
- Pedometer
- ขนาด : 163.7 x 73.9 x 8.5 มม.
- น้ำหนัก : 218 กรัม
- สี : Glaze Black, Ceramic White
ราคา : 39,990 บาท
ดีไซน์ของ OPPO Find X5 Pro 5G
ดีไซน์ของ OPPO Find X5 Pro 5G นั้นทาง OPPO ให้คอนเซ็ปต์การออกแบบว่า “ดีไซน์แห่งโลกอนาคตสง่างามเหนือกาลเวลา” ซึ่งทำให้ตัวเครื่องออกมามีความโค้งมนเพรียวบาง ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมด้วยตัวเอง อีกทั้งยังใช้เซรามิกเป็นวัสดุ ช่วยเพิ่มความเรียบหรูให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้ได้รูปแบบดีไซน์ที่มีความเรียบเนียนสวยงาม พร้อมกับองศาลาดเอียง 75 องศา ให้ได้เส้นโค้งมนที่เหมาะสมที่สุด จึงต้องผ่านได้ผ่านขั้นตอนการขัดเงามากกว่า 14 ขั้นตอน ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามอย่างถึงที่สุด แถมด้วยความโค้งมนนั้นยังช่วยให้การจับถือมีความสบายมืออย่างยิ่งด้วย สำหรับสีตัวเครื่องนั้นจะมีให้เลือกเพียง 2 สีคือ Glaze Black และ Ceramic White ซึ่งให้ความเรียบหรูสมกับคำว่าเรือธงสุดๆ
สำหรับหน้าจอของ OPPO Find X5 Pro 5G นั้นเป้นหน้าจอแบบ Punch-hole ขนาด 6.7 นิ้ว ที่มีความละเอี่ยดถึง QHD+ ซึ่งใช้พาแนลแบบ LTPO AMOLED รุ่นใหม่ รองรับฟีเจอร์ Dynamic Refresh Rate ที่สามารถปรับอัตรารีเฟรชได้เองตั้งแต่ 10Hz – 120Hz ให้เข้ากับการใช้งานในขณะนั้นได้ อีกทั้งยังมีความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัสที่เร็วถึง 240Hz (Touch Sampling Rate) นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังรองรับการแสดงผลสีถึง 1.07 พันล้านสี และรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ทำให้สามารถแสดงสีสันออกมาได้แบบจัดเต็มสุดๆ นอกจากนี้เพื่อความแข็งแรงทาง OPPO จึงได้ใช้กระจก Gorilla Glass Victus มาครอบหน้าจอเอาไว้ด้วย
ที่ตัวโมดูลกล้องนั้นจะมาลักษณะเดียวกับตอน OPPO Find X3 Pro คือเป็นโมดูลนูนขึ้นมาจากหลังเครื่อง แต่ที่ต่างออกไปก็คือตัวโมดูลที่นูนขึ้นมานั้นจะมีความเนียนตามากกว่าตอน OPPO Find X3 Pro นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนวิธีจัดวางเลนส์กล้องใหม่อีกด้วย โดยเลนส์ขนาดใหญ่ 2 เลนส์ที่เห็นแบบเด่นชัดก็คือเลนส์หลักและเลนส์มุมกว้างพิเศษที่มีความละเอียด 50 MP และเป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX766 แถมยังใช้กระจก ultra-transparent glass ที่ช่วยเพิ่มความเที่ยงตรงของสีอีก 77.39% ส่วนเลนส์ขนาดเล็กจะเป็นเลน์เทเลโฟโต้ความละเอียด 13 MP ที่รองรับการซูมแบบ Hybrid 5 เท่าและซูมแบบ Digital สูงสุด 20 เท่า นอกจากนี้ยังมีรูไมโครโฟนและไฟแฟลช LED อยู่ด้วย อีกทั้งยังมีข้อความ “POWERED BY MariSilicon” อยู่ระหว่างเลนส์ 50 MP ทั้ง 2 ตัวด้วย
บริเวณรอบเครื่องทั้งซ้ายและขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มอยู่ฝั่งละปุ่ม โดยฝั่งขวาจะเป็นปุ่มสำหรับเปิด – ปิดเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ที่ด้านบนตัวเครื่องจะมีเพียงช่องไมโครโฟนสำหรับตัดเสียบรบกวนอยู่ ส่วนที่ด้านล่างจะมีลำโพงตัวเครื่อง (ลำโพงอีกตัวอยู่เป็นลำโพงตัวเดียวกับลำโพงที่ใช้สนทนา), ช่องใส่ซิมแบบ Dual-Slot (ไม่รองรับ MicroSD Card นะเออ), พอร์ต USB Type-C และรูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา
ตัวอย่างภาพถ่ายคร่าวๆ จากกล้องของ OPPO Find X5 Pro 5G
ระบบปฏิบัติการของ OPPO Find X5 Pro 5G
ระบบปฏิบัติการของ OPPO Find X5 Pro 5G คือ ColorOS 12.1 ที่พัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของ Android 12 ที่ซึ่งได้รับการออกแบบโดยเน้นไปที่การดีไซน์แบบ 3D ด้วยการดีไซน์ไอคอนใหม่ให้เป็น 3D มากยิ่งขึ้น มีการใส่เงาให้ดูมีมิติมากขึ้น แต่ก็ยังคงหน้าตาโดยรวมที่มีความเรียบง่ายและสีสันที่คมเข้มเหมือนเดิม อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนมใจด้วยอย่าง Omoji ที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นภาพอีโมจิอันเป็นเอกลักษณ์, Air Gestures ฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถสั่งการแอปฯ โซเชียลหรือรับสายได้ด้วยการโบกมือเท่านั้น, Super Recorder ฟีเจอร์ที่นอกจากจะเป็นการบันทึกเสียงแล้วยังสามารถแคปภาพใส่ลงไปประกอบได้อีกด้วย, Multi-Screen Connect ฟีเจอร์ที่จะเช่ือมต่อมือถือเข้ากับคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถแก้ไขไฟล์ Word / Excel ในโทรศัพท์ผ่านคอมได้ อีกทั้งยังรับการแจ้งเตือนผ่านคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ColorOS 12.1 นี้นอกจากออกแบบมาให้มีความสวยงามแล้วยังมีอรรถประโยชน์ที่หลากหลายอีกด้วย ทำให้สามารถใช้ความสามารถของตัวเครื่องได้อย่างเต็มที่
จบไปแล้วนะครับกับการพรีวิว OPPO Find X5 Pro 5G สำหรับการใช้งานต่างๆ เราจะมาทำการรีวิวให้เพื่อนๆ ในภายหลังนะครับ ซึ่งจากที่ดูๆ แล้ว OPPO Find X5 Pro 5G นั้นเรียกว่าค่อนข้างน่าสนใจมากเลยทีเดียว ทั้งการดีไซน์ที่ดูเรียบหรู สเปคที่ให้มาแบบจัดเต็ม มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย กล้องระดับเทพที่ได้ Hasselblad มาช่วยพัฒนา ชิป MariSilicon X ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยทำได้เหนือล้ำ และระบบชาร์จเร็วขนาด 80W ที่ใช้เวลาสั้นๆ ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้สามารถเอามาใช้งานต่อได้ เรียกว่าเป็นหนึ่งในเรือธงที่น่าสนใจที่สุดในปี 2022 นี้เลยก็ว่าได้
สำหรับคนที่สนใจสามารถทำการ Pre-Order ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2565 ซึ่งหากสั่งจองภายในเวลาที่กำหนดจะได้รับของสมนาคุณเป็น Premium Service VIP Card, AIRVOOC 45W Wireless Charger และ OPPO Kevlar Protective Case รวมมูลค่าทั้งสิ้น 13,498 บาทไปด้วยเลย นอกจากนี้ถ้าสั่งจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, DTAC และ Truemove H แล้วจะได้รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุดถึง 20,000 บาทด้วยนะ